Google Trend หรือ กูเกิ้ลเทรนด์ คือเครื่องมือในการทำการตลาดของ Google ที่ช่วยในการตรวจสอบความนิยมของ Keywords บนโลกออนไลน์ที่ผู้คนในแต่ละพื้นที่กำลังให้ความสนใจโดยจะให้ภาพรวมของความนิยมของคำค้นหาในแต่ละช่วงเวลา สามารถเปรียบเทียบความนิยมของหลาย ๆ คำค้นหาได้ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการทำการตลาดหลายด้านเช่น Digital Marketing, Content Marketing หรือแม้แต่การทำ SEM วางกลยุทธ์ในการยิงแอด
ในบทความนี้เราเลยขอพาทุกคนมารู้จักว่า Google Trend คืออะไร สำคัญต่อการทำ SEM อย่างไร และวิธีใช้ Google Trend เพื่อให้คุณสามารถวางกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปติดตามกันได้เลยค่ะ
Google Trend คืออะไร
Google Trend คือ เครื่องมือของ Google ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสำรวจคำค้นหาและหัวข้อยอดนิยมบน Google ได้ ผู้ใช้สามารถเห็นภาพรวมของความนิยมของคำค้นหาในแต่ละช่วงเวลา และเปรียบเทียบความนิยมของหลาย ๆ คำค้นหาได้ นอกจากนี้ ยังสามารถดูลักษณะการค้นหาของผู้ใช้ที่แบ่งเป็นประเทศและเจาะลึกไปยังจังหวัดหรือภูมิภาคต่าง ๆ ได้เช่นกัน
นอกจากนั้นยังสามารถดูเทรนด์คำค้นหายอดฮิตรายวันได้อีกด้วย แถมยังมี Filter ที่ช่วยให้คุณกดย้อนดูความนิยมในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาเพื่อวิเคราะห์โอกาสเติบโตของ Keyword นั้นเพื่อนำไปต่อยอดในการสร้างคอนเทนต์ได้อีกด้วย บอกได้เลยว่า Google Trend คือสิ่งที่นักการตลาดทุกสายงานควรต้องลองใช้สักครั้ง
โดยคุณสามารถลองใช้งาน กูเกิ้ลเทรนด์ ได้แบบฟรี ๆ ขอเพียงแค่มี Google Account เท่านั้น ใช้งาน Google Trend ตอนนี้!
ประโยชน์ของ Google Trend สำหรับนักการตลาด
สำหรับประโยชน์ของ Google Trend คือ ช่วยให้นักการตลาดที่มีความจำเป็นต้องทำงานอยู่กับการ ‘จับ’ เทรนด์ในแต่ละวันหรือแต่ละเดือนเพื่อนำมาสร้างสรรค์เป็นคอนเทนต์หรือนำมาใช้ประโยชน์ในการยิงแอด Facebook และการทำ SEM (ผ่านการใช้ Google Ads) โดยเราจะขออธิบายประโยชน์ของ Google Trend สำหรับนักการตลาดหลัก ๆ 2 ข้อได้แก่
1. วางกลยุทธ์ในการยิงแอด
คุณสามารถใช้ Google Trend ในการเปรียบเทียบกับคู่แข่งในเชิงการรับรู้ของแบรนด์ ความสนใจต่างๆ
และยังใช้ตรวจสอบความสนใจของกลุ่มลูกค้าที่มีการค้นหาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนหรือออกแบบกลยุทธ์ในการยิงแอด โดยเฉพาะการยิงแอด SEM ได้เป็นอย่างดี เพราะคุณจะรู้ว่าในช่วงนี้พฤติกรรมของผู้คนในแต่ละพื้นที่ จะนิยมค้นหาคำว่าอะไรกัน
และยังช่วยให้คุณได้รู้ว่าผู้คนในแต่ละพื้นที่ให้ความสนใจค้นหาใน Keyword อะไร เพื่อที่คุณจะสามารถตั้งคำค้นหาในการทำ SEM ได้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง ยิงแอดคืออะไร มีกี่รูปแบบ วิธียิงแอดให้ปัง อัปเดตปี 2023
2. วางแผนการทำ SEO และ Content Marketing
เช่นเดียวกันกับในการทำ SEO และ Content Marketing ที่การใช้งาน Google Trend ก็สามารถเข้ามาช่วยได้ เพราะการใช้งาน Google Trend จะทำให้คุณได้รู้ถึงคำค้นหายอดนิยมในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะคนที่ต้องการเริ่มทำ Blog บทความ แต่ไม่รู้ว่าควรจะนำ Keyword ไหนมาในการทำ SEO การใช้งาน Google Trend จะช่วยให้คุณสามารถดูเทรนด์ความสนใจมาทำ Realtime Content ทั้งในส่วนของ Blog และ Social Media Content ด้วย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : SEO คืออะไร พร้อมกลยุทธ์ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกบน Google
Google Trend มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง ?
Google Trend มีประโยชน์ต่อธุรกิจออนไลน์มากมาย ไม่ใช่เพียงแต่นักการตลาด แต่ในมุมของธุรกิจก็ยังสามารถได้ประโยชน์จากการใช้งาน Google Trend ด้วยเช่นกัน
- เช็กความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย – ช่วยให้ธุรกิจรู้ได้ว่าตอนนี้กลุ่มเป้าหมายกำลังให้ความสนใจหรือค้นหาใน Topic อะไรอยู่ ช่วยให้การวางกลยุทธ์ยิงแอดและสร้างสรรค์คอนเทนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อวางกลยุทธ์ SEM และ SEO – ต่อยอดจากข้อแรก คุณจะได้ชุดข้อมูลพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเพื่อนำไปใช้ต่อยอดกับการทำ SEM และ SEO ใน Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายกำลังให้ความสนใจ
- สร้าง Content ที่มีคุณภาพ และ ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย – การใช้ Google Trend จะช่วยให้คุณนำเอา Keyword เหล่านั้นมาสร้างสรรค์ Content ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้
- เช็กความนิยมของสินค้าและบริการในช่วงเวลานั้น ๆ – ทำให้คุณรู้ได้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาสินค้าอะไรที่กำลังเป็นที่นิยมจากผู้บริโภคที่ได้ทำการค้นหาใน Google
- เปรียบเทียบคู่แข่งธุรกิจประเภทเดียวกัน ในเชิงการรับรู้ Brand – ในมุมของแบรนด์จะทำให้คุณได้รู้ตำแหน่งของธุรกิจคุณว่ามีคู่แข่งในประเภทเดียวกันเยอะ-น้อยแค่ไหน ผ่านการดูข้อมูลใน Google Trend ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหา
- ใช้เพื่อหาโอกาสทางการตลาด – ถ้าธุรกิจของคุณต้องการหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการทำการตลาด การใช้ Google Trend ตอบโจทย์มาก เพราะคุณจะได้เห็นแนวโน้มและเทรนด์ในแต่ละวันของกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง Data Analytic คืออะไร? การใช้ Big Data สามารถต่อธุรกิจได้ขนาดไหน?
วิธีใช้ 10 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ของ Google Trend
หลังจากที่เราได้ทราบแล้วว่า Google Trend คืออะไร หัวข้อนี้เราจะขอพาทุกคนมาเรียนรู้ วิธีใช้ 10 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ของ Google Trend เพื่อช่วยให้การใช้งาน Google Trend ในการทำ SEM หรือการทำการตลาดอื่น ๆ เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
1. ค้นหา Niche Marketing
Google Trend สามารถใช้งานในการค้นหา Niche Marketing หรือคำค้นหาที่มีความเฉพาะกลุ่ม เพื่อทำให้คุณได้เจาะตลาดกลุ่มสินค้าที่มีความเฉพาะเจาะจง โดยจากภาพตัวอย่างด้านล่าง ได้ลองกำหนดคำค้นหาเป็นคำว่า Men’s Fashion เพื่อดูแนวโน้มการที่ผู้คนกดค้นหา Keyword นี้ จากกราฟคุณสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในกราฟว่ามีการลดลงเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่แล้ว ปริมาณการค้นหาสำหรับช่องนี้ค่อนข้างคงที่
แสดงให้เห็นว่าผู้คนก็ยังให้ความสนใจกับสิ่งนี้อยู่ ต่อให้จะเป็น Niche Market ก็ตามโดยคุณสามารถเพิ่มความละเอียดให้ข้อมูลด้วยการกด Filter ด้านบนกราฟ เพื่อเลือก Location, เวลาในการค้นหา, แพลตฟอร์มในการค้นหา ฯลฯ ได้เช่นเดียวกัน
2. ใช้ Google trend หาของมาขาย
หากธุรกิจของคุณกำลังต้องการสินค้าใหม่ ๆ มาขายเพิ่มการใช้ Google Trend ก็ช่วยได้เหมือนกัน เพราะ Google Trend มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Related Topic คือเมื่อคุณกรอก Keyword หลักลงไปแล้วระบบจะแสดงคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง (Related Topic) มาให้ด้วย ซึ่งเป็น Keyword ที่เกี่ยวข้องกับ Keyword หลักและยังเป็น Keyword ที่ผู้คนมักจะกดค้นหาต่อเนื่องจาก Keyword หลักด้วย
เช่นตัวอย่างเลือก Keyword หลักเป็นคำว่า Eyelashes (ขนตา) ตัว Related Topic จะแสดงคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีคำว่า Sun Tanning (ครีมกันแดด) และ Artificure Nails (เล็บปลอม) ขึ้นมาให้ด้วย ซึ่งจะทำให้คุณได้ไอเดียในการหาสินค้าใหม่ ๆ มาขายในร้านของคุณเพิ่มขึ้น
3. วางแผน Research Keyword
นอกจาก SEO Tools ต่าง ๆ เช่น Ubersuggest, MOZ ฯลฯ ที่ใช้ในการค้นหา Keyword แล้ว Google Trend ก็ยังสามารถเป็นเครื่องมือในการค้นหา Keyword คำที่เกี่ยวข้องได้เหมือนกันด้วยการใช้งานฟีเจอร์ Related Queries หรือคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง เพียงแค่เรากรอกคำค้นหาหลักลงไป 1 คำ จากนั้นเลื่อนลงมาล่างสุดฝั่งขวา (จะอยู่ใกล้ ๆ กับ Related Topics ในข้อที่แล้ว)
จากตัวอย่างจะค้นหา Keyword หลักคำว่า ‘หมอนรองคอ’ สังเกตได้ว่าจะมีคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง พร้อมปริมาณการเติบโตของการค้นหาปรากฏให้เราเห็น ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้สามารถช่วยนักการตลาดในการวางแผน Keyword ทั้งในการทำ SEO และ SEM ได้แบบฟรี ๆ ใน Google Trend ตัวเดียว
4. ดูแนวโน้มความต้องการตามฤดูกาล
Google Trend คือ เครื่องมือที่ยังช่วยให้นักการตลาดดูแนวโน้มความต้องการของสินค้าตามฤดูกาลต่าง ๆ ได้ด้วย (แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบ) เพียงแค่เรากรอก Keyword หลักที่ต้องการค้นหาลงไป จากตัวอย่างจะใช้คำว่า ‘รองเท้าวิ่ง’ จากนั้นให้คุณกดเลือกกรอบเวลาที่ต้องการดูข้อมูลซึ่ง Google Trend จะมีกรอบเวลาให้เลือกที่ค่อนข้างละเอียดเลยเช่น Past 4 Hour, Past 7 Days, Past 30 Days, Past 12 Months, Past 4 Years หรือจะ Customs กำหนดเป็นวันที่ที่ชัดเจนไปเลยก็ยังทำได้
โดยตัวอย่างเราลองกำหนดเวลาแบบ Customs 2 เดือนย้อนหลังโดย Google Trend จะแสดงผลเป็นกราฟแนวโน้มการค้นหา Keyword คำว่ารองเท้าวิ่ง มาให้คุณดูได้เลยว่าช่วงเวลาไหนที่คำค้นหานี้ได้รับการค้นหาจากผู้คนมากที่สุด ทำให้คุณสามารถดูแนวโน้มความต้องการของสินค้าในช่วงฤดูกาลต่าง ๆ ของปีได้นั่นเอง
5. ผลิตคอนเทนต์ที่สดใหม่ ไม่ซ้ำกับคู่แข่ง
การผลิตคอนเทนต์ที่สดใหม่ มีความหลากหลายและไม่ซ้ำคู่แข่งนั้น ถือเป็นเทคนิคการทำ Content Marketing ที่คลาสสิกและใช้ได้ผลจริงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนซึ่ง Google Trend คือเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ของคุณได้เป็นอย่างดี
โดยขอยึดจากการฟีเจอร์เดียวกับข้อที่แล้ว คือเมื่อคุณกรอกคำค้นหาหลักลงไปแล้ว เลือกกรอบเวลาที่ต้องการดูข้อมูล คุณจะสังเกตเห็นกราฟความนิยมของคำค้นหานั้นและ Keyword ที่เกี่ยวข้อง เมื่อคุณได้ข้อมูลตรงนั้นมา ก็ลองหาโอกาสและเลือก Keyword ที่น่าจะทำอันดับได้ (มีการแข่งขันไม่สูงมาก) มาเลือกใช้ในการทำคอนเทนต์หรือเขียนบทความ ก็จะทำให้คอนเทนต์ที่คุณสร้างสรรค์ขึ้นมานั้นมีความแปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร และกระตุ้นความน่าสนใจในการกดเข้ามาอ่านให้กลุ่มเป้าหมายได้
6. สร้างคอนเทนต์ ที่สอดคล้องกับเทรนด์ในปัจจุบัน
ใน Google Trend นอกจากเราจะกำหนด Keyword หลักในการค้นหาเพื่อดูค่าสถิติแนวโน้มหรือคำค้นหาที่เกี่ยวข้องได้แล้ว Google Trend ยังสามารถดู Keyword ที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ได้อีกด้วย ผ่านฟีเจอร์ Recently Trending โดยให้คุณเข้าหน้าแรกของ Google Trend แล้วเลื่อนมาลงมาเล็กน้อย ก็จะเจอกับคำค้นหาที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้
ซึ่งสามารถช่วยให้คุณสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สอดคล้องกับเทรนด์ในปัจจุบันได้ จากตัวอย่างคำว่า ‘ดาวหางสีเขียว’ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แสดงว่าประเด็นกำลังได้รับความสนใจจากผู้คน คุณก็อาจจะลองเอา Keyword ดาวหางสีเขียว ไปสร้างสรรค์เป็นคอนเทนต์ทั้งในรูปแบบบทความ SEO หรือ Social Media Post ก็จะได้รับ Traffic เพิ่มขึ้นให้แก่ธุรกิจของคุณได้ง่าย ๆ เลย
7. ค้นหา Keyword ที่กำลังเป็นที่สนใจของเฉพาะภูมิภาคนั้น ๆ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ลับที่ Google Trend ช่วยคุณได้คือการค้นหา Keyword ที่กำลังเป็นที่สนใจของเฉพาะภูมิภาคนั้น ๆ โดยให้คุณกรอก Keyword หลักลงไป 1 คำจากนั้นเลื่อนลงมาดูที่ Sitemap ที่แสดงผลการค้นหาตามจังหวัดหรือภูมิภาค จะทำให้คุณรู้ได้เลยว่าในจังหวัดไหนของประเทศไทย ที่มีการค้นหา Keyword คำนั้นมากที่สุด
จากตัวอย่างกำหนด Keyword หลักคำว่า ‘วิตามินซี’ จะสังเกตได้เลยว่าการค้นหา Keyword นี้มากที่สุดคือจังหวัดที่อยู่ในภาคเหนือทั้ง ลำพูน, พะเยา, สุโขทัย และพิษณุโลก ซึ่งก็ทำให้คุณสามารถกำหนดกลยุทธ์การตลาดหรือการยิงแอด ที่เจาะจงไปตาม Location ได้ดีขึ้น
8. เปรียบเทียบคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน
ข้อนี้ถือว่าตอบโจทย์นักการตลาดมาก ๆ เพราะ Google Trend สามารถใช้เปรียบเทียบคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันได้ผ่านการใช้ฟีเจอร์ Comparison ที่จะช่วยให้คุณเห็นอัตราการค้นหาเปรียบเทียบมากกว่า 1 คำโดยให้คุณกรอก Keyword หลักลงไป 1 คำจากนั้นให้กดที่ Add Comparison เพื่อกรอก Keyword ที่จะใช้ในการเปรียบเทียบลงไปอีก 1 คำ
จากตัวอย่างกำหนด Keyword หลักเป็นคำว่า Toyota Yaris แล้วกด Add Comparison เลือก Keyword ไปอีก 1 คำโดยตัวอย่างจะใช้เป็นคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันอย่าง Honda City จากนั้น Google Trend จะแสดงปริมาณการค้นหาให้เห็นเลยว่าระหว่างคำว่า Toyota Yaris และ Honda City มีปริมาณการค้นหาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยทำให้การเปรียบเทียบคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันเป็นเรื่องง่ายขึ้นและยังทำให้คุณรู้ Brand Position ของตัวเองในตลาดอีกด้วย
9. ค้นหาแนวโน้มความต้องการ บน Youtube
อีกหนึ่งฟีเจอร์ลับของ Google Trend คือการค้นหาแนวโน้มความต้องการ บน Youtube เพราะปัจจุบัน Youtube คือส่วนหนึ่งในบริการของ Google แน่นอนว่า Search Engine ก็ย่อมเป็นตัวเดียวกัน นั่นทำให้เหล่า Content Creator สามารถค้นหาแนวโน้มความต้องการ บน Youtube เพียงกำหนด Keyword หลัก 1 คำ จากนั้นให้เลือก Filter เปลี่ยนจาก Web Search เป็น Youtube Search คุณก็จะเห็นข้อมูลได้เลยว่าใน Youtube มีปริมาณผู้คนที่ค้นหา Keyword ของคุณมาก-น้อยเพียงใด ในช่วงระยะเวลาไหนบ้าง เป็นต้น
10. กำหนดช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับยิงแอด
เพียงเปลี่ยน Filter จาก Web Serach เป็น Google Shopping หลังจากกรอกคำค้นหาหลักก็จะช่วยให้คุณกำหนดช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับยิงแอดสำหรับการทำ SEM ได้เพราะ Google Trend จะแสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลาไหนบ้างที่การยิงแอดได้รับความนิยม ซึ่งช่วยให้คุณสามารถกำหนดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการยิงแอดไปหากลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการได้อย่างแม่นยำมากขึ้นนั่นเอง
สนใจเรียนคอร์ส >> คอร์สสอน Google Ads (Adwords)
ใช้ Google Trend ช่วยทำ SEO
การใช้ Google Trend ช่วยทำ SEO ก็ยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและยังเป็นวิธีที่ใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย เรียกว่าเหมาะมาก ๆ สำหรับนักการตลาดสายคอนเทนต์ที่ต้องการเขียนบทความหรือทำ SEO แต่เราลองมาดูกันก่อนว่าเราจะมีวิธีใช้ Google Trend ในการทำ SEO ได้อย่างไรบ้าง
1. วางแผน Keyword สำหรับทำ SEO
ใน Google Trend จะช่วยให้คุณสามารถวางแผน Keyword ได้ด้วย ซึ่งเอาจริง ๆ ฟีเจอร์ในการหา Keyword ของ Google Trend สามารถใช้ได้ในระดับเริ่มต้น แต่ถ้าคุณต้องการเห็นปริมาณ Search Volume หรือ Metrics อื่น ๆ ที่สำคัญของการทำ SEO แนะนำว่าให้ใช้ SEO Tools โดยเฉพาะจะตอบโจทย์กว่าค่ะ
จากตัวอย่างใช้ Keyword หลักคำว่า เคสไอโฟน ถ้าคุณต้องการดูว่า Keyword คำที่คุณเลือกใช้มีแนวโน้มที่จะทำอันดับได้หรือเปล่าหรืออยากดูกระแสของ Keyword คำนั้น ๆ ก็สามารถใช้ Google Trend ในการวางแผน Keyword Research เบื้องต้นได้ (แถมยังดาวน์โหลดออกมาเป็น Report ได้อีกด้วยนะ)
2. หา Keyword หรือ หัวข้อ ที่เกี่ยวข้อง
Google Trend ยังสามารถช่วยคุณหา Keyword หรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการทำ SEO มาก ๆ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือหา Keyword หัวข้ออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Keyword หลักของคุณได้ ซึ่งการใช้งานหา Keyword หรือ หัวข้อ ที่เกี่ยวข้องใน กูเกิ้ลเทรนด์ ก็ใช้งานได้ง่าย ๆ เพียงกรอก Keyword หลัก 1 คำลงไปและเลื่อนมาล่างสุดฝั่งขวา ก็จะเจอกับ Related queries ซึ่งจะบอก
Keyword หรือ หัวข้อ ที่เกี่ยวข้องมาให้คุณเห็นได้เลย (จากตัวอย่าง เลือก Keyword หลักคำว่า เคสไอโฟน)
3. หาไอเดียเพื่อผลิตคอนเทนต์
ในกรณีที่คุณกำลังหาแนวทางใหม่ ๆ ในการผลิตคอนเทนต์แต่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้สังคมกำลังพูดถึง Trend ไหนกันอยู่ Google Trend ก็สามารถช่วยคุณได้นะคะ โดยให้คุณเข้าไปยัง Google Trend ในหน้าแรกแต่ยังไม่ต้องกรอกคำค้นหาอะไร ให้เลื่อนลงมาเล็กน้อยจะเจอกับฟีเจอร์ Recently Trend คือเทรนด์ที่กำลังเป็นที่ค้นหาอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นว่าตอนนี้สังคมกำลังให้ความสนใจในหัวข้ออะไรมากที่สุด
จากนั้นก็ลองนำไอเดียที่ได้มาต่อยอดในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ผลิตคอนเทนต์ที่ไม่ซ้ำใครทั้งในรูปแบบของบทความ SEO หรือจะเป็น Social Media ก็ได้เช่นกันคะ
4. ช่วยหา Backlink ที่มีคุณภาพ
การทำ SEO อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือเรื่องการทำ Backlink ซึ่ง Google Trend ก็สามารถช่วยให้คุณหา Backlink ที่มีคุณภาพได้เช่นกัน เพียงแค่เรากดเข้าไปดู Daily Search Trends (จากข้อที่แล้ว) คุณก็จะเจอกับ Link ของเว็บไซต์ที่กำลังมียอด Traffic เยอะในขณะนั้นและเป็นเว็บไซต์คุณภาพด้วย ซึ่งคุณก็สามารถเขียนอ้างอิงหรือใส่ External link ไปหาเว็บไซต์เหล่านั้นได้
ข้อสรุป Google Trend
Google Trend คือเครื่องมือที่ฟรีและช่วยให้นักการตลาดทำงานได้ดีไม่แพ้เครื่องมืออื่น ๆ ช่วยให้คุณสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อและ Keyword ที่เราต้องการได้ ดูเทรนด์ความสนใจในสังคมขณะนั้นหรือพัฒนากลยุทธ์การทำ SEM การยิงแอดและการทำ SEO อีกทั้งสามารถเอาข้อมูลใน Google Trend มาใช้เพื่อช่วยให้ปรับปรุงการทำธุรกิจ การทำการตลาดของเราให้เห็นผลมากขึ้น หวังว่าบทความนี้ทุกคนจะได้รู้วิธีการใช้ Google Trend มากขึ้นกันนะคะ
อ้างอิงข้อมูล
Kelly Lyons, What is Google Trends & How to Use It, Sep 27, 2022 https://www.semrush.com/blog/google-trends
Nicole Martins Ferreira, HOW TO USE GOOGLE TRENDS: 10 MIND-BLOWING TRICKS FOR ENTREPRENEURS, Dec 11, 2022 https://www.oberlo.com/blog/google-trends
Danielle Rohe, 6 Ways to Use Google Trends for Marketing, July 01, 2021 https://blog.hubspot.com/marketing/google-trends