ตลอดปี 2023 ที่ผ่านมา แนวโน้มการทำ SEO ของบริษัทคุณเป็นอย่างไร มีอุปสรรคที่ยากจะฝ่า หรือพบเทรนด์การตลาดใหม่ ๆ ที่มีผลต่ออันดับ SEO บ้างหรือไม่ Digital Tips ชวนคุณมาสรุปภาพรวมทุกอย่างพร้อม ๆ กัน ผ่าน 12 สถิติ SEO ที่คุณควรรู้ตลอดปี 2023 ลองอ่านแล้ววิเคราะห์กันดูได้เลย!
>> อ่านเพิ่มเติม: รวม 5 SEO Tools ยอดฮิต ที่คนทำ SEO ทุกคนต้องมี!
1. มีผู้ใช้งานเพียงราว ๆ 1% ที่จะคลิกหาข้อมูลจากหน้า 2 ของ Google Search
ที่มา: https://backlinko.com/google-ctr-stats?_gl=1*nu6mab*_
เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักการตลาดว่า เราทำ SEO ก็เพื่อดันเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของ Google Search โดยไม่ต้องพึ่งพาการซื้อโฆษณา เพราะอันดับที่ได้จากการทำ SEO นั้นยั่งยืนกว่า และการแสดงผลตั้งแต่หน้าแรกก็ดึงดูดให้ผู้ใช้งานคลิกได้มากกว่า ยืนยันได้จากสถิติ SEO ของ BACKLINKO ที่พบว่าเว็บไซต์ที่ติดอันดับในหน้าแรก (ประมาณอันดับที่ 1-10) จะมีจำนวนคลิกสูงสุดถึงเกือบ 100 ล้าน ในขณะที่เว็บไซต์ตั้งแต่อันดับ 10 ขึ้นไป มีจำนวนคลิกประมาณ 0-1 ล้าน ซึ่งคิดเป็น 1% จาก 100 ล้านเท่านั้น
2. นักช้อปกว่า 70% ซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน
การปรับปรุงหน้า Landing Page ให้สอดคล้องกับการทำงานของอัลกอริทึม และตอบโจทย์ผู้ใช้งาน คือองค์ประกอบสำคัญสำหรับการทำ SEO ซึ่งสิ่งที่คุณต้องทำเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือการปรับ Landing Page ให้รองรับการทำรายการบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Friendly) ยืนยันได้จากสถิติ SEO ของ Semrush ที่พบว่า นักช้อปกว่า 70% นิยมช้อปสินค้าใหม่ ๆ ผ่านสมาร์ทโฟน
3. นักช้อปกว่า 70% มองหาแถบ “Search Bar” เป็นอันดับแรก เมื่อพวกเขาต้องซื้อของผ่านเว็บไซต์
ที่มา: https://www.prefixbox.com/blog/ecommerce-site-search-best-practices/
สถิติ SEO ชุดนี้จาก NOSTO ย้ำเตือนให้คนทำ E-commerce ตระหนักว่า การใส่แถบค้นหา หรือ Search Bar สำคัญแค่ไหนสำหรับลูกค้าออนไลน์ เพราะลูกค้ากลุ่มตัวอย่างกว่า 70% มองหาสิ่งนี้เป็นอันดับแรกเมื่อต้องซื้อของผ่านเว็บไซต์ อย่างไรก็ดี หากคุณอยากเพิ่มคะแนนรีวิวให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว แนะนำให้ใส่ฟีเจอร์ “ตัวกรอง (Filter)” เพิ่มเติมจากแถบค้นหาแบบปกติด้วย
4. Google ยังคงครอง Market Share มากถึง 90% ในตลาด Search Engine
แม้ปัจจุบันจะมี Search Engine ให้ผู้บริโภคเลือกใช้มากแค่ไหน แต่ Google ก็ยังคงครองใจผู้ใช้จำนวนมากอยู่ดี ยืนยันได้จากสถิติของ Statcounter ที่อัปเดต Market Share ของ Search Engine ทั่วโลก และพบว่า Google ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ถึง 90% รองลงมาคือ Bing (3.19%) และ YENDEX (1.78%)
5. Domain ที่ติด Top Ranking ต้องทำ Backlink อย่างน้อย 1 ลิงก์
ท่ามกลางกระแสถกเถียงกันในหมู่คนทำ SEO ว่า Backlink จำเป็นต่อการดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับจริง ๆ หรือไม่ Semrush ก็เดินหน้าหาคำตอบนี้ ด้วยการทุ่มศึกษากว่า 13 เดือน (กรกฎาคม 2021 – กรกฎาคม 2022) จนสามารถยืนยันได้ว่า 92.3% ของโดเทนที่ติดอันดับ 100 Top Ranking จะต้องทำ Backlink อย่างน้อย 1 ลิงก์เสมอ
6. 55% ของเว็บไซต์ที่ไม่เคยทำ Backlink จะไม่ติดอันดับ 1-10 บน Google Search
ที่มา: https://www.semrush.com/blog/how-long-does-it-take-to-rank/
และในการศึกษาสถิติ SEO ฉบับเดียวกับข้อ 5. Semrush ยังพบอีกว่า เว็บไซต์ที่ไม่ทำ Backlink กว่า 55% จะไม่เคยติดอันดับหน้าแรกบน Google Search หรืออยู่ในอันดับมากกว่า 10 เสมอ ซึ่งนั่นยิ่งช่วยยืนยันว่า Backlink ยังคงสำคัญต่อการทำ SEO
7. การติดอันดับบนหน้าแรกของ Google Search แปลผลเป็น CTR ได้ถึง 39.8%
จากการสำรวจของ First Page Sage พบว่า หากคุณสามารถดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google Search ได้ สิ่งนี้จะแปลผลเป็น CTR (Clickthrough Rate) แบบ Organic ได้ถึง 39.8% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่วัดได้ 39.6%
8. การมี Rich Snippet โชว์บน Google Search แปลผลเป็น CTR ได้ถึง 42.9%
ที่มา: https://blog.hubspot.com/marketing/how-to-use-google-rich-snippets
แน่นอนว่าคุณไม่สามารถตั้งค่า Rich Snippets ด้วยตนเองได้ เพราะส่วนเสริมพิเศษนี้เกิดจากการคัดเลือกโดยระบบเท่านั้น อย่างไรก็ดี สถิติฉบับเดียวกันกับข้อ 7. จาก First Page Sgae ยืนยันว่า หากคุณจัดลำดับเนื้อหาในบทความ SEO ดีพอจนมี Rich Snippets ปรากฏขึ้น สิ่งนี้จะสามารถแปลผลเป็น CTR ได้มากถึง 42.9%
9. หน้าเว็บไซต์ที่ใช้ Long-tail Keyword ได้รับจำนวนคลิกมากกว่าหน้าที่ใช้ Keyword คำเดียว
แม้ Long-tail Keyword จำนวนมากมักจะมี Search Volume น้อยกว่า Keyword สั้น ๆ ที่มีเพียงคำเดียว แต่สถิติ SEO ของ BACKLINKO แสดงให้เห็นว่า การใช้ Long-tail Keyword ที่มีความยาวราว ๆ 10 – 20 คำ จะทำให้เว็บไซต์นั้น ๆ ได้รับจำนวนคลิกมากกว่าการใช้ Keyword คำเดียวถึง 1.76 เท่าเลยทีเดียว
10. Keyword ที่เกี่ยวกับ AI มีปริมาณการค้นหาพุ่งสูงขึ้นกว่า 101 ล้านครั้งภายในต้นปี 2023
จากการสำรวจของ Semrush เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 พบว่า ผู้คนนิยมค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ AI มากขึ้นเรื่อย ๆ และนั่นทำให้ปริมาณการค้นหาของ Keyword ที่เกี่ยวกับ AI เพิ่มสูงขึ้นจาก 10 ครั้งต่อเดือน (พฤศจิกายน 2022) เป็น 101 ล้านครั้งต่อเดือน (มีนาคม 2023)
11. หน้าเว็บไซต์ที่มี Target Keyword อยู่ใน URL Slug จะมี CTR มากถึง 45%
การตั้ง URL Slug ไม่ใช่เพียงแค่การตั้งชื่อลิงก์ให้เข้าใจง่ายเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึง Target Keyword ที่คุณมุ่งหมายให้ติด SEO ด้วย และสิ่งที่ยืนยันความหนักแน่นของทฤษฎีนี้ ก็คือสถิติจาก BACKLINKO ที่พบว่า หน้าเว็บไซต์ที่ตั้ง URL Slug ให้มี Target Keyword อยู่ในนั้นด้วย จะมี CTR สูงถึง 45% (เมื่อเทียบกับหน้าเว็บไซต์ที่ตั้ง URL Slug แบบไม่คำนึงถึง Keyword)
12. ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ คือ Metrics อันดับแรก ๆ ที่ธุรกิจ B2B ใช้วัดประสิทธิภาพของคอนเทนต์
สถิติจาก CMI ยืนยันว่า นักการตลาดในธุรกิจ B2B กว่า 86% ยึดเอาปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic) เป็นตัวชี้วัดสำคัญ เมื่อต้องการจะวัดประสิทธิภาพในการทำคอนเทนต์ รองลงมาคือ Email Engagement (83%) , Website Engagement (83%) และ Conversion (79%)
สรุป
ทั้งหมดนี้ คือสถิติ SEO ตลอดปี 2023 ที่ Digital Tips รวบรวมจากเว็บไซต์การตลาดชั้นนำของโลก เพื่อให้คุณสามารถประมาณการแนวโน้มการทำ SEO ในปี 2024 อย่างไรก็ดี 2 ปรากฏการณ์สำคัญที่เราค้นพบในปี 2023 คือการค้นหาข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟน และการค้นหาข้อมูลด้วย Keyword ที่เกี่ยวกับ AI ซึ่งคุณสามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้วางแผนกลยุทธ์ให้เฉียบคมยิ่งขึ้นในปีหน้าได้
อ้างอิง
Semrush. Top 106 SEO Statistics
Available from: https://www.semrush.com/blog/seo-statistics/#seo-industry-statistics
Backlinko. Here what we learned about organic click trough rate
Available from: https://backlinko.com/google-ctr-stats?_gl=1*nu6mab*_