จากประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่นับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไล่ตั้งแต่ สภาวะโลกร้อน (Climate Change) ที่เราต่างตระหนักมาในช่วงระยะเวลาหลายปี

          จนกระทั่งกลายมาเป็นห่วงโซ่ปัญหาที่กระทบต่อสิ่งมีชีวิตแบบยึดโยงกันไปทั่ว จนมีการรณรงค์ให้มนุษย์เข้าใจถึงปัญหาสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น พัฒนาจนกลายมาเป็นเทรนด์ผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตัวกับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อหาจุดกึ่งกลางในการร่วมกันรักษาโลก สนับสนุนสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

          ปัจจุบันมีแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ต่างตอบรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ยกตัวอย่างสินค้า FMCG หลายบริษัท เริ่มนำวัสดุย่อยสลายตามธรรมชาติ หรือวัสดุรีไซเคิลมาใช้มากขึ้นตอบรับเทรนด์และยังเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญการตลาดที่สำคัญในปัจจุบันและอนาคต

          หรือแม้กระทั่งบรรดายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ประจำ ซิลิคอน วัลเลย์ หลาย ๆ บริษัทก็มีเป้าหมายที่จะทำให้บริษัทตนเองมีค่าคาร์บอนป็นกลาง หรือ “ติดลบ” เพื่อประกาศให้หลายฝ่ายได้ทราบว่า แม้กระทั่งบริษัทเทคโนโลยี ที่มีภาพจำเป็นบริษัทที่ใช้สิ่งแวดล้อม และทิ้ง คาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) มากที่สุดยังพยายามปรับตัว

          และในปีที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงความเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากทั้งหลายค่ายทั่วโลกจนจุดประกายให้หลายประเทศเริ่มหันมาลงทุนกับสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) เพื่อรองรับอนาคตที่กำลังมาถึงอันใกล้

           แม้กระทั่งประเทศไทยเองก็มีการเตรียมตัวและขยายสถานีชาร์จกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งตามปั้มน้ำมันเดิม ห้างสรรพสินค้า รวมถึงโครงการบ้าน หรือคอนโด ที่ต่างตอบรับอนาคตกันเรียบร้อยแล้ว

           สำหรับในธุรกิจยนตรกรรม MINI แบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษ ที่ปรับตัวเข้าสู่วงการรถยนต์ไฟฟ้า มาตั้งแต่ปี 2019 สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันที่เพิ่งเปิดตัว The new all-electric MINI ไป ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่กำลังมีส่วนช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกเราให้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ขอแอบเล่าย้อนไปนิดนึงว่า ที่จริงแล้วแบรนด์ MINI เอง ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เกิดมาเพื่อการประหยัดพลังงานอยู่แล้วย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1959 เกิดวิกฤตการณ์ “คลองสุเอช” ส่งผลทำให้ปัญหาน้ำมันแพง และเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก

           “เซอร์ เอล็ก อิซิสโกนิส” (ALEC ISSIGONIS) ผู้เป็นเสมือนบิดาของรถยนต์ MINI ได้ลงมือจรดปากกาออกแบบรูปโฉมของรถมินิเป็นครั้งแรกลงบนแผ่นกระดาษทิชชู่ ด้วยแนวคิดการออกแบบรถยนต์ให้มีขนาดเล็ก กะทัดรัด แต่สามารถนั่งได้ 4 ที่นั่ง และมีพื้นที่ให้เก็บสัมภาระได้

           ก่อกำเนิดเป็นรถยนต์ที่ตอบสนองความต้องการด้านการใช้พลังงานอย่างประหยัด พร้อมหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ทันสมัย ขับสนุก ครองใจผู้ใช้งานรถยนต์ทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน และกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยานยนต์ที่สามารถตอบโจทย์เรื่องปัญหาเศรษฐกิจจากวิกฤติน้ำมันได้เป็นอย่างดี

            และการพัฒนาของ MINI มีมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน ในยุคที่เทคโนโลยียานยนตร์สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 100% ภายใต้ชื่อ THE NEW ALL-ELECTRIC MINI

THE NEW ALL-ELECTRIC MINI ยนตรกรรมยานยนต์เพื่ออนาคต

            เกริ่นมาเยอะพอสมควร รู้แล้วใช่มั้ยละคะว่า วันนี้ Digital Tips จะพาทุกคนมารู้จักกับ THE NEW ALL-ELECTRIC MINI รถในฝันของใครหลาย ๆ คน ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นเตะตา เรียกว่าขับไปที่ไหนคนมองกันทั้งถนน และแม้ว่า MINI Electric จะวิ่งด้วยไฟฟ้า 100% แต่บอกเลยว่าฟีลลิ่งกดคันเร่งแบบ “หลังติดเบาะ” สไตล์ MINI ยังเหมือนเดิม กดเป็นมา กดเป็นมา เช่นเคย

          สำหรับสเปคคร่าวๆ ของ THE NEW ALL-ELECTRIC MINI 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม. เทียบกับรถสปอร์ตได้เลยแบบไม่แพ้กัน

          ส่วนอันตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. และมีอัตราการขับขี่สูงสุดราว 217 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) และอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า 17 kWh/100 กม.

          THE NEW ALL-ELECTRIC MINI  มีโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN, และ GREEN+ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่

          อีกหนึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ MINI Electric คือมีระบบนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative brake) ทำให้รถชะลอความเร็วทันทีที่ผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่ง จึงสามารถลดความเร็วรถได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำโดยไม่ต้องแตะเบรก

            ถ้าจะนึกภาพอยากให้นึกถึงเวลาเราขับรถเกียร์กระปุกที่มี Engine Brake ทำให้เพิ่มความปลอดภัยและเราสามารถควบคุมความเร็วได้โดยใช้เพียงคันเร่งเท่านั้น 

ความโดดเด่นของ THE NEW ALL-ELECTRIC MINI


          ตามสไตล์ของรถ MINI ที่ตัวรถมีขนาดกะทัดรัด เหมาะกับการขับขี่ในเมืองมาก โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครของเรา ที่ต้องการรถที่ขับขี่สะดวกคล่องตัว และหาที่จอดได้ง่าย ๆ และเราก็ยังมีส่วนช่วยรักษาสภาพอากาศในประเทศด้วยนะคะ เพราะว่า  THE NEW ALL-ELECTRIC MINI มีค่ามลภาวะเป็น 0

เทคโนโลยีของ THE NEW ALL-ELECTRIC MINI ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จไฟ

             สำหรับเรื่องที่หลายคนคงกังวล เมื่อได้ยินคำว่ารถยนต์ไฟฟ้า น่าจะเป็นเรื่องการหาที่ชาร์จใช่มั้ยคะ  แต่ขอบอกก่อนเลยสำหรับ MINI Electric จะแถม เคเบิลชาร์จ มาด้วย คือ มีตัวนี้ก็สามารถใช้กับปลั๊กไฟที่บ้านได้เลย ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง แต่ถ้าเรามีพื้นที่จอดรถและสะดวกที่จะติดตั้ง Wall Charge ก็จะดียิ่งขึ้น เพราะจะร่นระยะเวลาชาร์จเหลือเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จตามสถานีชาร์จใช้เวลาประมาณครึ่งโมงนิดๆ เท่านั้น

….หมดความกังวลไปได้เลยสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

ปรับโฉมใหม่ดุดันกว่าเดิม

            ส่วนสำคัญที่ทาง MINI ภูมิใจนำเสนอมากๆ ก็คือในด้านดีไซน์ของโมเดล THE NEW ALL-ELECTRIC MINI ปรับรูปโฉมใหม่ เปลี่ยนดีไซน์ ให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับช่วงเวลา และยังมาพร้อมกับสีดำ สีใหม่ สวยสะดุดตา “Black Metallic”

           สำหรับรุ่น THE NEW ALL-ELECTRIC MINI ดีไซน์ที่เปลี่ยนคือจะเพิ่มความสะดุดตาด้วยกระจังหน้าที่ใหญ่ขึ้น และมีดีไซน์แบบปิด เพราะไม่จะเป็นต้องมีช่องระบายอากาศเพื่อลดอุณหภูมิขณะวิ่งเหมือนรถที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมันทั่วไป

             แล้วโลโก้ cooper S จะเป็นสีเหลือง วัสดุที่นำมาใช้ก็ มีการยกระดับคุณภาพมากขึ้นเช่น safe bar เป็นสีและวัสดุเดียวกับตัวรถ เพิ่มความหรูหรา และทำให้ดีไซน์มีความต่อเนื่องดูเป็นชิ้นเดียวกับตัวรถและไม่ต้องกังวลว่าเมื่อเป็นรถ Electric แล้วพื้นที่ห้องโดยสารจะแคบลง เพราะทาง MINI ได้ทำการปรับรูปแบบจนทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารมีความจุเท่ากับตัวปกติทั่วไปเลยค่ะ

             พิเศษไปกว่านั้นเพราะปีนี้ นอกจาก THE NEW ALL-ELECTRIC MINI แล้ว ทาง MINI ก็ได้เปิดตัว MINI 3 Door-Hatch, MINI Convertible และ MINI JCW ที่ปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่เช่นเดียวกัน

ขออนุญาตนำภาพมาให้ชมทั้ง 3 รุ่นก่อนเลย

(MINI 3 Door-Hatch)

(MINI Convertible)

(MINI John Cooper Work)

            สำหรับผู้ที่สนใจ THE NEW ALL-ELECTRIC MINI สามารถไปทดลองได้ที่โชว์รูม MINI ทั่วประเทศ แอบบอกว่ามีโปรโมชั่นให้เลือกถึง 3 แบบด้วยกัน

  1. เลือกดาวน์ 0%* ให้คุณออก MINI ได้ง่ายๆ แบบไม่ต้องคิดเยอะ
  2.  เลือกผ่อนเพียงเดือนละ 9,900 บาท* จ่ายเบาๆ ให้อุ่นใจ
  3. รับฟรี! Wall Charge พร้อมประกันภัยชั้น 1 นานสูงสุด 1 ปี* ชาร์จไฟสะดวก ดูแลกันไปนานๆ

            สุดท้ายทาง Digital Tips ต้องขอชื่นชมการปรับตัวและการร่วมมือของ MINI อีกหนึ่งแบรนด์ยนตรกรรมที่ปรับตัว และหันมาให้ความสำคัญและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงประเด็นความยั่งยื่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability) กันมากขึ้น พร้อมปรับเปลี่ยนสังคมให้ Go Green ต่อไปอย่างยั่งยืนในอนาคต

————————————————————————————————————————–

*ข้อเสนอเลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่ง
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

https://bit.ly/3zXBQwu

#MINIElectric

#ThenewAllElectricMINI

#ChargedWithPassion

#MINITH

AI Deepfake
AI Marketing
AI Deepfake คืออะไร? ทำไมต้องระวัง เกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพอย่างไร

มิจฉาชีพเกิดขึ้นใหม่รายวัน และมักใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ พัฒนากลโกง ให้ไปถึงจุดที่ภาครัฐยากจะจัดการได้ หนึ่งในคือเทคโนโลยี AI Deepfake หรือ เทคโนโลยีปลอมแปลงใบหน้า ที่เป็นข่าวรายวันในช่วง 1…

การตลาดสายเทา
Marketing
การตลาดสายเทาคืออะไร ต่างกับการตลาดสายขาวอย่างไร นักการตลาดต้องรู้!

สำหรับคนที่คลุกคลีกับวงการ Marketing มาสักพัก โดยเฉพาะนักการตลาดที่เน้นทำ SEO เป็นหลัก น่าจะเคยได้ยินคำ 2 คำที่พันผูกกับวงการ SEO มาช้านาน นั่นคือ…

KOL Management ต้องอ่าน! รวม KPI ของงานจ้างอินฟลูที่คุณต้องรู้
Marketing
KOL Management ต้องอ่าน! รวม KPI ของงานจ้างอินฟลูที่คุณต้องรู้

ดังที่บุคลากรสายการตลาดทราบกันดีว่า Influencer Marketing คือหนึ่งในเทคนิคการตลาดยอดนิยมแห่งยุค เนื่องจากความนิยมของคอนเทนต์ประเภทคลิปวิดีโอสั้น และวัฒนธรรมการเสพวิถีชีวิตของคนมีชื่อเสียง จึงทำให้ในช่วง 3 – 4 ปีมานี้มีสายงานใหม่ถือกำเนิดขึ้น นั่นคือ…