ตัวจัดการโฆษณา Facebook

Facebook ถือเป็นช่องทางการตลาดที่สำคัญที่สุดช่องทางหนึ่งในยุคนี้ เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่มีจำนวนผู้ใช้งานสูงที่สุดแห่งปี (Source: We Are Social) และยังมีฟีเจอร์เกี่ยวกับการโฆษณาที่ตอบโจทย์ทุกธุรกิจอย่าง ตัวจัดการโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ads Manager อีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของฟีเจอร์เหล่านี้ คือการช่วยให้เราสามารถทำโฆษณาได้หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งเลือก Target Audience และจัดการงบประมาณได้ครบถ้วนในฟีเจอร์เดียว

นักการตลาดสาย Digital Marketing, Social Media Marketing และเจ้าของธุรกิจในยุคนี้ไม่ควรพลาด! ใช้ตัวจัดการโฆษณาบน Facebook ให้เก่ง ทำโฆษณาให้ปัง เพื่อเข้าถึงลูกค้าตัวจริงของคุณให้ได้ ..ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้วิธีการใช้งาน Ads Manager อย่างมืออาชีพ พร้อมทิปโปร ๆ ในการยิงแอดโฆษณา ถ้าพร้อมแล้ว มาลุยกันเลย!

Facebook Ads Manager คืออะไร

Facebook Ads Manager คือ ตัวจัดการบัญชีโฆษณาของบริษัท Meta ที่ใช้สร้างและจัดการโฆษณาบน Facebook, Messenger และ Instagram โดยมีฟีเจอร์หลัก ๆ ได้แก่ การสร้างชิ้นงานโฆษณา การยิงแอดโฆษณา (Ads) การเปิด-ปิดการทำงานของโฆษณา การควบคุมงบประมาณ และการติดตามผลลัพธ์ของการทำโฆษณา

ประโยชน์ของตัวจัดการโฆษณาบน Facebook คือ การจัดการโฆษณา (Ads Management) อย่างมืออาชีพและครอบคลุม โดยสามารถสรุปคุณสมบัติเด่น ๆ ได้ ดังนี้

    1. สามารถสร้างโฆษณาได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น รูปเดี่ยว อัลบั้มภาพ สไลด์โชว์ (Carousel ads) หรือโฆษณาแบบ Instant Experience ฯลฯ
    2. สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายเจาะจงได้ละเอียด (Target Audience) เช่น จากความสนใจ จากประวัติการมีส่วนร่วมกับเพจ กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึง (Lookalike audience) จากข้อมูลเชิงประชากร (Demographic) ฯลฯ
    3. เชื่อมต่อกับ Facebook Business Manager เพื่อบริหารจัดการการยิงแอดโฆษณา(Facebook Ads Management) ได้ทีละหลาย ๆ เพจในช่องทางเดียว (สำหรับธุรกิจที่มีหลายเพจ)

ทั้งนี้ การใช้ Facebook Ads Manager ในการทำและยิงโฆษณาจะแตกต่างกับการ Boost Post บนหน้าเพจเพราะจะไม่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดเท่ากับตัวจัดการโฆษณา Facebook

การ Boost Post คืออะไร มีขั้นตอนมากหรือน้อยกว่าการทำโฆษณาใน Ads Manager อ่านเพิ่มเติมได้ที่: Boost Post คืออะไร แตกต่างจาก Facebook Ads Manager อย่างไร

ทำไมคุณควรใช้ Facebook Ads Manager

การทำโฆษณาบน Facebook ดีกว่าการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มอื่นยังไง? 

ข้อมูลทางสถิติด้านล่างนี้มีคำตอบ!

ทำไมคุณควรใช้ Facebook Ads Manager

ขอบคุณภาพจาก blog.hubspot.com

รายงานจาก HubSpot (อัปเดต มกราคม 2023) ระบุว่า Facebook คือ แพลตฟอร์มที่นักการตลาดยืนยันว่า ได้ผลตอบแทนการลงทุน หรือ ROI มากถึง 23% เป็นอันดับ 2 รองจาก Instagram เพียงแพลตฟอร์มเดียวเท่านั้น หรือจากสถิติของ We Are Social (Source: Datareportal) ต่อไปนี้ที่ทำให้นักการตลาดไม่อยากพลาด ไม่ว่าจะเป็น

  • Facebook ในปัจจุบันมีบัญชีผู้ใช้งานที่เป็น Active User มากถึง 2.9 พันล้านบัญชี
  • โฆษณา Facebook มีโอกาสเข้าถึงประชากรโลก (ที่มีอายุมากกว่า 13 ปี) มากถึง 1.9 พันล้านคน

การลงทุนทำโฆษณาบน Facebook ผ่านเครื่องมือ Facebook Ads Manager หรือ ตัวจัดการโฆษณา Facebook จึงช่วยให้นักการตลาดสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น นอกจากนี้ หากคุณเรียนรู้วิธีการจัดการโฆษณาทีละหลาย ๆ บัญชีผ่าน Facebook Business Manager รวมทั้งการทำความเข้าใจเป้าหมายของการทำโฆษณา (Campaign Objective) และการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ก็จะช่วยเพิ่ม Conversion ได้มากขึ้น

>> Facebook Business Manager คืออะไร? มีขั้นตอนการเปิดใช้งานอย่างไร อ่านต่อได้ที่: บัญชี Facebook Business คืออะไร สร้างยอดขายให้ธุรกิจได้อย่างไร

Facebook Ads ทำงานอย่างไร

หากคุณต้องการ ยิงแอด Facebook ให้ได้ผล ต้องทำความเข้าใจกันว่า Algorithm ของ Facebook Ads ทำงานอย่างไร และมีวิธีการคัดเลือก Ads เพื่อนำเสนอต่อผู้ใช้งานบนหน้าฟีดอย่างไร

วิธีการคัดเลือกโพสต์/คอนเทนต์มานำเสนอของ Facebook

จากจุดมุ่งหมายของ Facebook ที่ประกาศว่า ต้องการนำเสนอ “Stories that matter” หรือเรื่องราว
ที่สำคัญหรือน่าสนใจ เพื่อนำมาเสนอเพจ (Page) และโพสต์ (Post) บนหน้าฟีด โดย Algorithm ของ Facebook จะพิจารณาจาก 4 กลุ่มปัจจัยเหล่านี้เป็นลำดับ ได้แก่

  • Inventory คอนเทนต์ทั้งหมดที่มีโอกาสแสดงบนฟีดของผู้ใช้งาน
  • Signals ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่อ่านได้จากตัวโพสต์/คอนเทนต์ เช่น เวลาในการโพสต์ จำนวน Like, Share, Comment ฯลฯ
  • Predictions ความคล้ายคลึงของโพสต์ที่ผู้ใช้งานน่าจะชอบหรือมีส่วนร่วมในทางบวก (Positive Interactions) 
  • Score คะแนนที่คิดจากปัจจัยทั้ง 3 ข้อข้างต้น สรุปเป็นตัวเลขแนวโน้มที่ผู้ใช้งานจะมีส่วนร่วมในทางบวก

วิธีที่ Facebook Ads ทำงานและคัดเลือก Ads

  1. ความเกี่ยวข้อง (Relevance) สิ่งแรกที่ Facebook Ads จะพิจารณาก็คือ โฆษณานั้น ๆ เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ใช้งานมากแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่า คนส่วนมากจะต้องการให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มคนที่อาจจะยังไม่ได้มีความสนใจมาก่อน ดังนั้น การกำหนด Target Audience ใน Facebook Ads Manager ให้ชัดเจน จึงเป็นการบอกความต้องการของเราให้ Algorithm ได้ทราบว่า เราอยากเข้าถึงใคร
  2. คุณภาพของโฆษณา (Ads Quality) Algorithm จะวิเคราะห์คุณภาพของโฆษณา ว่ามีความสร้างสรรค์และน่าสนใจแค่ไหน รูปแบบของโฆษณาเป็นอย่างไร สอดคล้องกับเนื้อหาของโฆษณาหรือไม่ ไม่เว้นแม้แต่รูปและ Caption ที่คุณเลือกใช้ ทั้งนี้ คุณสามารถปรับปรุงชิ้นงานโฆษณาเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ โดยสังเกตจากคำแนะนำบน Facebook Ads Manager หรือ ตัวจัดการบัญชีโฆษณา ก่อนลงมือยิงโฆษณาจริง
  3. งบประมาณและการประมูล (Budget & Bidding) แน่นอนว่า คนที่ลงงบโฆษณามากกว่าก็ย่อมได้เปรียบกว่า แต่ผลลัพธ์ของโฆษณาส่วนหนึ่งก็ยังขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ในการประมูล (Bidding strategy) ว่า เราจะใช้งบอย่างไร กระจายการแสดงโฆษณาอย่างไร ทั้งนี้ ค่า Bid ของแต่ละอุตสาหกรรมก็แตกต่างกันไปตามมูลค่าการขาย เช่น ค่าโฆษณาอสังหาริมทรัพย์ย่อมแพงกว่าค่าโฆษณาเครื่องดื่มและอาหาร คุณจึงควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติม ก่อนยิงโฆษณาจริงบน Facebook Ads Manager

วิธีที่ Facebook Ads ทำงานและคัดเลือก Ads

ขอบคุณภาพจาก digitwindow.com

หลังจากทราบวิธีการคัดเลือกชิ้นงานโฆษณาของ Facebook Ads แล้ว เราสามารถสรุปข้อมูลทั้งหมดในมุมมองของนักการตลาดได้ว่า การจัดการโฆษณาบน Facebook (Facebook Ads Management) ให้มีคุณภาพ จะเพิ่มโอกาสการแสดงผลบนหน้าฟีด และส่งผลให้เกิดการมีส่วนร่วมในเชิงบวก (Positive Engagement) เช่น Like, Share, Comment จากผู้ใช้งานได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะมากหรือน้อยอย่างไร ขึ้นอยู่กับเทคนิคการใช้งานตัวจัดการโฆษณา Facebook (Facebook Ads Manager) การเลือก Goals/Objectives ที่เหมาะสม และการเลือก Target Audience ที่ตรงโจทย์ ตลอดจนการบริหารงบโฆษณาของแต่ละธุรกิจ

การยิงแอดโฆษณา ไม่ได้มีเพียงแต่ Facebook แต่ยังมีแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่สามารถยิงแอด โปรโมทธุรกิจออนไลน์ของคุณได้ สามารถอ่านบทความของเราเกี่ยวกับการยิงแอดได้ที่ “ยิงแอดคืออะไร

 

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเริ่มใช้งาน Facebook Ads Manager

ในตอนต้นของบทความ เราได้อธิบายความหมาย และการทำงานเบื้องต้นของ Facebook Ads Manager เรียบร้อยแล้ว หากคุณอยากทดลองสร้างโฆษณาบน Ads Manager ด้วยตนเอง นี่คือ 4 ปัจจัยหลัก ๆ ที่คุณจะต้องเตรียมพร้อมไว้ ก่อนเริ่มใช้งานตัวจัดการโฆษณาเพจ

1. Facebook Page 

เราไม่สามารถยิงโฆษณาเพื่อโปรโมทโพสต์จากบัญชีส่วนตัวของเราได้ เพราะ Facebook Ads ใช้งานได้เฉพาะกับ Facebook Fanpage เท่านั้น เราจึงต้องสร้างเพจสำหรับร้านค้าหรือธุรกิจขึ้นมาก่อน เพื่อเป็นพื้นที่ที่คุณใช้ติดต่อ แลกเปลี่ยน พูดคุยกับผู้ติดตาม รวมไปถึงการสร้างโฆษณา 

อ่านวิธีสร้างเพจ Facebook แบบถูกต้อง Step-by-Step ได้จากบทความ “วิธีสร้างเพจ Facebook” 

 

2. ช่องทางการชำระเงิน

ก่อนเริ่มยิงโฆษณา ระบบต้องการให้เราระบุช่องทางการชำระเงิน  เพื่อใช้สำหรับชำระค่าใช้จ่ายในการลงโฆษณาก่อน ซึ่งช่องทางชำระเงินที่ใช้เชื่อมกับ Facebook ก็มีหลากหลายช่องทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น บัตรเครดิต/บัตรเดบิต, Paypal, เติมเงินผ่าน QR Code หรือ Wallet ก่อนเริ่มยิงโฆษณา  ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบช่องทางต่าง ๆ ที่สามารถใช้งานได้ ผ่านทางตัวจัดการบัญชีโฆษณา (Facebook Ads Manager)

3. ชิ้นงานโฆษณา

ชิ้นงานโฆษณาในที่นี้ หมายถึง รูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความ ที่เราจะใช้เป็นสื่อโฆษณา แนะนำให้เตรียมไว้ก่อนที่จะอัปโหลดลงในตัวจัดการโฆษณา Facebook โดยเราต้องศึกษามาก่อนว่า สามารถทำคอนเทนต์รูปแบบใด ขนาดใดได้บ้าง จึงจะสามารถอัปโหลดเป็นชิ้นงานโฆษณาได้

4. URL Website หรือ Instagram Account (ถ้ามี) 

เราสามารถใส่ URL Website ลงไปในโฆษณา เพื่อเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นการคลิกเพื่อสั่งซื้อสินค้า คลิกเข้ามาอ่านข้อมูล หรือคลิกเข้ามากรอกฟอร์ม ฯลฯ นอกจากนี้ หากมี Instagram account ก็สามารถเชื่อมต่อบัญชี Instagram เข้ากับตัวจัดการโฆษณา Facebook ซึ่งทำให้เราสามารถสร้างแอดหรือโฆษณาบน IG ผ่านเครื่องมือ Facebook Ads Manager ได้

วิธีเปิดใช้งาน Facebook Ads Manager

มาถึงขั้นตอนการลงมือทำกันแล้ว โดยวิธีการเปิดใช้งานตัวจัดการโฆษณา Facebook หรือ Ads Manager ก็มีอยู่ 2 ขั้นตอน ด้วยกัน ได้แก่ 1) วิธีเปิดใช้งาน Ads Manager และ 2) วิธีตั้งค่าการชำระเงิน

ขั้นตอนที่ 1: วิธีเปิดใช้งาน Facebook Ads Manager

1) หากคุณเคยสงสัยว่า “Facebook Ads Manager เข้ายังไง?” สามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้ง่าย ๆ เริ่มจาก Login เข้าใช้งาน Facebook แล้วคลิกที่ www.facebook.com/adsmanager หรือสามารถคลิกผ่านเมนูบนแถบด้านบน (ไอคอนปุ่มเก้าปุ่ม) และเลือก “Ads Manager” เพื่อเข้าใช้งานตัวจัดการโฆษณา Facebook

วิธีเปิดใช้งาน Facebook Ads Manager

 

2) เราจะเจอกับหน้าต่างควบคุม (dashboard) ของ Facebook Ads Manager หน้าตาแบบนี้

 

หน้าต่างควบคุม (dashboard)

 

ขั้นตอนที่ 2: วิธีตั้งค่าการชำระเงิน

1) คลิกที่ไอคอนขีดสามขีด  แล้วเลือกเมนู “Ad account settings”

Ad account setting

 

2) เลือกกดปุ่ม “Open payment setting” ในบล็อก Business payments

Open payment setting

3) เลือกกดปุ่ม “Add payment method” ในบล็อก Payment methods

Payment methods

4) ตอนนี้ระบบจะแสดงหน้าต่างลอย Add payment information ขึ้นมา ให้เลือกรายละเอียดข้อมูลให้ถูกต้อง ได้แก่ โลเคชัน (Location), สกุลเงิน (Currency) และ Timezone ประเทศ (ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนกด “Next” เพราะหลังจากตั้งค่าเรียบร้อย จะไม่สามารถแก้ไขได้)

Add payment information

5) เลือกวิธีชำระเงินที่สะดวก จากนั้น กรอกข้อมูลรายละเอียดตามช่องทางการชำระเงินที่เลือก

เลือกวิธีชำระเงิน

 

หลังจากเปิดใช้งานและติดตั้งวิธีชำระเงินเรียบร้อย เราก็จะสามารถเริ่มต้นสร้างแอดหรือโฆษณาผ่านตัวจัดการโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ads Manager ได้แล้ว

7 ส่วนประกอบที่ควรรู้บนหน้า Facebook Ads Manager

 

Ads Manager คือ เครื่องมือที่เต็มไปด้วยหลากหลายองค์ประกอบ จึงอาจสร้างความสับสนให้กับคนที่เพิ่งใช้งานครั้งแรก หากคุณเคยคลิกเข้าไปชม Facebook Ads Manager แล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่มั่นใจว่าส่วนใด ปุ่มไหน ใช้ทำอะไร Digital Tips พร้อมแนะนำทุก ๆ ส่วนประกอบสำคัญให้กับคุณ!

ส่วนประกอบบนหน้า Facebook Ads Manager

1. ปุ่มสร้างแคมเปญโฆษณา (Ads Campaign)

ส่วนประกอบ Facebook Ads Manager

ปุ่ม “Create” สีเขียวโดดเด่น (1) คือ จุดเริ่มต้นของการสร้าง Facebook Ads เมื่อเรากด “Create” ตัวจัดการโฆษณา Facebook จะขึ้นหน้าต่างลอย ให้เราเลือกกำหนดวัตถุประสงค์ในการทำโฆษณา (Campaign Objective) อาทิ Brand Awareness, Reach, Engagement, Lead Generation, Messages หรือ Conversion ต่าง ๆ 

**หมายเหตุ: เนื่องจาก Facebook มีการอัปเดตหน้า Interface ใหม่บ่อยครั้ง ดังนั้น หน้า Create new campaign แต่ละบัญชีอาจแสดงผลต่างกัน กล่าวคือ บางบัญชีอาจแสดงผลเป็น 3 หมวดหมู่ (Awareness, Consideration, Conversion) ดังภาพตัวอย่างฝั่งขวา ซึ่งเป็นการแสดงผลแบบเดิม ในขณะเดียวกัน บางบัญชีอาจถูกปรับการแสดงผลใหม่จนเหลือแค่ 6 วัตถุประสงค์ (Awareness, Traffic, Engagement, Leads, App promotion, Sales) ดังภาพตัวอย่างฝั่งซ้าย แต่ไม่ว่าการแสดงผลจะเป็นอย่างไร ลำดับการสร้างโฆษณาขั้นต่อไปก็จะยังคงเป็นเหมือนเดิม

 

อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า ขั้นตอนกำหนดวัตถุประสงค์มีความสำคัญมาก ๆ เพราะจะส่งผลต่อการทำชุดโฆษณา (Ad sets) และชิ้นงานโฆษณา (Ads) ในขั้นต่อไป

2. หน้าต่างแสดงข้อมูลตามโครงสร้างโฆษณา (Facebook Ads Structure)

การสร้าง Facebook Ads ด้วย Facebook Ads Manager จะมีโครงสร้างอยู่ 3 ชั้นด้วยกัน ได้แก่ แคมเปญ (Campaign), ชุดโฆษณา (Ad sets) และชิ้นงานโฆษณา (Ads) ซึ่งจริง ๆ แล้ว เราควรจะทำความเข้าใจโครงสร้างทั้ง 3 ชั้นให้ดี ก่อนที่จะเริ่มต้นสร้างโฆษณา นอกจากนี้ การดูผลลัพธ์ของการทำโฆษณาในแต่ละชั้น ยังช่วยให้เราสามารถเลือกปรับปรุงโฆษณาหรือ ทำ Ads Optimization ได้อย่างตรงจุด โดยไม่ต้องตั้งต้นทำโฆษณาใหม่ตั้งแต่ต้น เพราะสามารถเลือกเปิด-ปิด การทำงานของโฆษณาได้ในทุกชั้นโครงสร้างนั่นเอง

หน้าต่างแสดงแคมเปญโฆษณา (Campaigns Structure)

 

หน้าต่างแสดงแคมเปญโฆษณา

หน้าต่างแสดงแคมเปญโฆษณาทั้งหมด ที่คุณสร้างไว้ใน Facebook Ads Manager  ใช้สำหรับเลือกดูข้อมูลทั้งแคมเปญ โดยเราสามารถควบคุมและจัดการเปิด-ปิดโฆษณาทั้งหมดในแคมเปญได้ ซึ่งหน้าที่หลัก ๆ ของโครงสร้างชั้นแคมเปญ ก็คือ การกำหนดวัตถุประสงค์ในการทำโฆษณา โดยจะได้เลือกทันทีตั้งแต่กดสร้างโฆษณา หรือปุ่ม “Create”

หน้าต่างแสดงชุดโฆษณา (Ad Sets Structure)

 

หน้าต่างแสดงชุดโฆษณา

หน้าแสดงข้อมูลและผลลัพธ์ของชุดโฆษณา ทำให้เรารู้ได้ว่าชุดโฆษณา (ซึ่งอาจประกอบไปด้วยโฆษณาหลาย ๆ ชิ้น) ได้ผลเป็นอย่างไร หรือเมื่อเทียบกับชุดโฆษณาอื่น ๆ ในแคมเปญเดียวกัน หรือชุดโฆษณาใดมีประสิทธิภาพมากกว่า ใช้งบ Bid น้อยกว่า เพื่อเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการทำ Ads Optimization หรือปรับปรุงโฆษณาบน Ads Manager ใหม่ ให้มีประสิทธิภาพและใช้งบโฆษณาน้อยลง

หน้าต่างแสดงชิ้นงานโฆษณา (Ads Structure)

 

หน้าต่างแสดงโฆษณา

 

หน้าต่างแสดงข้อมูลและผลลัพธ์ของโฆษณา (Ads) แต่ละตัว เราสามารถดูข้อมูลส่วนนี้เพื่อดูประสิทธิภาพของโฆษณาแต่ละตัว และเลือกปรับโฆษณาเป็นตัว ๆ ได้

3. หน้า Search & Filter

 

หน้า Search & Filter

ตัวกรองเพื่อค้นหาแคมเปญ ชุดโฆษณา หรือโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงขึ้น เช่น เลือกดูจาก Name/ID ของบัญชีที่สร้างโฆษณา เลือกดูจาก Objective หรือวัตถุประสงค์ในการทำโฆษณา เลือกดูจาก Placement หรือตำแหน่งที่แสดงโฆษณา ฯลฯ

4. Columns Custom

 

Columns Custom

 

การเลือกข้อมูลที่ต้องการให้แสดงมาเป็นคอลัมน์บน Dashboard ซึ่งเราสามารถเลือกดูในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่น เน้นดูการเข้าถึง เน้นดู Engagement หรือเน้นดูผลลัพธ์จากโฆษณาวิดีโอ ฯลฯ ทั้งนี้ หากเราไม่ได้ตั้งค่าอะไรเป็นพิเศษ Ads Manager จะนำเสนอข้อมูลตั้งต้น หรือข้อมูลแบบ Default ซึ่งประกอบไปด้วย Bid Strategy, Budget, Attribution setting, Result, Reach และ Impression 

นอกจากนี้ หากคุณต้องการดูข้อมูลที่ละเอียดหรือนอกเหนือจากเซ็ตคอลัมน์ที่ตัวจัดการโฆษณาบน Facebook สร้างมาให้ สามารถสร้างหน้า Dashboard ตามที่ต้องการได้ผ่านเมนู “Custom Columns”

5.  Breakdown

 

Breakdown

เครื่องมือที่ใช้สำหรับเลือกดูข้อมูลบนตัวจัดการโฆษณาเพจตามเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น การเลือกดูข้อมูลเป็นรายวัน ราย 2 วัน รายสัปดาห์ (By Time) การเลือกดูข้อมูลตามการเข้าถึง (By Delivery) หรือการเลือกดูข้อมูลการกระทำ ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้ทำ ดู Action ที่เกิดขึ้นกับแบรนด์ และผลลัพธ์การดูวิดีโอของผู้ชม (By Action)

6. Reports

 

Reports

 

ฟีเจอร์สำหรับดาวน์โหลดรีพอร์ต (Export) เป็นรายงาน สามารถเลือกได้ว่าต้องการไปไฟล์ .xls หรือ .csv หรืออื่น ๆ โดยที่เราสามารถ Custom Report สำหรับดาวน์โหลดขึ้นมาใหม่ได้

7. แถบแสดงผลคอลัมน์

 

แถบแสดงผลคอลัมน์

แสดงข้อมูลต่าง ๆ ตามคอลัมน์ที่เราเลือกไว้หรือตามคอลัมน์ตั้งต้น (Default)

 

5 Tips การใช้ Facebook Ads ให้มีประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อทราบแล้วว่า Facebook Ads Manager คืออะไร และประกอบด้วยเครื่องมืออะไรบ้าง ในหัวข้อนี้ Digital Tips ขอแชร์เทคนิคการใช้งาน Facebook Ads Manager ให้เต็มประสิทธิภาพ มาดูกันว่า ทำอย่างไรให้แอดของเรามีคนเห็นจำนวนมาก ตรงกลุ่มเป้าหมาย และสามารถสร้าง Conversion ได้จริง ๆ

1. กำหนดกลุ่ม Target Audience

หากคุณต้องการยิงโฆษณาให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ คุณก็จำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับการกำหนด Target Audience บนตัวจัดการโฆษณา Facebook  ซึ่งจะมีให้เราเลือกหลัก ๆ 3 กลุ่ม ดังนี้

กำหนดกลุ่ม Target Audience

1) กลุ่มเป้าหมายแบบกว้าง (Core Audiences) เป็นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายจากข้อมูลทั่ว ๆ ไป เช่น โลเคชัน อายุ เพศ ความสนใจ และพฤติกรรม ฯลฯ

2) กลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเอง (Custom Audiences) เป็นการสร้างกลุ่มเป้าหมายขึ้นมาเอง ซึ่งจำเป็นต้องมีฐานข้อมูลของเรามาก่อนแล้ว เช่น สร้างกลุ่มเป้าหมายคนที่กดถูกใจ Facebook Page คนที่เคยมีส่วนร่วม (Engage) กับคอนเทนต์บนเพจ จากคนที่กดติดตาม Instagram คนที่เคยทัก Direct Message หรือสร้างกลุ่มเป้าหมายจากผู้เข้าชมเว็บไซต์ Website ที่เราเก็บผ่านการติดตั้งโค้ด Facebook Pixel (อ่านเทคนิคในหัวข้อถัดไป)

3) กลุ่มเป้าหมายคล้ายคลึง (Lookalike Audiences) ใช้สำหรับคนที่สร้าง Custom Audience ไว้บน Ads Manager แล้ว แต่ยังอยากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกลุ่มเดิมอีกครั้ง

2. Facebook Pixel เครื่องมือช่วยวิเคราะห์

Facebook Pixel คือ โค้ดเชื่อมต่อและติดตามข้อมูลของ Facebook ที่เราสามารถเอาไปฝังไว้บนเว็บไซต์ของเราได้ เพื่อใช้สำหรับสร้าง Custom Audience จากฐานข้อมูลนอก Facebook

วิธีการทำงานของ Facebook Pixel คือ หลังจากที่เราฝัง Pixel หรือโค้ดไว้บนเว็บไซต์แล้ว เมื่อมีคนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ โค้ดตัวนี้จะคอยติดตามพฤติกรรมการใช้งานของพวกเขาแล้วบันทึกข้อมูลไว้ จวบจนเวลาที่คุณเริ่มสร้าง Custom Audiece หรือ กลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเอง Facebook Ads Manager ซึ่งเชื่อมต่อกับ Facebook Pixel ก็จะดึงข้อมูลที่เคยบันทึกไว้มาสร้างกลุ่มเป้าหมายโฆษณาให้กับคุณ

การใช้ Facebook Pixel จึงทำให้เราสามารถสร้างโฆษณาให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ทำให้งบโฆษณาที่ลงไปคุ้มค่า ไม่เสียเปล่า นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ Facebook Pixel ใน การทำ Facebook Remarketing (ในหัวข้อถัดไป) เพื่อทำให้แอด Facebook ของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

Facebook Pixel เครื่องมือช่วยวิเคราะห์

วิธีติดตั้ง Facebook Pixel เบื้องต้น

  • เข้าไปที่เมนู Event Manager ในตัวจัดการโฆษณา Facebook ของเรา
  • กด “Connect Data” แล้วเลือก Data source เป็น Website
  • ใส่รายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบ
  • คัดลอกโค้ดหรือตัว Facebook Pixel ไว้
  • นำโค้ดไปติดตั้งบน Header ของหน้าเพจเว็บไซต์หน้าต่าง ๆ

3. Remarketing Campaigns

Remarketing Campaigns หมายถึง การทำการตลาดซ้ำกับกลุ่มคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์/ธุรกิจของเรามาก่อนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยใช้คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาในครั้งต่อไป ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะได้ผลกว่าการยิงโฆษณาไปหาคนที่ไม่รู้จักธุรกิจของเรามาก่อน

Remarketing Campaigns

ขอบคุณภาพจาก blog.xola.com

เราสามารถบริหารจัดการโฆษณา (Ads Management) ด้วยการทำ Remarketing Campaigns ได้ 2 วิธี ดังนี้

  • การทำ Remarketing ด้วยการสร้าง Custom Audience เช่น เลือกกลุ่มคนที่เคยซื้อหน้าเพจสินค้าของเรามาก่อน คนที่เคยอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ แล้วเลือกยิงโฆษณาหาคนกลุ่มนี้ (ถ้าใช้
    ฐานข้อมูลจากเว็บไซต์ต้องทำการติดตั้ง Facebook Pixel ก่อน)
  • การทำ Retargeting Ads ผ่านการมีส่วนร่วมบน Facebook เช่น คนที่เคยดูวิดีโอของเรา คนที่เคยดูโฆษณาตัวอื่นของเรามาก่อนแล้ว หรือคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเพจของเรามาก่อน ฯลฯ

อย่างไรก็ดี โดยปกติแล้ว คนที่เคยเห็นโฆษณาของเราหรือรู้จักแบรนด์ของเรามาก่อน ย่อมมีโอกาสปิดการขายสำเร็จได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เคยโดนทำการตลาดจากเรามาก่อน

4. เลือก Campaign goals ที่ถูก

การเลือก Campaign Goal บน Facebook Ads Manager คือ การกำหนดเป้าหมายการทำแคมเปญโฆษณา ซึ่งเราจะได้เลือกตั้งแต่กด “Create” สร้างโฆษณา  อย่างไรก็ดี ขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ Goals หรือ Objectives จะส่งผลต่อการนำเสนอโฆษณาของเราให้กับผู้ใช้งาน Facebook หากเลือกผิดก็อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่หวัง

แคมเปญโฆษณา

ในการทำโฆษณาแต่ละครั้ง แต่ละแคมเปญ เราจึงควรกำหนดก่อนว่า ทำไปเพื่ออะไร

  • ต้องการทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก อยากเข้าถึงคนจำนวนมาก อยากโปรโมทเพจ ให้เลือก
    Brand Awareness หรือ Reach
  • ต้องการให้คนไปยังเว็บไซต์ ให้คนดูหน้า Product  ให้เลือก Traffic
  • ต้องการให้คนทักแชตไปสอบถามรายละเอียดหรือสั่งซื้อสินค้า ให้เลือก Messages
  • ต้องการสร้าง Conversion หรือผลลัพธ์โดยตรง เช่น คนคลิก คนกรอกฟอร์ม หรือทำอะไรบางอย่าง  ให้เลือก Conversion
  • ฯลฯ

5. ติดตามประสิทธิภาพการโพสต์และมีการปรับแต่งอย่างสม่ำเสมอ

หมั่นติดตามผลลัพธ์ของโฆษณาอยู่เสมอ สังเกตว่าโฆษณาตัวใดกำลังไปได้ดีหรือดีกว่าตัวอื่น ๆ โดยเราสามารถเข้าไปดูที่หน้า Dashboard ของ Facebook Ads Manager ได้

วิธีการติดตามประสิทธิภาพของโฆษณา แนะนำให้ดูผลลัพธ์ตาม Facebook Ads Structure แต่ละชั้น เช่น ดูผลลัพธ์ขอแคมเปญ (Campaign) ดูผลลัพธ์รายชุดโฆษณา (Ad sets) หรือดูประสิทธิภาพโฆษณาเป็นรายตัว หากตัวใดที่ราคา Bid แพงแล้วให้ผลลัพธ์ไม่คุ้มค่า ก็สามารถกดระงับโฆษณาได้ และหาทางปรับปรุงโฆษณาบนตัวจัดการโฆษณา Facebook เพื่อให้โฆษณามีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น…

  • ปรับรูป เปลี่ยนรูป
  • เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายใหม่ 
  • ลองทำโฆษณา A/B Testing เปลี่ยนข้อความ (Message) ที่สื่อสาร
  • ทดลองเปลี่ยน Placement ตำแหน่งของโฆษณา
  • ฯลฯ

ต้องการปรับรูป เปลี่ยนรูป ให้มีขนาดที่เหมาะสมกับการยิงโฆษณาบน Ads Manager อ่านต่อได้ที่: ขนาดรูป Facebook 2023 พร้อม Tips ในการลงรูปให้ชัดและสวยปัง

คำถามที่พบบ่อย

1. Facebook Ads Manager ฟรีหรือเปล่า? 

Facebook Ads Manager คือ เครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ยกเว้นในกรณีที่คุณต้องการยิงโฆษณา ซึ่งจะต้องชำระค่าโฆษณาตามที่ Facebook Ads กำหนด

2. Facebook Ads Manager กับ Facebook Business Manager แตกต่างกันอย่างไร? 

Facebook Ads Manager คือ เครื่องมือสำหรับบริหารจัดการโฆษณาบน Facebook (Facebook Ads Management) เท่านั้น ไม่รวมการทำงานส่วนอื่น ๆ บน Facebook ในขณะที่ Facebook Business Manager คือ เครื่องมือสำหรับบริหารจัดการการตลาดบน Facebook อย่างรอบด้าน ทั้งการยิงโฆษณา การตอบ Inbox การตั้งค่าผู้ดูแลเพจ การแก้ไขรายละเอียดต่าง ๆ บนเพจ รวมถึงการดู Insights เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดต่อไป

ข้อสรุปเกี่ยวกับ Facebook Ads Manager

Facebook Ads Manager หรือ ตัวจัดการโฆษณา Facebook เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถสร้างโฆษณาบน Facebook เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเครื่องมือทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มนี้ 

อย่างไรก็ดี แม้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือและฟีเจอร์ต่าง ๆ บน Facebook Ads Manager ครอบคลุมทุกแง่มุมแล้ว แต่เรื่องการสร้างโฆษณาบน Facebook ก็ยังมีกลยุทธ์และเทคนิคต่าง ๆ ให้เรียนรู้อีกมากมาย…..จะยิงแอดอย่างไรให้ลูกค้าเยอะ ยอดขายพุ่ง! Digital Tips มีคลังความรู้เกี่ยวกับ Facebook Marketing และ Social Media Marketing ช่องทางอื่น ๆ อีกเพียบ แอด LINE มาคุยกัน หรือสนใจเรียนยิงแอด สามารถติดต่อ LINE ของ Digital Tips ได้เลย!

สมัครเรียน Digital Tips Academy

3 กรณีศึกษาสำหรับการทำแบรนด์เสื้อผ้า ที่นักธุรกิจหน้าใหม่ต้องรู้
Business | Marketing | SME Inspire
3 กรณีศึกษาสำหรับการทำแบรนด์เสื้อผ้า ที่นักธุรกิจหน้าใหม่ต้องรู้

ใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านแฟชั่น เช่น การทำแบรนด์เสื้อผ้า แบรนด์รองเท้า หรือแบรนด์เครื่องประดับ เพราะนอกจากจะสะท้อนตัวตนของเจ้าของธุรกิจได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังมี Vibe ที่สนุก…

Aggressive Marketing
Marketing | SME Inspire
Aggressive Marketing คืออะไร มีกี่ประเภท เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายใดบ้าง

แต่ละธุรกิจย่อมมีวิธีการหาลูกค้าที่แตกต่างกัน บ้างก็ใช้วิธียิงโฆษณาแบบ Lead Generation ติดโปสเตอร์ ทำคลิป หรือติดต่อผ่าน Connection ที่รู้จักกัน แต่สิ่งที่เจ้าของธุรกิจทุกคนควรรู้ไว้ คือเทคนิคการหาลูกค้าในสมัยนี้จะเน้น ‘เชิงรุก’…

Customer Insight
Marketing | Social Media Strategy
รู้จัก Customer Insight และแชร์เทคนิคการหา Insight ของลูกค้า สำหรับนักการตลาด

ในยุคที่การตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการเข้าใจลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งขึ้น การรู้จักและเข้าใจ Customer Insight จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ ในบทความนี้ Digital Tips จะพาคุณมาทำความรู้จักกับ Customer Insight…