5 วิธีวาง Content Pillar ให้โดนใจลูกค้าบนหน้าเพจ Facebook

“กำลังคิดคอนเทนต์เพื่อลง Facebook อยู่ใช่ไหม?” – รู้หรือไม่…แม้จะเป็นคอนเทนต์เดียวกัน แต่หากโพสต์ลงเพจในช่วงวเลาที่แตกต่างกัน กระแสตอบรับจากผู้ชมก็อาจแตกต่างกันได้ และเพื่อช่วยให้คุณวางแผนการลงคอนเทนต์บนเพจได้อย่างมีประสิทธิภาพ Digital Tips ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ “Content Pillar” เทคนิคพิเศษสำหรับนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ แล้ว Content Pillar คืออะไร สำคัญแค่ไหน มาติดตามไปพร้อม ๆ กัน!

Content Pillar คืออะไร?

การเขียน Content Pillar

ที่มา: https://www.bkacontent.com/find-professional-content-writers/ 

แน่นอนว่าวิหารจะตั้งอยู่ได้ ก็ต้องมีเสาของวิหารที่แข็งแรงและมั่นคง เช่นเดียวกับการลงคอนเทนต์บน Facebook ที่มีผู้ติดตามมากหน้าหลายตา หลากเพศ หลายช่วงอายุ และแต่ละคนก็สนใจในสิ่งที่แตกต่างกัน 

Content Pillar คือ เสาหลัก หรือ โครงหลักของเนื้อหาบน Social Media ทำหน้าที่แบ่งหมวดหมู่คอนเทนต์ตามวัตถุประสงค์ (Objective) และความสนใจ (Interest) เพื่อช่วยให้คุณสามารถวางแผนการสร้างสรรค์และโพสต์คอนเทนต์ลงบนเพจ ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้คน

การเขียน Content Pillar สำคัญอย่างไร?

ผู้ที่เคยทำคอนเทนต์ลงบนเพจ Facebook หลาย ๆ ท่านอาจคัดค้านว่า “แท้จริงแล้วการเขียน Content Pillar ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด” เนื่องจากจำนวนการมองเห็นโพสต์ (Reach) และการโต้ตอบกับโพสต์ (Engagement) ส่วนใหญ่ จะขึ้นอยู่กับงบประมาณในการยิงแอด Facebook เป็นหลัก เรียกได้ว่า “อยากให้โพสต์ไหนมีคนเห็นมาก ก็ต้องอัดฉีดงบโฆษณาลงไปมาก ๆ” นั่นเอง

อย่างไรก็ดี นี่เป็นความเข้าใจที่ผิดมหันต์ เพราะนอกจากการเขียน Content Pillar จะช่วยให้คุณสามารถเรียงลำดับก่อน-หลังให้กับโพสต์ที่อยู่บนเพจได้แล้ว ยังช่วยให้คุณสามารถแบ่งหมวดหมู่ของคอนเทนต์ เพื่อพิจารณาวัตถุประสงค์ ความสำคัญ รวมถึงการใช้งบโฆษณาสำหรับแต่ละโพสต์ได้อีกด้วย

5 วิธีวาง Content Pillar ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

หากคุณอยากเริ่มวาง Content Pillar เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ และวาง Social Media Strategy ให้ได้ผลดี นี่คือ 5 วิธีที่ Digital Tips อยากบอกคุณ!

Page Transparency

ที่มา: https://www.linkedin.com/pulse/facebook-page-transparency-tool-easiest-cheapest-way-conor-barron 

สำรวจเนื้อหาบนเพจของคู่แข่งทางการตลาด

อันที่จริงแล้ว การสำรวจ Social Media และเว็บไซต์ของคู่แข่ง จัดอยู่ในกระบวนการหนึ่งของ การวิเคราะห์คู่แข่ง หรือ Competitor Analysis อยู่แล้ว ซึ่งเทคนิคนี้ไม่มีขั้นตอนซับซ้อน เพียงแค่คุณค้นหาธุรกิจที่ขายสินค้าและบริการประเภทเดียวกับคุณ มีกลุ่มเป้าหมายกลุ่มเดียวกับคุณ และอาจเป็นธุรกิจที่มีขนาดใกล้เคียงกับคุณ จากนั้น List รายชื่อธุรกิจเหล่านี้เอาไว้ แล้วลองค้นหาดูว่าพวกเขาเปิดใช้งาน Social Media แพลตฟอร์มใดบ้าง (โดยเฉพาะ Facebook) 

เมื่อสามารถรวบรวมรายชื่อ Social Media ของธุรกิจคู่แข่งได้แล้ว ให้เก็บข้อมูลที่จำเป็นต่อการสร้าง Content Pillar อาทิ

  • รูปแบบโพสต์ที่พวกเขามักจะเลือกใช้ เช่น ภาพเดี่ยว (Single Photo), อัลบั้ม (Photo Album) หรือวิดีโอ 
  • แนวทางเนื้อหาของคอนเทนต์ เช่น Tips & How-to, คอนเทนต์แนวจัดอันดับ หรือคอนเทนต์แนะนำโปรโมชัน
  • ความถี่ในการโพสต์คอนเทนต์ เช่น วันละ 1 โพสต์, วันละ 2 โพสต์ หรือสัปดาห์ละ 3-4 โพสต์ 
  • พวกเขามักจะยิงแอดคอนเทนต์ประเภทใด สามารถสำรวจได้จากเมนู Page Transparency บนหน้าโปรไฟล์เพจ หรือสังเกตจากจำนวนยอดไลก์ ยอดแชร์ ที่มากกว่าโพสต์อื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด

สำรวจทรัพยากรที่คุณมี

วางแผน Content Pillar

ที่มา: https://unsplash.com/photos/gcsNOsPEXfs 

ทรัพยากรในที่นี้ หมายถึง เนื้อหา รูปภาพ หรือคลิปวิดีโอที่คุณมี ซึ่งสามารถนำมาใช้สร้างสรรค์คอนเทนต์ได้ทันที ในกรณีที่คุณมีเว็บไซต์ คุณอาจลองสำรวจเนื้อหาคร่าว ๆ จากหน้าแนะนำธุรกิจ หน้ารายการสินค้า หรือหน้าบล็อก ว่าสามารถนำเนื้อหาส่วนใดมาปรับปรุงเป็นคอนเทนต์สั้น ๆ ลงบนเพจได้บ้าง ทั้งนี้ เมื่อคุณเริ่มสำรวจทรัพยากรที่คุณมี คุณจะเริ่มมองเห็นเค้าโครงของคอนเทนต์ และสามารถสรุปได้ว่า วัตถุดิบใดที่คุณยังไม่มี และต้องการเพิ่มเติม อย่าลืม List ไว้ เพื่อจัดหาเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป

สรุปรวบยอดสิ่งที่ตัวเองต้องการจะสื่อสาร

5W1H

ที่มา: https://careerbuilder.vn/en/talentcommunity/5w1h-la-gi-ly-thuyet-ung-dung-va-y-nghia-cua-5w1h-trong-marketing.35A520EE.html 

ก่อนเริ่มการเขียน Content Pillar ลองสรุปรวบยอดก่อนว่า “คุณต้องการทำคอนเทนต์เพื่ออะไร เพื่อใคร ด้วยวิธีการไหน” ผ่านโครงสร้าง 5W 1H ดังนี้

  • What: อะไรคือเป้าหมายของการทำคอนเทนต์ลง Facebook ของคุณ เช่น เพิ่ม Engagement, ทำให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น หรือ เพิ่มยอดขาย
  • When: คุณพร้อมที่จะเริ่มทำคอนเทนต์ลง Facebook อย่างจริงจังเมื่อใด
  • Where: นอกจาก Facebook แล้ว คุณวางแผนเอาไว้ว่าจะลงคอนเทนต์ในช่องทางไหนอีกบ้าง 
  • Why: ทำไมคุณจึงเลือกทำคอนเทนต์ลง Facebook 
  • Who: ใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ
  • How: คุณตั้งใจจะพาแบรนด์พิชิตไปเป้าหมายด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบใด เช่น เริ่มด้วยการเล่าประวัติแบรนด์ ให้คนคุ้นเคย แล้วจึงค่อย ๆ แนะนำสินค้า เป็นต้น

>> ค้นหากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ด้วย 7 วิธีค้นหา Target Audience ที่สร้างยอดขายได้ทะลุเป้า อ่านเลย!

เริ่มจัดกลุ่มเนื้อหาเป็น Content Pillar

Content Pillar คืออะไร

ที่มา: https://www.nancycasanova.com/batch-your-social-media/ 

เมื่อทบทวนแน่ชัดแล้วว่า คุณต้องการจะส่งสารถึงใคร ด้วยวัตถุประสงค์ใด ขั้นตอนต่อไปก็คือการลงมือเขียน Content Pillar ด้วยการจัดกลุ่มเนื้อหาตามความต้องการของคุณ ทั้งนี้ การวาง Content Pillar มีมากกว่า 1 รูปแบบ ในหัวข้อนี้ เราจึงขอยกตัวอย่าง Content Pillar ยอดนิยม 2 รูปแบบ ดังนี้

 ตัวอย่าง Content Pillar – แบ่งตาม Objective

  • Engagement: จัดทำขึ้นเพื่อเพิ่มจำนวน Like, Share และ Comment เช่น คอนเทนต์แชร์ Quote แรงบันดาลใจ, Realtime Content, หรือคอนเทนต์ให้ความรู้ เป็นต้น 
  • Brand Awareness: จัดทำขึ้นเพื่อทำให้คนรู้จักชื่อแบรนด์ จดจำชื่อ ธีมสี และเอกลักษณ์ประจำตัวของแบรนด์ได้
  • Selling: จัดทำขึ้นเพื่อเพิ่มยอดขายโดยเฉพาะ เช่น คอนเทนต์รวมโปรโมชัน หรือ คอนเทนต์เชิญชวนให้ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษผ่านการยิงแอดแบบ Lead Generation
  • Reviews: จัดทำขึ้นเพื่อกระตุ้นการพูดถึงแบรนด์ในวงกว้าง และส่งเสริมให้เกิดการสร้างคอนเทนต์โดยผู้ใช้ หรือ User-generated Content 

>> User-generated Content คืออะไร อ่านต่อได้ที่: User-generated content (UGC) คืออะไร สำคัญต่อการทำแบรนด์อย่างไร?

ตัวอย่าง Content Pillar – แบ่งตามเนื้อหาคอนเทนต์

  • Lifestyle: คอนเทนต์กิน-ดื่มเชิงไลฟ์สไตล์ สามารถดึงดูดผู้ชมทั่ว ๆ ไปได้ดี เช่น คอนเทนต์รวมคาเฟ่ร้านเด็ด, คอนเทนต์รวมสถานที่ Shopping หรือคอนเทนต์รีวิวการเข้าพักโรงแรมชื่อดัง เป็นต้น
  • Education: คอนเทนต์เชิงให้ความรู้ แบ่งปันทริคเด็ด ทำตามง่าย 
  • Realtime: คอนเทนต์เกาะติดกระแส อาจเป็นเพียงวลีฮิต เพลงฮิต หรือมีมที่กำลังเป็นเทรนด์บนโลกออนไลน์
  • Seasoning Content: คอนเทนต์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ตรงกับเทศกาล วันหยุด หรือวันสำคัญ 

H3: จัดทำ Content Calendar

ที่มา: https://www.thehoth.com/blog/content-pillars/ 

ขั้นตอนสุดท้าย คือ การจัดทำ Content Calendar หรือปฏิทินคอนเทนต์ เพื่อวางแผนว่า คุณจะโพสต์คอนเทนต์ที่แบ่งไว้เป็น Pillar ต่าง ๆ ในวันใดบ้างของเดือน โดยคุณอาจวางแผนว่า จะโพสต์คอนเทนต์โดยแบ่งเป็น Pillar ละ 1 วัน หรืออาจมากกว่า 1 วัน ในกรณีที่คุณต้องการเน้นย้ำ Pillar นั้น ๆ มากเป็นพิเศษ

สรุป

Content Pillar ช่วยให้การวางแผนการตลาดออนไลน์ของคุณง่ายขึ้น และยังช่วยให้คุณมีโอกาสศึกษาคู่แข่ง ลูกค้า รวมถึงกระแสสังคมอย่างรอบด้านอีกด้วย อย่างไรก็ดี สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญมากที่สุด ไม่ใช่การวาง Content Pillar แต่เป็นการสร้างสรรค์ทั้งเนื้อหาและภาพประกอบของคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง

อ้างอิง

Semrush Blog. High-Performing Content Pillars: The Complete Guide

Available from: https://www.semrush.com/blog/building-high-performing-content-pillars/ 

Sendible. Content Pillars: The Secret to Brand’s Social Media Success

Available from: https://www.sendible.com/insights/content-pillars

แจก 7 คำสั่ง Bard สุดโปร ตัวช่วยวาง Marketing Strategy ให้มีพลัง
Social Media Strategy
แจก 7 คำสั่ง Bard สุดโปร ตัวช่วยวาง Marketing Strategy ให้มีพลัง

หลังเปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 Bard – AI Chatbot อัจฉริยะสังกัด Google ก็สามารถกวาดคะแนนนิยมมาได้ไม่แพ้ ChatGPT โดยมียอดผู้ชมต่อเดือน 140…

Google My Business คืออะไร? ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้อย่างไร
Google
Google My Business คืออะไร? ช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้อย่างไร

เมื่อต้องการ Search หาสถานที่ ร้านอาหาร หรือร้านกาแฟบน Google ผู้คนจำนวนมากจะนิยมพิมพ์คำค้นหาโดยมีคำว่า “ใกล้ฉัน” ต่อท้าย ไม่ว่าจะเป็น “คาเฟ่ ใกล้ฉัน”,…

ส่องฟีเจอร์ Twitter หลังเปลี่ยนชื่อเป็น X แล้วทำอะไรได้บ้าง?
News
ส่องฟีเจอร์ Twitter หลังเปลี่ยนชื่อเป็น X แล้วทำอะไรได้บ้าง?

ตั้งแต่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โลโก้นกสีฟ้าอันเลื่องชื่อก็หายไป ถูกแทนที่ใหม่ด้วยอักษร X ที่เฉียบคมและเรียบง่าย พร้อมธีมสีดำสนิทที่ไม่คุ้นตาชาวทวิตเตี้ยน แต่นอกจากการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกอย่างโลโก้ สีพื้นหลัง และสีธีมแล้ว การถือกำเนิดของ…