เราเห็นวิธีการทำการตลาดดิจิทัลให้ประสบความสำเร็จมาก็มาก หรือวิธีทำเพจให้ประสบความสำเร็จก็เห็นกันเกลื่อน มาดูฝั่งตรงกันข้ามบ้างกับสิ่งที่ถ้าคุณกำลังทำมันอยู่ก็ควรจะหยุดและหาทางแก้ปัญหาซะเพราะวิธีการนั้นอาจกำลังนำพาให้ธุรกิจของคุณไปสู่จุดจบก็ได้ ไปดูกันว่ามีข้อใดบ้างที่ถ้าทำแล้วรอเจ๊งกันได้เลย
ทำโดยไม่วางแผน
แค่เปิดเพจ ทำคอนเทนต์โพสต์ไปทุกวันๆ แค่นั้นยังไม่พอ การจะทำธุรกิจต้องมีการวางแผนทางการตลาดฉันใดในโซเชียลมีเดียก็เช่นกันที่ต้องการแผนการอย่างชัดเจน การวางแผนที่ว่านี้อย่างเช่น สิ่งที่คุณต้องการหลังจากทำเพจในสามหรือหกเดือนข้างหน้า หรือแผนการทำคอนเทนต์ต่างๆ ว่าในแต่ละเดือนจะโพสต์เรื่องอะไร พูดถึงประเด็นไหน การทำแบบนี้จะทำให้คุณรู้ว่าจะปรับเปลี่ยนอะไรได้บ้าง แล้วถ้ามีเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่ไม่คาดคิดจะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร โดยการทำการตลาดผ่านเพจ Facebook แบบไม่มีแผนนั้นก็เหมือนกับคุณนำเวลาไปเสียเปล่านั่นเอง
มัวแต่ใส่ใจกับปริมาณ
สมัยที่ Facebook เปิดให้คนทำเพจในช่วงแรกคนก็จะเน้นปริมาณยอดไลก์เพจ ยิ่งเยอะยิ่งน่าเชื่อถือ ซึ่งปัจจุบันนั้นไม่ใช่อีกต่อไป การที่คุณมัวสนใจแต่ว่าเพจของคุณมีกี่ไลก์ รวมถึงมีคนคอมเมนต์ ไลก์ แชร์โพสต์ของคุณมากน้อยเพียงใดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้ช่วยตอบโจทย์ความสำเร็จของแบรนด์หรือธุรกิจของคุณเลยแม้แต่น้อย ให้มาวัดกันที่ยอดคนทักไปจนถึงการปิดการขายดีกว่า และข้อเสียที่มีมากกว่าข้อดีในการมีลูกเพจเยอะๆ นั้นก็คือคนที่มากดไลก์เพจของคุณส่วนใหญ่อาจไม่ใช่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณเลยก็ได้ นั่นเท่ากับว่าคุณมีแฟนเพจแบบไม่มีคุณภาพสูงมากกว่า
จดจ่ออยู่ช่องทางเดียว
เราย้ำกันในเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้งว่าการทำการตลาดออนไลน์ผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่งนั้นเท่ากับว่าคุณปิดโอกาสตัวเองที่จะได้เจอกลุ่มลูกค้าอื่นๆ ดังนั้นอย่ามัวแต่ทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับการทำ Facebook เพจ อย่าเสียเวลาถ่ายแต่ภาพสินค้าโพสต์ลง Instagram แบ่งเวลามาวางแผนทำคอนเทนต์สำหรับโซเชียลมีเดียอื่นๆ อย่าง Twitter, Line ดูบ้าง หรือจะทำวิดีโอดีๆ ลง Youtube Channel ของแบรนด์ก็เป็นความคิดที่ดีไม่เบา
เมินคู่แข่ง
อย่ามองข้ามคู่แข่งของคุณ เพราะในบางครั้งคู่แข่งนั่นแหละคือแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่จะนำพาให้แบรนด์ของคุณก้าวนำ การที่คุณไม่เคยเข้าไปสนใจเลยว่าคู่แข่งของคุณเขาทำอะไรไปบ้าง ก็อาจทำให้คุณตามหลังพวกเขาอยู่ การที่เรารู้เขาโดยไม่ให้เขารู้เรานั้นนับเป็นกลยุทธ์การตลาดที่จะนำเอาชัยชนะมาหาคุณได้ง่ายที่สุด แต่ข้อควรระวังในการเรียนรู้จากคู่แข่งก็คือ การทำคอนเทนต์ กลยุทธ์ ช่องทางต่างๆ คล้ายหรือเหมือนกัน ซึ่งหากพวกเขาทำก่อนคุณจะกลายเป็นธุรกิจก็อปปี้ขึ้นมาทันที ดังนั้นให้ดู ศึกษาและนำมาพัฒนาต่อยอด
ไม่สนใจหลังบ้าน
การวัดผลเป็นระยะนั้นนับว่าสำคัญอย่างยิ่งเพราะคุณจะได้เห็นว่าทำอะไรไปบ้าง และตรงไหนช่วยให้แบรนด์ของคุณดีขึ้นและส่วนไหนควรจะหยุดทำแล้วมองหาวิธีใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโฆษณาที่ถ้าคุณไม่สนใจวัดผลใดๆ เลย เงินที่คุณจ่ายไปอาจเปรียบเสมือนบริจาคให้กับ Facebook ไปก็เป็นได้ ดังนั้นอย่าลืมที่จะวัดผลทุกๆ 3-6 เดือน แล้วปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทั้งคอนเทนต์ ปริมาณเงิน ให้สอดคล้องไปกับสิ่งที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณประสบความสำเร็จได้
อย่างที่เคยกล่าวไปว่าการทำการตลาดดิจิทัลนั้นไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าทำแบบนั้นจะดีที่สุดหรือไม่ แต่มีหลักการคร่าวๆ ที่จะทำให้คุณสามารถนำไปเป็นไกด์ไลน์ในการดำเนินธุรกิจบนโลกออนไลน์ต่อไป