branding คือ

Marketing (กลยุทธ์การตลาด) และ Branding คือ สองคำที่ทุกคนคงคุ้นหูคุ้นตากันดีอยู่แล้ว เพราะคือสิ่งที่ช่วยในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้าและอยู่เหนือคู่แข่งได้ในยุคปัจจุบัน แต่ว่าการทำการตลาดและการสร้างแบรนด์นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร หากต้องการทำ Branding จำเป็นต้องทำการตลาดหรือไม่ หรือถ้าต้องการจะสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงต้องทำอะไรบ้าง วันนี้ Digital Tips จะพาไปเรียนรู้ว่า การสร้างแบรนด์คืออะไร สำคัญอย่างไร และมีขั้นตอนการทำ Branding อย่างไรได้บ้าง

Branding คืออะไร?

Branding แปลว่า การสร้างแบรนด์ คือ การสร้างตราสินค้าด้วยแผนสำหรับการพัฒนาแบรนด์ที่ใช้ในการสร้างภาพจำของธุรกิจ 

โดยหลายคนมักจะเข้าใจว่าเป็นการทำแค่ตั้งชื่อ หรือทำโลโก้ ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในขั้นเริ่มต้นของการสร้าง Brand Identity คือ อัตลักษณ์ของแบรนด์ แต่แท้จริงแล้ว การทํา Branding คือ กลยุทธ์ที่ช่วยหาจุดเด่นให้สินค้าหรือบริการเพื่อธุรกิจในทุกๆ มิติ ซึ่งจะต้องผ่านทั้งกระบวนการวิจัย พัฒนา และประยุกต์ใช้องค์ประกอบต่างๆ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อให้แบรนด์รู้ว่า แบรนด์เป็นใคร แบรนด์แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร มีรูปแบบ คุณสมบัติ คุณประโยชน์อย่างไร เพื่อที่จะนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ

Branding กับ Marketing แตกต่างกันอย่างไร 

ความแตกต่างระหว่างการสร้างแบรนด์ (Branding) และการตลาด (Marketing) มีอยู่ด้วยกันหลายประการ ดังนี้

Branding กับ Marketing แตกต่างกันอย่างไร

เป้าหมายการทำ Branding และ Marketing

เป้าหมายของการทำการตลาดไม่ว่าจะเป็น Digital Marketing หรือ Traditional Marketing จะเป็นการสร้างแคมเปญการตลาด ทั้งคอนเทนต์ กลวิธี กราฟิก ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของแบรนด์สามารถควบคุมได้ และมุ่งหวังให้ช่วยสร้างยอดขายให้ในช่วงใดช่วงหนึ่ง นอกจากนี้ เจ้าของแบรนด์ยังสามารถปรับแผนการทำการตลาดให้เข้ากับแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ เช่น การทำ SEO การทำ Social Media Marketing การออกบูธ ฯลฯ แล้ววัดผลว่า การทำการตลาดเหล่านั้นมีผลลัพธ์อย่างไร หากไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการก็ทำการปรับกลวิธีในการทำการตลาดใหม่ได้เรื่อยๆ 

ส่วนการทำ Branding จะเป็นกลยุทธ์ของการสร้างภาพลักษณ์และตัวตนของแบรนด์เป็นหลัก โดยจะเกิดขึ้นได้จากการสื่อสารการตลาด การบริการลูกค้า รวมไปถึงการเข้าใจในจุดสัมผัสของลูกค้า (Customer Touchpoint) และจุดสัมผัสของแบรนด์ (Brand Touchpoint) 

การทำ Branding จะมีเป้าหมายเพื่อการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ซึ่งเจ้าของแบรนด์จะสามารถกำหนดคุณค่าของแบรนด์ (Brand Values) ได้ แต่ไม่สามารถควบคุมให้ลูกค้ารู้สึกกับแบรนด์ตามที่หวังได้ จนกว่าจะมี Branding ที่แข็งแรงมากพอในสายตาของลูกค้า และลูกค้ากลายเป็น Customer Loyalty ของแบรนด์เอง

กลยุทธ์การสื่อสารของ Branding และ Marketing

การทำ Marketing จะเป็นการทำการตลาดที่ช่วยสื่อสารออกไปว่า แบรนด์กำลังทำอะไร มีคุณค่าและความแตกต่างอย่างไร หรือกำลังจัดกิจกรรมทางด้านการตลาด เช่น จัดโปรโมชันต่างๆ ในเรื่องอะไรบ้าง ทั้งนี้ ก็เพื่อส่งเสริมการขายและโปรโมทเพจหรือโปรโมตแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

แต่การทำ Branding จะเน้นไปที่การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าด้วยความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครจากคุณค่า ปรัชญา ความเชื่อ วัฒนธรรมบางอย่างที่สามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้ จนทำให้ลูกค้ารับรู้ถึงตัวตนของแบรนด์ รู้จักแบรนด์ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ในที่สุด

ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า 

การทำ Marketing จะเป็นการสานสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะสั้น ด้วยการทำโปรโมชัน จัดกิจกรรม ส่งมอบสิทธิพิเศษที่ทำให้เกิดยอดขายในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เป็นการลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้กับเสริมสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ แต่การสร้างแบรนด์จะเป็นการสร้างฐานลูกค้าที่คอยสนับสนุนและติดตามแบรนด์ (Advocacy) ในระยะยาว ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายได้อีกมากเลยทีเดียว

ทำไมการทำ Branding จึงสำคัญ? 

ธุรกิจที่สามารถสร้างตราสินค้าหรือ Branding ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนเป็นที่จดจำได้ จะช่วยให้ได้เปรียบในการแข่งขันเหนือคู่แข่ง และช่วยทำให้ธุรกิจสามารถรักษาลูกค้าเอาไว้ได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่า และด้วยความที่แบรนด์นั้นมีขอบเขตที่ใหญ่กว่ากิจกรรมทางการตลาดทั้งหมด แบรนด์จึงเป็นสิ่งที่ช่วยในการสะท้อนถึงคุณค่าและความดีงามของแบรนด์ให้ลูกค้ารับรู้ได้ ก่อนที่ลูกค้าจะได้สัมผัสประสบการณ์กับแบรนด์ด้วยซ้ำ

ความสำคัญของ Branding ต่อธุรกิจ eCommerce

องค์ประกอบของแบรนด์หรือ Branding Elements คือ กระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งต้องมีการวางแผนและวิธีคำนวณอย่างรอบคอบ เพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง โดยเฉพาะกับธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และจำเป็นต้องใช้ Branding ในการสร้างความน่าเชื่อให้กับลูกค้าอย่างธุรกิจ E-Commerce ที่ควรจะวางกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ที่ดีก่อน เพื่อทำให้แบรนด์แข็งแรงมากพอที่จะเป็นเกราะป้องกันธุรกิจจากการแข่งขันด้านราคาที่ในตลาด E-Commerce มักใช้ในการดึงเอาลูกค้ามาซื้อสินค้ากับร้านของตนเองมากขึ้น 

และนี่คือขั้นตอนสำคัญในการสร้างแบรนด์สำหรับธุรกิจประเภท E-Commerce ที่เรานำมาฝากกัน

ความสำคัญของการทำ Branding

  • ทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้า

หากต้องการสื่อสารให้คนรู้จักแบรนด์ก็จะต้องทำความเข้าใจลูกค้าให้ดีเสียก่อน ด้วยการรู้ Insight คือ ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าเป็นอย่างไร เช่น พวกเขาชอบอะไร อะไรเป็นแรงจูงใจและดึงดูดพวกเขา พวกเขาชอบอะไรเกี่ยวกับแบรนด์ เป็นต้น

  • ทำการกำหนด Brand Persona 

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Persona ของลูกค้ามาก่อน แต่นี่จะเป็นการทำ Persona ให้กับแบรนด์ โดยจะเป็นการหาบุคลิกของธุรกิจที่จะใช้ในการมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้า โดยจะต้องใช้ข้อมูล Insight ของลูกค้าที่หามาได้ แล้วนำมาวิเคราะห์ต่อว่า จะใช้น้ำเสียงแบบไหนในการพูดคุยกับพวกเขา ใช้ภาพแบบไหนจึงจะดึงดูดใจของพวกเขา และควรมีบุคลิกอย่างไรจึงจะตรงใจพวกเขามากขึ้น 

  • ให้คำมั่นสัญญาต่อลูกค้า

เพื่อให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือและมีคุณค่า แบรนด์ควรที่จะสามารถให้คำมั่นสัญญาที่สามารถทำได้กับลูกค้า เพื่อให้พวกเขาเชื่อใจและรักในความเป็นแบรนด์มากขึ้น เช่น สินค้า/บริการจะช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร และจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้อย่างไรบ้าง ซึ่งจากผลสำรวจระบุว่า 66% ของผู้บริโภคคิดว่าความโปร่งใสเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่น่าดึงดูดที่สุดของแบรนด์เลยทีเดียว

  • สร้าง CI Branding

CI Branding คือ อัตลักษณ์ของแบรนด์ที่กำหนดไว้เพื่อการทำ Marketing และเพื่อสร้างการจดจำให้กับผู้บริโภค ธุรกิจ E-Commerce ควรให้ความสำคัญกับการทำ CI Branding ในด้านการมองเห็น เช่น การออกแบบเว็บไซต์ การออกแบบฟอนต์ การออกแบบโลโก้ การทำโฆษณา การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การใช้ Brand Ambassador ฯลฯ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าสายชอปปิงในตลาด E-Commerce นั้นมีแบรนด์มากมายที่ผ่านสายตา การที่ออกแบบ CI Branding ที่ดึงดูดสายตาจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะจำแบรนด์ได้ถึง 80%

อ่านเพิ่มเติม : Brand Ambassador คือใคร จะเลือกใช้อย่างไรดี

  • ออกแบบ Customer Experience ที่ดี

ถึงแม้ว่าแบรนด์จะไม่สามารถควบคุมให้ลูกค้ารู้สึกกับแบรนด์ในมุมที่แบรนด์ต้องการได้ทั้งหมด แต่ก็ควรที่จะพยายามในการตอบสนองต่อ Customer Journey คือ เส้นทางของลูกค้าตั้งแต่ก่อนจะเป็นลูกค้า จนตัดสินใจซื้อ รวมถึงการกลับมาซื้อสินค้าด้วยการสร้าง Customer Experience ที่ดีและสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของแบรนด์ เช่น การออกแบบนโยบายที่ทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างนโยบายการคืนสินค้า การเตรียมการจัดส่ง การสื่อสารการตลาดทางอีเมล และอื่นๆ รวมถึงสร้างสิ่งเร้าทางการตลาดที่กระทบต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อ (4P) ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ด้วย

อ่านเพิ่มเติม : 4P คืออะไร

  • ส่งมอบสิ่งที่ดีกลับไป

การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างมาก ดังนั้น แบรนด์จึงไม่ควรที่จะลืมส่งมอบสิ่งที่ดีกลับไปให้ลูกค้าตามวาระโอกาสที่เหมาะสม ด้วยการทำ CRM คือ การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management) เช่น การมอบโปรโมชันพิเศษให้ เสนอของขวัญฟรีเป็นครั้งคราวหรือขยายส่วนลด เป็นต้น

Branding Strategy หรือกลยุทธ์การสร้างแบรนด์มีอะไรบ้าง

Branding Strategy : กลยุทธ์การสร้าง Storytelling 

กลยุทธ์การสร้าง Storytelling เป็นการเล่าเรื่องแบรนด์เพื่อใช้ในการสื่อสารในช่วงเวลาสำคัญ มักจะเกี่ยวข้องกับประวัติความเป็นมาของแบรนด์ ความเชื่อ ค่านิยม ความรู้สึก ประโยชน์ของสินค้า และวัตถุประสงค์ของการทำธุรกิจ ซึ่งการเล่าเรื่องโดยการใช้ Storytelling จะเป็นการบอกเล่าให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์มากขึ้น อาจจะช่วยให้ได้รับแรงบันดาลใจและรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้ในระดับลึกซึ้งด้วย

ยกตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์การสร้าง Storytelling เช่น Apple ที่เปิดตัวอุปกรณ์ Home Pod แล้วใช้วิดีโอในการเล่าเรื่องผ่านตัวละครหญิงที่เป็นตัวแทนของคนทำงาน เมื่อใช้ Home Pod แล้วก็เหมือนได้เปิดประสบการณ์การฟังเพลงที่ช่วยเปลี่ยนวันน่าเบื่อให้สดใสมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงค่านิยมของ Apple ที่สร้างนวัตกรรมเพื่อสร้างความสุขให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี

ศึกษาการสร้าง Storytelling ให้โดดเด่นกับ “คอร์สเรียน Content Marketing Mastery”

Branding Strategy : กลยุทธ์การทำ Brand Voice

Brand Voice หรือน้ำเสียงของแบรนด์ที่ใช้ในการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบ B2B หรือ B2C ก็ต้องทำการกำหนดเสียงของแบรนด์ให้ชัดเจนว่า แบรนด์จะสื่อสารกับลูกค้ายังไง ด้วยลักษณะการพูดแบบไหน ด้วยน้ำเสียงแบบไหนใน Context ไหน ด้วยลักษณะการพูดยังไง และต้องคำนึงด้วยว่า Brand Voice นั้นเข้ากับค่านิยม ความเป็นแบรนด์ หรืออัตลักษณ์ของแบรนด์หรือไม่ เพื่อที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์นั้นมีชีวิตและจับต้องตัวตนของแบรนด์ได้มากขึ้น

อ่านเพิ่มเติม : ธุรกิจ B2B คืออะไร 

กลยุทธ์การทำ Brand Voice

ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ครีมกันแดด Sunbum ที่มีจุดยืนเคียงข้างผู้คนที่รักแสงแดดเป็นชีวิตจิตใจ เสียงของ Sunbum จึงมีความเป็นกันเองและกระตือรือร้น เหมาะกับคนที่ชอบทำ Activity กลางแจ้งที่ดูสดใส หรือแม้แต่สโลแกนเองก็มีน้ำเสียงที่สะท้อนออกมาถึงการบอกให้ออกไปใช้ชีวิตมากกว่าการอุดอู้อยู่ในห้องทำงาน เช่น ‘Work Less Live More’ เป็นต้น

Branding Strategy : กลยุทธ์การทำ Brand Design

การที่จะเลือกใช้กลยุทธ์ทางการตลาด โดยเฉพาะการทำ Inbound Marketing คือ การตลาดแบบแรงดึงดูดที่เน้นดึงดูดลูกค้าที่ใช่เข้ามาหาแบรนด์ด้วยตนเอง  แบรนด์จำเป็นที่จะต้องทำการบ้านเรื่อง Brand Design ให้ดีและมีคุณภาพ เนื่องจาก Brand Design คือวิธีการสื่อสารแบรนด์วิธีแรกๆ ที่ส่งไปหากลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด รวมถึงยังเป็นวิธีที่ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจแบรนด์ของคุณได้เร็วที่สุดอีกด้วย โดยการทำ Brand Design สามารถใช้งานได้ในหลายที่ทั้งรูปทรง ฉลาก สี บรรจุภัณฑ์ และอื่นๆ ซึ่งการออกแบบแบรนด์ที่ดีจะช่วยสะท้อนมุมมองของแบรนด์และรสนิยมของผู้ใช้แบรนด์ได้ด้วย 

ซึ่งการทำ Brand Design จะต้องทำออกมาเป็นคู่มือที่ทุกคนสามารถหยิบไปดูและใช้งานอย่างถูกต้องได้ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้ในทุกที่ไม่ว่าจะเป็น Paid Media, Owned Media หรือ Earn Media ก็ตาม

ตัวอย่าง Brand Design

 ยกตัวอย่าง Brand Design ตามผลิตภัณฑ์หรือช่องทางต่างๆ ที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ความเป็นแบรนด์ได้อย่างดี

Branding Strategy : กลยุทธ์การทำ Brand Values

Brand Value หรือคุณค่าของแบรนด์ อาจเป็นคุณค่าที่จับต้องไม่ได้โดยตรง แต่ผู้บริโภคมีความรู้สึกกับตราสินค้านั้นได้ เช่น ความรู้สึกเชื่อถือ เชื่อมั่น ฯลฯ โดยมักจะเกิดขึ้นเมื่อเครือข่ายของคุณค่าระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคเห็นพ้องต้องกันในคุณค่าดังกล่าว และถ้าแบรนด์มีคุณค่ามากขึ้น ลูกค้าก็จะซื้อแบรนด์ของคุณอย่างต่อเนื่อง ซื้อแบรนด์ของคุณมากกว่าคู่แข่ง และแนะนำแบรนด์ของคุณให้ญาติพี่น้องและเพื่อนของเขาต่อไป ยกตัวอย่าง Brand Value เช่น กลุ่มธุรกิจที่ทำตลาดแบบ Niche Market อย่างคนรักรถมอเตอร์ไซค์ที่มักจะส่งต่อคุณค่าของการขับขี่รถจักรยานยนต์ให้แก่กันและกัน เป็นต้น

อ่านเพิ่มเติมว่า Niche Market คืออะไร

ขั้นตอนการทำ Branding 

สำหรับขั้นตอนการทำ Branding จะขอแบ่งออกเป็นขั้นตอนง่ายๆ ทั้งหมด 5 ขั้นตอน ดังนี้

  • การทำ Market Research 

การทำ Market Research เป็นกระบวนการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้บริโภค เพื่อให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้สร้างโอกาสที่เป็นไปได้ให้กับการทำแบรนด์มากขึ้น โดยธุรกิจจะต้องทำความเข้าใจในธุรกิจและอุตสาหกรรม คู่แข่ง ไปจนถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะได้มาเป็นลูกค้า นอกจากนี้ จะต้องทำการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสม เพื่อสร้าง Branding ที่เหมาะสำหรับเจาะในตลาดที่ต้องการอีกด้วย

  • วางแผนทำ Brand Strategy 

Branding Strategy คือ กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ในระยะยาวที่ช่วยทำให้แบรนด์สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้ โดยการทำ Data Analytic คือ การวิเคราะห์ข้อมูล ร่วมกับการวิเคราะห์ธุรกิจ เช่น การทำ SWOT คือ การวิเคราะห์หาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจ, การวิเคราะห์คู่แข่ง การวิเคราะห์ลูกค้า แล้วนำมาวางเป็น Branding Strategy ซึ่งจะมีกลยุทธ์การทำอยู่ด้วยกัน 4 รูปแบบ ได้แก่

  • การสร้าง Storytelling
  • การทำ Brand Voice 
  • การทำ Brand Design
  • การทำ Brand Values
  • การสร้าง Brand Identity

Brand Identity คือ อัตลักษณ์ของแบรนด์ที่มองเห็นได้ เช่น ชื่อ (Name), น้ำเสียง (Tone of Voice), โลโก้ (Logo), สี (Colors), สโลแกน (Tagline), สัญลักษณ์ (Symbols), รูปภาพ (Imagery), ตัวหนังสือ (Typography) หรือรูปลักษณ์ (Visual Appearance) ที่สื่อถึงความเป็นแบรนด์และสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำในสายตาของลูกค้า

  • การวาง Style Guide

หลังจากที่มี Brand Identity ที่ชัดเจนก็ต้องส่งต่อ Brand Identity ให้กับทุกคนได้ใช้งานอย่างถูกต้อง จึงเป็นที่มาของการทำ Style Guide สำหรับแบรนด์ เช่น วิธีการใช้โลโก้ การวางฟอนต์ โค้ดสีที่ใช้ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้การสื่อสารของแบรนด์ออกไปในทิศทางเดียวกัน และทำให้ภาพจำของแบรนด์ชัดเจนมากขึ้น

  • เริ่มต้นทำ Brand Awareness

เมื่อผ่านขัั้นตอนการสร้างแบรนด์ทั้งหมดแล้วจะเป็นส่วนของการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ (Brand Awareness) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ Strategy ที่เลือกใช้ รวมถึงแพลตฟอร์มที่เลือกนำเสนอแบรนด์ด้วยว่าเป็นแพลตฟอร์มใด เพื่อนำส่งสื่อของแบรนด์ที่มีอยู่ไปหาลูกค้าได้อย่างเหมาะสมมากที่สุดนั่นเอง

ขั้นตอนการทำ Branding

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Branding 

Branding กับ Brand แตกต่างกันอย่างไร

Brand คือ ตราสินค้าที่อาจเป็นชื่อ เงื่อนไข เครื่องหมาย สัญลักษณ์หรือการรวมตัว ของสิ่งเหล่านี้ที่ช่วยแสดงให้เห็นตัวตนขององค์กรหรือสินค้านั้นๆ อีกทั้งยังช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์มีความแตกต่างจากคู่แข่ง 

ส่วน Branding คือ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตราสินค้ากับผู้บริโภค โดยจะสื่อสารผ่านการทำ Branding Marketing คือ การทำการตลาดเพื่อสื่อสารว่าแบรนด์กำลังจะทำอะไร แบรนด์ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบไหน (7P/Inbound/Outbound/4P ฯลฯ) หรือมีกิจกรรมทางการตลาดใดบ้าง โดยอาจจะทำผ่านการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย พนักงานขาย และอื่นๆ

CI Branding คืออะไร

CI Branding คือ อัตลักษณ์แบรนด์ ย่อมาจาก Corporate Identity หรือ Brand Identity สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดและเพื่อสร้างการจดจำความเป็นตัวตนของแบรนด์ให้กับผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ CI Branding ยังช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทีมงานที่ทำงานก็จะได้มีมุมมองต่อแบรนด์ที่ชัดเจนจนสามารถสื่อสารออกไปในทิศทางเดียวกันได้ง่ายขึ้นด้วย

สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับ Branding 

Digital Branding คือ กลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้แล้วในปัจจุบัน เพราะการสร้างแบรนด์ในยุคนี้ไม่ใช่แค่การเห็นและรับรู้กันแบบปากต่อปาก หรือโฆษณาตามช่องทางสื่อดั้งเดิมอีกต่อไป แต่ได้ก้าวข้ามผ่านมาเป็นการสร้าง Branding บนเครือข่ายดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น การสื่อสารแบรนด์ที่ทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้แบรนด์สามารถเอาชนะคู่แข่งด้วยกลยุทธ์และขั้นตอนการสร้างแบรนด์ที่แยบยล จนสามารถยึดครองพื้นที่หัวใจของผู้บริโภคได้ตราบนานเท่านาน

เอกสารอ้างอิง

Oberlo.  (n.d.).  What is Branding.  [Online]. retrieve from: https://www.oberlo.com/ecommerce-wiki/branding

Alexa Collins.  (2022).  What Is Brand Strategy? Definition and Guide.  [Online]. retrieve from: https://www.shopify.com/blog/brand-strategy#:~:text=A%20brand%20strategy%20is%20the,brand%20values%2C%20and%20overall%20vibe

 

 

 

3 กรณีศึกษาสำหรับการทำแบรนด์เสื้อผ้า ที่นักธุรกิจหน้าใหม่ต้องรู้
Business | Marketing | SME Inspire
3 กรณีศึกษาสำหรับการทำแบรนด์เสื้อผ้า ที่นักธุรกิจหน้าใหม่ต้องรู้

ใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านแฟชั่น เช่น การทำแบรนด์เสื้อผ้า แบรนด์รองเท้า หรือแบรนด์เครื่องประดับ เพราะนอกจากจะสะท้อนตัวตนของเจ้าของธุรกิจได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังมี Vibe ที่สนุก…

Aggressive Marketing
Marketing | SME Inspire
Aggressive Marketing คืออะไร มีกี่ประเภท เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายใดบ้าง

แต่ละธุรกิจย่อมมีวิธีการหาลูกค้าที่แตกต่างกัน บ้างก็ใช้วิธียิงโฆษณาแบบ Lead Generation ติดโปสเตอร์ ทำคลิป หรือติดต่อผ่าน Connection ที่รู้จักกัน แต่สิ่งที่เจ้าของธุรกิจทุกคนควรรู้ไว้ คือเทคนิคการหาลูกค้าในสมัยนี้จะเน้น ‘เชิงรุก’…

Customer Insight
Marketing | Social Media Strategy
รู้จัก Customer Insight และแชร์เทคนิคการหา Insight ของลูกค้า สำหรับนักการตลาด

ในยุคที่การตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการเข้าใจลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งขึ้น การรู้จักและเข้าใจ Customer Insight จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ ในบทความนี้ Digital Tips จะพาคุณมาทำความรู้จักกับ Customer Insight…