Five Forces Model

คุณเองก็เป็นเหมือนกันใช่ไหม? อยากเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างจริงจัง แต่ไม่มั่นใจว่าตัวเองต้องเจอกับอะไรบ้าง หรือต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องอะไร Five Forces Model คือสิ่งที่จะให้คำตอบคุณได้ ลองเริ่มจากการวิเคราะห์ธุรกิจผ่านทั้ง 5 แง่มุมนี้ เพื่อมองให้เห็นจุดอ่อน – จุดแข็งของธุรกิจคุณ


>> อ่านเพิ่มเติม: SWOT คืออะไร (SWOT Analysis) ตัวอย่างการวิเคราะห์ธุรกิจในปัจจุบัน

Five Forces Models คืออะไร คิดค้นโดยใคร?

Alt: Five Forces Model
ที่มา: https://studyblog.smart-edge.in/five-forces-model-of-competition-michael-porter-hbs/

Five Forces Model คือ แบบจำลองหรือกรอบความคิดที่ใช้วิเคราะห์ภูมิทัศน์การแข่งขันของทุก ๆ ธุรกิจ รู้จักกันในนาม Porter’s Five Forces เพราะคิดค้นโดยศาสตราจารย์ Michael Porter แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยแบบจำลองนี้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตั้งแต่เมื่อปี 1979 และได้กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในเวลาต่อมา


ประโยชน์ของ Five Forces Models คืออะไร 

Five Forces Model ได้รับการยอมรับว่าเป็นทฤษฎีที่จำเป็นมากสำหรับธุรกิจใหม่ เพราะมีคุณูปการมากมายต่อการขยับขยายสายป่านและพัฒนาธุรกิจให้ก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม ดังจะอธิบายต่อไปนี้

1. วิเคราะห์การแข่งขัน

Five Forces Model ช่วยให้คุณมองเห็นจุดแข็ง – และจุดอ่อนของธุรกิจ ทำให้คุณสามารถประเมินขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างธุรกิจของตัวเองกับธุรกิจอื่นได้ และทำให้มองเห็น Positioning (การวางตำแหน่งของแบรนด์) ชัดเจนขึ้น

>> อ่านเพิ่มเติม: รู้จักกับ STP Marketing บันไดขั้นแรกของการทำ Social Media Marketing  

2. ประเมินสิ่งที่ธุรกิจของตัวเองยังขาดอยู่

Five Forces Model จะทำให้คุณเริ่มมองเห็นว่า อะไรบ้างที่คุณจำเป็นต้องพัฒนาต่อไปเพื่อให้มีทัดเทียมกับธุรกิจอื่น เช่น พันธมิตรที่เป็นดีลเลอร์ส่งสินค้าให้ พาร์ทเนอร์ที่ช่วยกระจายข่าวประชาสัมพันธ์ หรือโปรแกรมต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานในยุค Digital Transformation เป็นต้น

3.บริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อคุณเข้าใจสิ่งที่ธุรกิจของตัวเองมีอย่างดีแล้ว คุณก็จะสามารถวางแผนบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รู้ว่าอะไรควรใช้ประโยชน์เพื่อส่วนไหน หรือควรโยกย้ายทรัพยากรอะไร เพื่อใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด


Five Forces Models ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?

Five Forces Model คือกรอบแนวคิดที่มี 5 องค์ประกอบตามชื่อ อันได้แก่

  • Competitive Rivalry
  • Threat of New Entrants
  • Bargaining Power of Suppliers
  • Bargaining Power of Buyers
  • Threat of Substitutes

1. Competitive Rivalry – การแข่งขันกับธุรกิจคู่แข่ง

Alt: Competitive Rivalry
ที่มา: https://www.sundreamgroup.com/blog/how-to-identify-the-ferocity-of-competitive-rivalry-in-an-industry/

หมายถึง ความเข้มข้นของการแข่งขันระหว่างผู้เล่นที่มีอยู่ในอุตสาหกรรม หรือก็คือ ธุรกิจของคุณและบรรดาธุรกิจที่ขายสินค้า/บริการแบบเดียวกัน ซึ่งปัจจัยที่จะต้องพิจารณา หนีไม่พ้นจำนวนและขนาดของคู่แข่ง ความหลากหลายของข้อเสนอ และระดับความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ดี หากในตลาดที่คุณอยู่มีการแข่งขันสูง ก็ควรเตรียมหากลยุทธ์รับมือกับสงครามราคา ผลกำไรที่ลดลง และความยากลำบากในการพิชิตตลาด (หากคุณเป็นธุรกิจใหม่)

2. Threat of New Entrants – การมาของผู้ประกอบการรายใหม่

โมเดลนี้ใช้ในการวิเคราะห์ความยากง่ายของบริษัทใหม่ ในการผลักดันตัวเองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรม โดยปัจจัยที่ต้องพิจารณา คืออุปสรรคในการเข้าร่วม เช่น ต้นทุนสตาร์ทอัพที่สูง ความภักดีต่อแบรนด์ กฎระเบียบของรัฐบาล และการเข้าถึงเทคโนโลยี ซึ่งแน่นอนว่า หากตลาดที่คุณอยู่มีผู้ประกอบการรายใหม่ทยอยตบเท้ากันเข้ามา ก็หมายความว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของแต่ละธุรกิจก็จะน้อยลงไป และผลกำไรก็มีสิทธิ์จะน้อยลงด้วยเช่นกัน

3. Bargaining Power of Suppliers – อำนาจของซัพพลายเออร์

Alt: Supplier Power
ที่มา: https://dfreight.org/blog/types-of-suppliers-to-source-your-products/

บางครั้งซัพพลายเออร์ก็มีอิทธิพลต่อราคาและเงื่อนไข หากซัพพลายเออร์ของคุณเป็นผู้เดียวที่สามารถให้บริการด้านนั้นๆ ได้ แสดงว่าซัพพลายเออร์เจ้านั้นมีอำนาจในการจัดหาค่อนข้างมาก และอาจรวมถึงสามารถเพิ่มราคาหรือลดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ลงได้ด้วย ทั้งนี้ แม้ว่าคุณจะสามารถเปลี่ยนซัพพลายเออร์ได้ แต่ก็ต้องพิจารณาว่าการเปลี่ยนซัพพลายเออร์จะมีความคุ้มค่าหรือไม่อีกอยู่ดี

4. Bargaining Power of Buyers – อำนาจต่อรองของลูกค้า

ไม่เพียงแต่ซัพพลายเออร์เท่านั้น ลูกค้าเองก็มีอำนาจต่อรองเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะถ้าลูกค้ากลุ่มนั้นเป็นรายได้หลักของธุรกิจคุณ พวกเขาอาจมีกำลังซื้อครั้งละมาก ๆ หรือมาพร้อมสายป่านที่ดี คุณจึงควรวางกลยุทธ์สำหรับรักษาฐานลูกค้าเหล่านี้ เพราะการซื้อของพวกเขามีผลต่อการอยู่รอดของธุรกิจคุณ

5. Threat of Substitutes – ภัยคุกคามจากสิ่งทดแทน

สิ่งทดแทนในที่นี้ ก็คือสินค้า/บริการอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณกำลังผลิตอยู่ แต่ราคาถูกกว่า และสามารถใช้ทดแทนกันได้ ซึ่งจะเป็นทางเลือกใหม่ของลูกค้า และส่งผลต่อผลกำไรโดยรวมของคุณ ดังนั้น คุณจึงควรสำรวจการมีอยู่ของสิ่งทดแทนเหล่านี้ และพยายามรักษาคุณภาพของสินค้าให้คงที่ ตลอดจนสร้าง Brand Loyalty เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้ให้เหนียวแน่นที่สุด


สรุป

ทั้งหมดนี้ คือการวิเคราะห์ธุรกิจผ่าน Five Forces Model ซึ่งจะช่วยให้คุณมองธุรกิจของตัวเองได้อย่างรอบด้าน ครบทุกแง่มุม และสามารถวางกลยุทธ์เพื่อพัฒนาธุรกิจต่อได้อย่างยั่งยืน ที่สำคัญ ยังสามารถวางแผนรับมือกับการเติบโตของคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันได้อีกด้วย


อ้างอิง

MindTools. Porter’s Five Forces – The Framework Explained

Available from: https://www.mindtools.com/at7k8my/porter-s-five-forces 

Forbes. Porter’s Five Forces: Definition & How To Use The Model

Available from: https://www.forbes.com/advisor/business/porters-five-forces/

10 body languages for presentation
Marketing Psychology
ลิสต์ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน สำหรับพนักงานมือโปร 

Topic Summary คนทำงานเตรียมแชร์ไว้ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน เพิ่มสกิลการเป็นมือโปร และทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวคุณ! ในบรรดาความรู้เรื่อง Body Language ทั้งหมด ภาษากายที่ใช้ในการพรีเซนต์งาน…

body languages
Marketing Psychology
เช็กก่อนใคร! ตำแหน่งของ Body Language ตัวช่วยอ่านพฤติกรรมคนจากภาษากาย

Topic Summary อยากรู้ไหม? เวลาอ่านใจคนจากภาษากาย ตำแหน่งของ Body Language ส่วนใดบ้างที่คุณต้องดู และแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญอย่างไร ใคร ๆ ก็อยากเชี่ยวชาญการอ่านใจคนด้วยภาษากาย…

what is psychology of pricing
News
เข้าใจจิตวิทยาราคา พร้อมแจกกลยุทธ์การตั้งราคา ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วกว่าที่เคย

เพิ่งเปิดธุรกิจใหม่ ควรตั้งราคาอย่างไรดี Digital Tips แชร์เทคนิคการตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา พร้อมเคลียร์ชัดความหมายของจิตวิทยาราคา อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที! Content Summary  จิตวิทยาราคา คือ การกำหนดราคาสินค้าโดยอ้างอิงจากการรับรู้ทางจิตวิทยา…