คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ในปัจจุบันโลกออนไลน์กับโลกความจริงแทบจะผสานเป็นโลกใบเดียวกัน ผู้ขายและผู้บริโภคเริ่มแลกเปลี่ยนสินค้ากันบนโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทำให้การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing คือ สิ่งสำคัญที่ไม่อาจหยุดนิ่งได้แม้แต่วินาทีเดียว หากคุณคือตัวแทนของอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังโลดแล่นบนโลกแห่ง Online Marketing (หรืออาจเรียกว่าเป็น Internet Marketing) บทความนี้จะเปิดโอกาสให้คุณได้ความรู้จักกับมาร์เก็ตติ้งออนไลน์แบบเจาะลึก พร้อมแนะนำเทคนิคการวางกลยุทธ์การตลาด ให้ตอบโจทย์ลูกค้าในปี 2024 อย่างครบถ้วน รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย!
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) คืออะไร
การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing คือ การใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์ อาทิ Email Marketing, Social Media Marketing หรือการทำการตลาดบน Search Engine เช่น SEO และ Google Ads ฯลฯ เพื่อเผยแพร่ข้อความ หรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแบรนด์ออกไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ สร้าง Online Community ปิดการขาย ตลอดจนวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการตลาด
>> อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: รู้ครบ Digital Marketing คืออะไร การตลาดดิจิทัล ต้องทำอะไรบ้าง
Internet Marketing คืออะไร
นอกจาก Online Marketing แล้ว บางคนอาจเคยได้ยินคำว่า “Internet Marketing” ด้วย ซึ่งนิยามของคำ ๆ นี้ ก็คือการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดผ่านอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น การเขียนบล็อก การสร้างเว็บไซต์ การใช้ Email Marketing หรือการซื้อโฆษณาออนไลน์ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากนิยาม เราสามารถอนุมานได้ว่า Internet Marketing และ Online Marketing คือ สิ่งเดียวกัน เพราะทำบนช่องทางเดียวกัน เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน
Online Marketing ต่างจาก Offline Marketing อย่างไร
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อย ให้ความเห็นว่า การตลาดออนไลน์ คือ “การตลาดแบบใหม่” ที่จะมาพลิกโฉมการตลาดแบบดั้งเดิม อาทิ โฆษณาทางโทรทัศน์ สปอตวิทยุ ใบปลิวโฆษณา หรือโฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นต้น และเพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้น เราขอสรุปความแตกต่างระหว่างการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) และ การตลาดแบบดั้งเดิม (Offline Marketing) ในลักษณะตาราง ซึ่งหลัก ๆ แล้วจะแตกต่างกันเรื่องช่องทาง จึงมีผลต่อปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย
การตลาดแบบดั้งเดิม (Offline Marketing) |
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) |
ประเมินผลการเข้าถึงจากผู้ชมค่อนข้างยาก |
สามารถวัดผลจาก Data Report ออนไลน์ได้ง่ายกว่า |
บางครั้งอาจให้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มทุน |
ให้ความคุ้มค่าได้หลายแง่มุม |
ไม่เหมาะกับการสร้างแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้น |
มีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงเมื่อต้องการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง |
บางวิธีการอาจเข้าไปขัดขวางการใช้ชีวิตปกติของผู้คน เช่น โฆษณาคั่นรายการทีวี หรือ ป้ายโฆษณาเบี่ยงเบนสายตา |
ไม่ขัดจังหวะชีวิตมากเท่าไหร่นัก เพราะผู้ชมสามารถเลือกเข้าชมสื่อออนไลน์ในช่วงเวลาไหนก็ได้ที่สะดวก |
อาจทำให้ผู้ชมสื่อเกิดคำถามขึ้นมา แต่ไม่ได้คำตอบจากตั่วสื่อที่พวกเขาสัมผัส |
หากพบเห็นโฆษณาหรือสื่อใดก็ตามแล้วมีคำถามเกิดขึ้น สามารถโต้ตอบกับแบรนด์ได้ตลอดเวลา |
ทำไมนักการตลาดต้องให้ความสำคัญแผนการตลาดออนไลน์
เมื่อการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) มีความสำคัญอย่างมากต่อทุกธุรกิจ คงเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างมากที่นักการตลาดทุกคนในวันนี้ ต้องให้ความสำคัญแผนการตลาดออนไลน์ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ด้วยเหตุผลหลัก ๆ ที่ชัดเจน 2 ข้อด้วยกัน
ความสำคัญของการตลาดออนไลน์ (Online Marketing)
การตลาดออนไลน์ คือทางออกในการสร้างรายได้ของทุก ๆ ธุรกิจ ช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ และยังสามารถมองหากลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าได้มากที่สุดด้วย นอกจากนี้ เมื่อเทียบต่อเม็ดเงินที่ต้องจ่ายออกไป การตลาดออนไลน์ยังมอบผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม เพราะไม่ว่าจะได้ผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายหรือไม่ เราก็ยังสามารถบันทึกข้อมูลแผนการตลาดออนไลน์ที่เคยใช้ เพื่อนำไปวิเคราะห์และปรับปรุงการตลาดออนไลน์ของเราในอนาคตได้
ประโยชน์ของการตลาดออนไลน์ (Online Marketing)
ประโยชน์ของการทำการตลาดออนไลน์ คือ การใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อธุรกิจ พร้อมกับพลังแห่งการวัดผลที่ทำให้เราทราบข้อมูลเชิงลึกได้เป็นจำนวนมาก อาทิ
- ได้รับข้อมูลที่บ่งบอกว่าช่องทางการตลาดออนไลน์ไหน ให้ความคุ้มค่าในการมองหาลูกค้า
- ได้รับข้อมูลที่ช่วยชี้ชัดเจนมากขึ้นว่าช่องทางไหนมีประสิทธิภาพ ในการหาลูกค้าใหม่ พร้อมพัฒนามูลค่าให้แบรนด์ได้ตลอดการใช้งาน
- ช่วยเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าได้โดยตรง แบบที่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้า
เทรนด์การตลาดออนไลน์ในปี 2024
สำหรับคนที่กำลังเรียนการตลาดออนไลน์ หรือกำลังหาข้อมูลเพื่อพัฒนาออนไลน์มาร์เก็ตติ้งของธุรกิจตัวเอง สิ่งที่คุณควรศึกษาเพิ่มเติม ก็คือความนิยมของการตลาดในแต่ละปี และในหัวข้อนี้ Digital Tips รวบรวม 5 เทรนด์การตลาด 2024 มาไว้ให้คุณแล้ว ลองอ่านดูแล้วนำไปปรับใช้กับการตลาดออนไลน์ที่คุณดูแลอยู่ได้เลย!
- Influencer Marketing: การมาของคอนเทนต์แบบวิดีโอสั้น ดังเช่น คลิป TikTok และ Instagram Reels ทำให้เกิด Influencer หน้าใหม่ ๆ ขึ้นมามากมายในตลาดออนไลน์ การว่าจ้างบุคคลในกระแสเหล่านี้เพื่อโปรโมตสินค้า หรือทำคอนเทนต์ร่วมกัน จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มาแรงในปี 2024
- วางแผนการขายออนไลน์บน TikTok: ในปี 2024 นี้ TikTok ตัดสินใจเปิดตัวในฐานะแอปพลิเคชันกึ่ง Social Media กึ่ง E-commerce และมีฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า TikTok Shop เปิดให้ใช้งานอีกด้วย บรรดาร้านค้าต่าง ๆ จึงนิยมหาเงินจาก TikTok ด้วยการตั้งกล้องไลฟ์ขายของเป็นประจำบน TikTok พร้อมทั้งเชื่อมบัญชีร้านค้าให้สามารถสั่งของ จ่ายเงิน และติดตามสถานะได้บน TikTok Shop ภายในช่องทางเดียว
- Personalized Marketing: ใคร ๆ ก็อยากสัมผัสได้ว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ ดังนั้น การตลาดเฉพาะบุคคล จึงเป็นอีกหนึ่งเทคนิค Online Marketing ที่ได้รับความนิยมสูงในปีนี้ โดยมากมักจะทำผ่าน Email Marketing เช่น การส่งบัตรกำนัล หรือแนะนำโปรโมชันโดยอ้างอิงจากข้อมูลการซื้อที่ผ่านมาของลูกค้าคนนั้น เพื่อสร้างความประทับใจ และทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่าแบรนด์ใส่ใจดูแลลูกค้าเป็นพิเศษแบบรายบุคคล
- การทำ SEO: ในปี 2024 การทำ SEO กลับมาเป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอีกครั้ง เนื่องจากธุรกิจและบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์จำนวนมาก ประสบปัญหา Algorithm ของ Socila Media อัปเดตบ่อย จนมีผลต่อยอด Engagement และการยิงโฆษณา
- การทำคลิป Reels และ TikTok: ที่สุดแห่งเทรนด์การตลาดออนไลน์ 2024 คงต้องยกให้กับการสร้างคอนเทนต์วิดีโอสั้น ตั้งแต่ไม่กี่วินาทีจนถึงราว ๆ 15 นาทีอย่างการทำคลิป Reels ทั้งบน Facebook และ Instagram และการทำคลิป TikTok เพราะนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องการกวาดยอด Reach และ Engagement ได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่ต้องซื้อโฆษณาแล้ว ยังเป็นช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่ได้อรรถรส ทรงประสิทธิภาพ และทำให้ผู้ชมอยากติดตามอีกด้วย
7 ช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์
ช่องทางการตลาดออนไลน์ คือสิ่งที่ขาดไม่ได้หากคุณต้องการจะเริ่มทำ Online Marketing เพราะในทุก ๆ ช่องทางจะมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ทำงานบนแนวคิดการตลาดออนไลน์ที่แตกต่างกัน และนี่คือ 7 ช่องทางการตลาดออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด!
1. SEM (Search Engine Marketing)
ช่องทางที่ 1 SEM (Search Engine Marketing) เป็นการทำการตลาดออนไลน์กับผู้ให้บริการ Search Engine หรือก็คือเหล่าแพลตฟอร์มการค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์ ซึ่งช่องทางนี้จะทำให้เว็บไซต์ของเรา ปรากฏขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ บนหน้าการค้นหา โดยมีการชำระเงินเพิ่มเติมตามการประเมินมูลค่าความเหมาะสม ในแต่ละรูปแบบของค่าโฆษณา
>> ต้องการศึกษการทำโฆษณาบน Google Ads อยากมีประสิทธิภาพคลิ้กเลย “คอร์สอน Google Ads“
2. SMM (Social Media Marketing)
ช่องทางที่ 2 SMM (Social Media Marketing) หนึ่งในช่องทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการตลาดออนไลน์ เนื่องจากการทำ Online Marketing ผ่านช่องทางนี้ สามารถแบ่งย่อยออกไปได้หลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok, Twitter, LINE ฯลฯ ซึ่งในแต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีการยิงแอดที่พร้อมให้บริการอีกหลากหลาย
โดยการยิงแอด Facebook, ยิงแอด TikTok, ยิงแอด LINE, ยิงแอด Instagram จะมีรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น ยิ่งเรามีแบบแผนการตลาดออนไลน์ที่หลากหลาย พร้อมรองรับแพลตฟอร์มเหล่านี้มากเท่าไหร่ เรายิ่งสามารถขยายขอบเขตการตลาด ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นเท่านั้น
3. Content Marketing
ช่องทางที่ 3 Content Marketing คือ การทำคอนเทนต์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการตลาดออนไลน์ แล้วนำไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่แสดงผลแตกต่างกันออกไป เช่น คอนเทนต์ประเภทบทความบนเว็บไซต์ คอนเทนต์รูปภาพประกอบกับเนื้อหาลงบน Facebook คอนเทนต์ที่เน้นรูปภาพหรือวิดีโอลงที่ Instagram และ คอนเทนต์แนววิดีโอสั้นลงที่ TikTok เป็นต้น
ไม่อยากศึกษา Content Marketing ด้วยตัวเอง Digitaltips มีตัวช่วยกับ “คอร์สออนไลน์ เรียน Content Marketing Mastery”
4. Video Marketing
ช่องทางที่ 4 การทำ Video Marketing ซึ่งจะเป็นการตลาดออนไลน์ที่เน้นสร้างคอนเทนต์แนววิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบสั้น หรือยาว ต่างก็สอดแทรกวัตถุประสงค์เพื่อการตลาดลงไปทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรูปแบบวิดีโอที่ได้รับผลตอบรับดีที่สุดจะมาในรูปแบบของ Native Video เป็นส่วนใหญ่ เพราะเนื้อหาคอนเทนต์ใกล้เคียงกับคอนเทนต์ทั่วไป แต่ยังคงมีทิศทางในด้านการตลาดหลงเหลือเอาไว้
5. Influencer Marketing
ช่องทางที่ 5 Influencer Marketing ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงมากในการตลาดออนไลน์ เมื่อมีการแบ่งระดับของผู้มีอิทธิพลไว้หลากหลายระดับ ซึ่งแต่ละส่วนสามารถเข้าถึงผู้ติดตามได้มากน้อยนั้นแทบจะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว แต่จะวัดผลกันที่การโต้ตอบระหว่าง Influencer กับผู้ติดตามเป็นหลักแทน ยิ่งสร้าง Engagement หรือการมีส่วนร่วมได้มากเท่าไหร่ ยิ่งช่วยให้ Influencer Marketing มีโอกาสประสบผลสำเร็จมากเท่านั้น
6. Affiliate Marketing
ช่องทางที่ 6 Affiliate Marketing การทำออนไลน์มาร์เก็ตติ้งรูปแบบใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงเวลาไม่กี่ปี ด้วยคอนเซปต์การช่วยขาย โดยแบรนด์ที่เข้าร่วมจะมอบส่วนแบ่งเป็นค่าคอมมิชชั่น ให้กับผู้ที่นำสินค้าของแบรนด์ไปช่วยขายผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น การสร้างคอนเทนต์รีวิวบน TikTok โดยแปะลิงก์ตะกร้าสินค้าเอาไว้ ยิ่งมียอดขายมากเท่าไหร่ ผู้สร้างคอนเทนต์ก็ยิ่งได้รับส่วนแบ่งมากขึ้น
7. Email Marketing
การตลาดออนไลน์ช่องทางสุดท้าย คือ Email Marketing ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่าช่องทางนี้จะค่อนข้างเก่าไปสักหน่อย ถ้าเทียบกับช่องทางการตลาดออนไลน์อื่น ๆ ที่กล่าวมา แต่หากดูเฉพาะสถิติที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน Email ของผู้คนในยุคปัจจุบัน ที่ยังให้ผลตอบรับค่อนข้างดี จึงถือเป็นอีกช่องทางที่ไม่ควรมองข้าม และที่สำคัญ Email Marketing ยังเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการทำ Personalized Marketing หนึ่งในเทรนด์การตลาดออนไลน์ 2024 อีกด้วย
>> รู้จักกับ Marketing Automation เครื่องมือที่ทำให้การตลาดของคุณเป็นเรื่องง่าย
8 ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์
ในหัวข้อก่อนหน้านี้ เราได้อธิบายความหมายของการตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing พร้อมทั้งแนะนำให้คุณได้รู้จักกับช่องทางการโฆษณาออนไลน์ที่นิยมใช้ไปพอสมควรแล้ว ลำดับต่อไป ถึงเวลาที่คุณจะลงมือวางแผนการตลาดออนไลน์ และกำหนดเป้าหมายการขายของออนไลน์ด้วยตนเอง ผ่าน 8 ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์ ดังต่อไปนี้
1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนตั้งแต่เริ่ม
เมื่อคุณมีความคิดที่จะเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ คุณต้องกำหนดเป้าหมายของแผนการตลาดออนไลน์ในแคมเปญนี้ให้ชัดเจน เพื่อให้ทีมสามารถสร้างกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายได้ดี โดยที่ไม่หลุดกรอบไปตั้งแต่เริ่ม อาทิ หากต้องการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ ก็อาจจะต้องสร้างคอนเทนต์ที่เน้นให้เห็น Brand Identity บน Social Media เพื่อเข้าถึงผู้ชมใหม่ ๆ ให้มากขึ้น หรือหากต้องการเก็บข้อมูลลูกค้า ไปพร้อม ๆ กับการโปรโมตแคมเปญ อาจทำคอนเทนต์สำหรับยิงโฆษณาแบบ Lead Generation เป็นต้น
2. ระบุกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
การระบุกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ในช่วงต้นของการตลาดออนไลน์ เป็นสิ่งที่เราห้ามมองข้ามไปไม่ได้ เนื่องจากปัจจุบันลูกค้ามีความเป็นปัจเจกสูง และต้องการการตอบสนองจากแบรนด์อย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ดังนั้น ยิ่งเรารู้จักกลุ่มเป้าหมายของเรามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสวางแผนการตลาดออนไลน์ เพื่อมอบสิ่งที่ถูกใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้นเช่นกัน
3. คำนวณการใช้งบประมาณสำหรับแต่ละช่องทาง
แม้ว่าจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจดิจิทัลบนสื่อสังคมออนไลน์ คือการออกแบบชิ้นงาน และอัปโหลดลงไปบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเงินก้อนโตก็จริง แต่หากอยากเอาชนะคู่แข่งในตลาดออนไลน์ที่มีอยู่จำนวนมาก ก็จำเป็นจะต้อง “เสียเงินซื้อโฆษณา”เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ งบประมาณที่ใช้ในแต่ละช่องทางย่อมแตกต่างกันออกไป โดยแบ่งสัดส่วนตามความสำคัญของวัตถุประสงค์ในด้านการตลาดออนไลน์ เช่น ใช้โฆษณาบน Facebook เพื่อสร้างการรับรู้เป็นหลัก ส่วนช่องทางอื่น ๆ เป็นรอง ก็อาจแบ่งสรรปันส่วนให้ช่องทางนี้มีงบสูงสุดตามความเหมาะสม
>> Tips: การลงโฆษณา Facebook อย่างมืออาชีพ เราสามารถจัดการและควบคุมทั้งหมดผ่าน Facebook Business ที่เป็นเหมือนตัวจัดการโฆษณา Facebook ที่จะสามารถแก้ไข, ปรับเปลี่ยน รวมทั้งบอกผลลัพธ์ให้เรานำไปวิเคราะห์ต่อเนื่องได้อย่างครบถ้วน และต้องไม่ลืมว่า การยิงแอดโฆษณาผ่าน Facebook Business แตกต่างกับการ Boost Post อย่างสิ้นเชิง
4. สร้างสมดุลการตลาดออนไลน์ที่ดีระหว่างแบบฟรีและเสียเงิน
ดังที่เราได้กล่าวไปในขั้นตอนก่อนหน้านี้ ว่าการตลาดออนไลน์มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ซึ่งแน่นอนเราจะเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งแบบ 100% เลยไม่ได้ ดังนั้น เราควรจะต้องสร้างสมดุลที่สม่ำเสมอระหว่าง 2 รูปแบบด้วยกัน เช่น ในการวางแผนการขายออนไลน์ คุณอาจสร้างคอนเทนต์ขึ้นมา 2 รูปแบบ โดยรูปแบบแรกเป็นคอนเทนต์เน้นขาย เน้นสื่อสารโปรโมชันแบบตรงไปตรงมา แล้วยิงโฆษณาเพื่อถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง และปิดการขายให้เร็วที่สุด ส่วนอีกรูปแบบ อาจเป็นคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ สำหรับโพสต์ลงบนช่องทางต่าง ๆ โดยไม่ยิงโฆษณา เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และสร้างฐานผู้ติดตาม เป็นต้น
>> Tips: หากเราสามารถสร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ต่อลูกค้าได้จริง และทำมันอย่างสม่ำเสมอ มีโอกาสอย่างมากที่เราจะสามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้าหาได้เรื่อย ๆ ตามแบบฉบับ Inbound Marketing
5. สร้างเนื้อหาที่น่าดึงดูด
หลังจากที่เรารู้จักกลุ่มเป้าหมายดีประมาณหนึ่งแล้ว การเริ่มต้นสร้างคอนเทนต์เพื่อการตลาดออนไลน์ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด ย่อมได้ผลลัพธ์เป็นคอนเทนต์คุณภาพที่สามารถดึงดูดให้ผู้คนหยุดดู หยุดอ่าน หรือคลิกเข้าร่วมแคมเปญของเราอย่างมีประสิทธิภาพ
>> อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : Branding คืออะไร? มีกลยุทธ์แตกต่างจาก Marketing อย่างไร?
6. เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาให้สามารถแสดงผลได้ดีบนอุปกรณ์พกพา
สิ่งที่ทำให้ขั้นตอนนี้สำคัญสำหรับการตลาดออนไลน์ คือการที่ปัจจุบันแพลตฟอร์มต่าง ๆ มักจัดอันดับคุณภาพคอนเทนต์และเว็บไซต์ โดยเพิ่มการพิจารณาเรื่องการแสดงผลบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Friendly) เข้าไปด้วย นอกจากนี้ เมื่อคิดถึงพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า ที่เน้นใช้งานบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นหลัก การจัดวางเนื้อหา หรือปรับปรุง UI ให้รองรับการทำงานบนอุปกรณ์พกพา ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดออนไลน์ มากขึ้น
7. ทำ Keyword Research สำหรับ SEO
การทำ Keyword Research เพื่อกลยุทธ์ SEO คือ การทำการตลาดออนไลน์ที่เราจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการค้นหา ให้ลูกค้ามีโอกาสพบเจอคอนเทนต์ หรือเจอแบรนด์ของเราง่ายขึ้น ผ่านการใช้งาน Keyword ต่าง ๆ โดยมีความเข้าใจอย่างแท้จริง เพราะถ้าเราวิเคราะห์ Keyword อย่างรอบคอบ เราจะนำเสนอคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ต่อการค้นหา สร้างอันดับที่ดีบน Search Engine จนเรียกลูกค้าให้เข้าชมได้เป็นจำนวนมาก
8. วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ได้และพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ
การจะทําการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล นอกจากจะต้องเข้าใจว่าการตลาดออนไลน์มีองค์ประกอบอะไรบ้าง และการสื่อสารการตลาดออนไลน์ต้องทำอย่างไรแล้ว ยังต้องคอยกลับมาเก็บ Data Report หลังการทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์ เพื่อดูว่าแคมเปญในแต่ละครั้ง ให้ผลลัพธ์ต่อแบรนด์อย่างไรบ้าง มีการโต้ตอบของลูกค้าไปในทิศทางไหน จากนั้นเราต้องนำมาวิเคราะห์ เพื่อเตรียมแผนการตลาดออนไลน์ครั้งถัดไป ให้มีคุณภาพมากกว่าครั้งที่ผ่านมา
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : Marketing Funnel คืออะไร กลยุทธ์การตลาดพื้นฐานสำหรับการทำธุรกิจ
เครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์
หากคุณกำลังกังวลว่าการทำมาร์เก็ตติ้งออนไลน์คือเรื่องยุ่งยาก ขอให้เบาใจได้เลย เพราะปัจจุบันยุคที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เครื่องมือออนไลน์เองก็ได้รับการอัปเกรดให้มีขีดจำกัดความสามารถเพิ่มขึ้น จนอำนวยความสะดวกเราได้หลากหลายรูปแบบ ดังเช่น เครื่องมือที่มีหน้าที่ทำการส่งเสริมการตลาดออนไลน์ทั้ง 4 ตัวต่อไปนี้
Google Analytics (GA)
เครื่องมือตัวที่ 1 Google Analytics (GA) เป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์สำหรับวิเคราะห์เว็บไซต์โดยเฉพาะ โดยเจ้าเครื่องมือตัวนี้มีหน้าที่ช่วยเราเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ จากพฤติกรรมของผู้ชมที่เข้ามา และนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ และนำเสนอออกมาในรูปแบบ Visual ที่ทำให้เราดูง่าย พร้อมกับยังคงความครบถ้วนเอาไว้ได้ดีทีเดียว
Facebook Business Suite
เครื่องมือตัวที่ 2 Facebook Business Suite ตัวช่วยสำคัญสำหรับแบรนด์ที่ทำการตลาดออนไลน์ ใน Facebook ซึ่งนี่จะเป็นเครื่องมือช่วยเผยแพร่คอนเทนต์, การจัดการโฆษณา และการเก็บข้อมูล Data Report ทำได้แบบครบจบในเครื่องมือเดียว
Facebook Ads Manager
เครื่องมือตัวที่ 3 Facebook Ads Manager ซึ่งเป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ ที่ทุกบริษัทรับจ้างทำการตลาดต้องมี หน้าที่ของ Facebook Ads Manager คือเป็นตัวกลางในการสร้างโฆษณา ตั้งแต่เลือกชิ้นงาน กำหนดกลุ่มเป้าหมาย กำหนดพื้นที่โฆษณา ไปจนถึงการบริหารจัดการงบโฆษณา และยังรองรับการทำ Remarketing อีกด้วย
Looker Studio
Looker Studio หรือ Google Data Studio คือเครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญมากในการทำการตลาดออนไลน์ เป็นเครื่องมือเดียวที่สามารถให้คำตอบได้ชัดเจนที่สุดว่า คุณบรรลุเป้าหมายการขายของออนไลน์หรือไม่ ด้วยการดึงเอาข้อมูล Insights โดยตรงจากทุก ๆ แพลตฟอร์ม มาสรุปเป็นงานนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ ให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกราฟแท่ง Pie-chart หรือตาราง และยังสามารถเปรียบเทียบข้อมูลกับช่วงเวลาก่อนหน้าได้อีกด้วย ที่สำคัญ Looker Studio เอาอยู่ทั้ง การทําการตลาดบน Social Media และการตลาดออนไลน์บน Search Engine
>>ในปัจจุบันนั้นมีตัวช่วยและเครื่องมือที่เป็นที่นิยมเช่น การใช้ AI ในการทำการตลาดออนไลน์อย่าง Chat GPT, Generative AI
ทําการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล
การตลาดออนไลน์ คือ การลงทุนบนความเสี่ยง ไม่มีสิ่งใดการันตีได้ว่างบโฆษณาที่ลงทุนไปจะเปลี่ยนกลับมาเป็นยอดขายอย่างคุ้มทุนหรือไม่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผลลัพธ์ที่คุณจะได้จากการทำการตลาดออนไลน์อย่างแน่นอน คือข้อมูลสำหรับพัฒนาแผนการขายออนไลน์ใหม่ ๆ ความรู้เกี่ยวกับหลักการตลาดออนไลน์ และการสื่อสารการตลาดออนไลน์ ซึ่งสามารถในไปต่อยอดได้อย่างไม่รู้จบ
อย่างไรก็ดี หากคุณอยากวางแผนการทำ Online Marketing หรือ การตลาดออนไลน์ ให้ได้ผล ลองทำตาม 4 เทคนิคในหัวข้อนี้!
ศึกษาจากเพื่อนร่วมสาขา
ลองเก็บข้อมูลจากพาร์ทเนอร์ พันธมิตร หรือแม้แต่ธุรกิจคู่แข่ง ว่าพวกเขามีวิธีบริหารจัดการช่องทางการตลาดออนไลน์อย่างไร เลือกทำการตลาดออนไลน์ผ่านช่องทางไหนบ้าง รูปแบบคอนเทนต์เป็นอย่างไร โพสต์บ่อยแค่ไหน ฯลฯ เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการทำการตลาดออนไลน์ของตัวเองก่อน
พยายามลองทำการตลาดออนไลน์หลาย ๆ ช่องทางเข้าไว้
ช่องทางการโฆษณาออนไลน์ หรือก็คือแพลตฟอร์มต่าง ๆ นั้น เปรียบได้กับหน้าร้านแต่ละสาขาของคุณ ยิ่งคุณมีหน้าร้านกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ มาก ก็มีโอกาสพบปะกับกลุ่มเป้าหมายตัวจริงได้มาก อีกทั้งช่องทางการโฆษณาออนไลน์ยังเปิดง่ายกว่าหน้าร้านจริง ๆ เพราะสามารถเริ่มใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท ดังนั้น คุณจึงควรลองเริ่มทำการตลาดออนไลน์บนหลาย ๆ ช่องทาง และเมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มอ่านเกมออกว่า ช่องทางไหนควรดำเนินการต่อ หรือช่องทางไหนควรปิดไป
สำรวจกระแสตอบรับจากลูกค้าบ้าง
การฟังเสียงของลูกค้ามีอยู่ด้วยกันหลายวิธี อาทิ ส่งแบบสอบถามทางอีเมล จัดทำโพลล์ลงบน Instagram Stories หรือ Facebook ตลอดจนการเข้าไปสำรวจบนเว็บบอร์ดต่าง ๆ วิธีนี้นอกจากจะทำให้คุณได้สื่อสารกับลูกค้า และนำฟีดแบคมาปรับปรุงการตลาดออนไลน์ให้ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณเข้าใจการเติบโตของตลาดออนไลน์ และรู้สึกถึงมันได้อย่างแท้จริง
ต้องกล้าที่จะไหลไปตามกระแสบ้างในบางครั้ง!
บางครั้งการทำการตลาดออนไลน์ตามแผนมาตลอด อาจเห็นผลไม่เท่าการเล่นกับกระแสนิยมเพียงครั้งเดียว สิ่งนี้เรียกว่า Real-time Marketing ซึ่งหมายถึงการสร้างคอนเทนต์ โดยอ้างอิงจากเทรนด์ฮิต หรือประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงบน Social Media ดังนั้น หากคุณพิจารณาแล้วว่า สินค้า/บริการของคุณ อยู่ในจุดที่สามารถปรับตัวตามกระแสได้ ลองทำคอนเทนต์แบบ Real-time สร้างบรรยากาศขำขันเฮฮาสักครั้งก็ไม่เสียหาย
อย่างไรก็ดี พึงระลึกไว้เสมอว่า ทุกความกล้ามีราคาที่ต้องจ่าย! คุณจึงควรเล่นกับกระแสโดยหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่เสี่ยงตีความได้มากกว่า 1 อย่าง หรือเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการเข้าใจผิด ดังเช่นในหลาย ๆ กรณีที่มักเกิดขึ้นกับการตลาดออนไลน์ Facebook และตัวอย่างการตลาดออนไลน์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในช่องทางอื่น ๆ
ตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพของการทำการตลาดออนไลน์
เพื่อให้เราสามารถวัดผลประสิทธิภาพการตลาดออนไลน์ได้ชัดเจน เราจึงต้องมีตัวบ่งชี้ (KPI) เอาไว้คอยวัดผลหลังจากสิ้นสุดแคมเปญด้วย ซึ่งตัวบ่งชี้ที่สำคัญมักจะมีทั้งหมด 6 รายการ ดังนี้
- จำนวนบทความในบล็อก เพื่อดูว่าในแต่ละเดือนเรามีการเผยแพร่ไปเป็นจำนวนเท่าไหร่
- CTR (Click Through Rates) โดย KPI นี้จะบอกจำนวนการคลิกที่เกิดขึ้น เพื่อดูว่าผู้คนคลิกลิงก์ไปถึงขั้นตอนปิดการขายแบบสมบูรณ์มากน้อยเท่าไหร่
- Website Traffic ติดตามการเข้าชมของเว็บไซต์
- Conversion Rate อัตราส่วนการตอบสนองต่อโฆษณา หรือยอดผู้ซื้อจริง ซึ่งเป็น KPI ที่เหล่า Agency การตลาดออนไลน์ หรือบริษัทรับทําการตลาดออนไลน์ครบวงจร ให้ความสำคัญค่อนข้างมาก
- Engagement และ Reach (เป็นรายโพสต์) บน Social Media ซึ่งขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของเนื้อหาและภาพในแต่ละโพสต์ (ส่วนนี้จะต้องมีการศึกษาเรื่อง Size และความละเอียดของภาพที่แต่ละแพลตฟอร์มรองรับด้วย โดยเฉพาะ ขนาดรูป Facebook ซึ่งมีความซับซ้อนมากที่สุด)
- Engagement Rate บน Social Media ซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับการวาง Social Media Strategy ของแบรนด์ว่ารัดกุมแค่ไหน
ตัวอย่างการทำการตลาดออนไลน์
ตัวอย่างการตลาดออนไลน์ที่น่าสนใจ ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้งานได้ คือการตลาดออนไลน์ของ Lego’s Rebuild the World Campaign ที่โดดเด่นด้วยการนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบที่สื่อสาร Branding ออกไปได้อย่างชัดเจน และดูมีพลังอย่างมากกับทุกเพศ ทุกวัย และด้วยความสอดคล้องต่อกลุ่มเป้าหมาย ทำให้มียอดการซื้อสินค้าเพิ่มสูงขึ้นถึง 82%
อีกหนึ่งตัวอย่างตัวอย่างการตลาดออนไลน์ ขอยกตัวอย่างการทำ Online Marketing ของธุรกิจในประเทศไทยอย่าง “ร้านเนื้อแท้” ที่เน้นการทำ Real-time Marketing ทันกระแสแบบว่องไว ชนิดที่ว่า มีประเด็นใหม่ ๆ บน Social Media ขึ้นมาเมื่อใด ต้องเห็นโพสต์ตลก ๆ ของเนื้อแท้ภายใน 3 ชั่วโมงหลังจากนั้น ทำให้ลักษณะการทําการตลาด Facebook เป็นที่จดจำ และได้รับการพูดถึงอย่างมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์
1. ทำธุรกิจออนไลน์ จำเป็นต้องมีเว็บไซต์ไหม?
ตอบได้ทันทีเลยว่า “จำเป็น” เพราะการมีเว็บไซต์สำหรับการตลาดออนไลน์ ไม่ได้แค่แสดงถึงความน่าเชื่อถือเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้าง Traffic หรือการเพิ่มพลังการเข้าถึงได้อีกหลายช่องทาง เช่น การทำ SEM ให้ผู้คนที่ใช้งาน Search Engine มีโอกาสเข้ามาชมเว็บไซต์ของเรามากขึ้น เพื่อสร้างประโยชน์ต่อเนื่องไปอีกหลายทาง
2. การทำการตลาดออนไลน์ สามารถเพิ่มยอดขายได้มาก-น้อยแค่ไหน?
ในมุมมองของคนทำการตลาดออนไลน์ ไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจน ว่าจะเพิ่มยอดขายได้มากน้อยแค่ไหน แต่สามารถตอบได้ว่าหากเรามีกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ดี เราจะสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างแน่นอน ทีนี้เหลือแค่เราต้องเพิ่มเทคนิค วิเคราะห์ข้อมูล เรียนรู้และพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งเพิ่มยอดได้มากขึ้น
3. จ้าง Agency รับทำการตลาดออนไลน์ หรือลงมือทำเองดี?
Online Marketing คือ กระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อน และจำเป็นต้องใช้เครื่องมือเสริมจำนวนมาก บางเครื่องมือก็สามารถใช้งานได้ฟรี ในขณะที่บางเครื่องมือก็ต้องจ่ายค่าแพ็กเกจ ดังนั้น บรรดาธุรกิจ SME ที่มีต้นทุนในการทำ Marketing ไม่มาก หรือไม่สะดวกในการสร้างทีมการตลาดแบบ In-house ขึ้นมาเอง จึงนิยมใช้บริการบริษัทโฆษณาออนไลน์ ซึ่งข้อดีของการจ้างทำการตลาดเช่นนี้ คือการที่คุณสามารถลงมือทำการตลาดออนไลน์ได้ทันทีโดยไม่ต้องปั้นทีมขึ้นมาใหม่ เพียงอธิบายเป้าหมายการขายของออนไลน์ให้ทีมงานที่ว่าจ้างมาฟังเท่านั้น และเช่นเดียวกับการใช้บริการทีมรับจ้างทำทั่ว ๆ ไป คือความเสี่ยงที่อาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และการต้องแชร์ข้อมูลให้กับบุคคลภายนอกนั่นเอง
4. อยากทำอาชีพนักการตลาดออนไลน์ ควรเริ่มอย่างไร?
นักการตลาดออนไลน์ คือ ผู้ที่จะต้องสามารถอธิบายความเป็นไปของตลาดออนไลน์ ได้อย่างครอบคลุม รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจในช่องทางการสื่อสารออนไลน์ เครื่องมือการตลาดออนไลน์ ตลอดจนขั้นตอน และแนวคิดที่เกี่ยวข้อง คุณจึงควรเริ่มจากการเรียนการตลาดออนไลน์ เพื่อทำความเข้าใจการตลาดออนไลน์เบื้องต้น และทดลองทำจริง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ อาชีพนักการตลาดออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องเรียนจบตรงสาย ขอเพียงมีความตั้งใจขวนขวายหาความรู้ หมั่นติดตามทิศทางการตลาด และสั่งสมประสบการณ์เท่านั้น
ธุรกิจของคุณทำการตลาดออนไลน์แล้วหรือยัง?
ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปีการตลาดออนไลน์ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกธุรกิจอยู่ดี แต่อาจมีรูปแบบ ขั้นตอน วิธีการ เทคนิค หรือเครื่องมือที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละยุคสมัย ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำคือ การปรับตัวให้ทันต่อ Marketing Trends ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี เพื่อปรับให้เราสามารถวางแผนการตลาดออนไลน์ออกมาได้ยอดเยี่ยม และมีประสิทธิภาพมากพอที่จะเอาชนะคู่แข่งในตลาดได้
ปัจจุบันเกือบทุกกลุ่มธุรกิจบนโลกพร้อมแล้วสำหรับการตลาดออนไลน์ หากคุณไม่อยากพลาดการสร้างยอดขายบนช่องทางนี้ Digital Tips ขอแนะนำคอร์สเรียนสำหรับสำหรับคนที่ต้องการพัฒนาองค์ความรู้เรื่องการตลาดออนไลน์โดยเฉพาะ อย่างคอร์ส “Mastering Social Media Strategy for Executive” ที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านการทําการตลาดบน Social Mediaเอาไว้คับคั่ง พร้อมปูพื้นฐานให้คุณตั้งแต่การตลาดออนไลน์เบื้องต้น ตัวอย่างตลาดออนไลน์ องค์ประกอบของตลาดออนไลน์ พร้อมลงลึกถึงการเพิ่มยอดขายบน Social Media แต่ละแพลตฟอร์มแบบครบ จบ ในคอร์สเดียว สมัครเลย
Source
Lucy Alexander, The Who, What, Why, & How of Digital Marketing, November 30, 2022
https://blog.hubspot.com/marketing/what-is-digital-marketing?hubs_content=blog.hubspot.com%2Fmarketing%2Fwhat-is-digital-marketing&hubs_content-cta=Digital%20Marketing%20Examples#digital-marketing-examples
techopedia, Online Marketing, June 7, 2021
https://www.techopedia.com/definition/26363/online-marketing
tutorialspoint, Online Marketing Introduction
https://www.tutorialspoint.com/online_marketing/online_marketing_introduction.htm
ADAM BARONE, Digital Marketing Overview: Types, Challenges, and Required Skills, June 23, 2022
https://www.investopedia.com/terms/d/digital-marketing.asp#toc-key-performance-indicators-kpis-in-digital-marketing