How to แทร็กข้อมูล Offline Conversion บน Google Ads ใน 4 ขั้นตอน

เป็นที่ทราบกันดีว่า เราสามารถใช้ Google Tag Manager สำหรับแทร็กข้อมูล Conversion ที่เกิดจาก Google Ads ได้ ซึ่งในความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ Conversion ที่ว่านี้มาจากช่องทางออนไลน์เท่านั้น แล้ว Conversion จากช่องทางออฟไลน์ เช่น การซื้อของที่หน้าร้าน หรือการซื้อผ่านเซลส์ล่ะ จะมีวิธีการแทร็กข้อมูลอย่างไร? เพื่อไขข้อข้องใจนี้ Digital Tips จึงรวบรวมวิธีแทร็ก Offline Conversion จาก Google Ads มาฝากคุณ ไปดูกัน!

Offline Conversion คืออะไร

Offline Conversion คือ

ที่มา: https://www.nimbata.com/guide/complete-guide-offline-conversion-tracking/ 

Offline Conversion คือ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบนเว็บไซต์หรือ Social Media ไม่ว่าจะเป็น การติดต่อ การลงทะเบียนเข้าร่วมงาน การทำสัญญาซื้อขาย หรือแม้กระทั่งการซื้อของหน้าร้าน เพื่อให้คุณเห็นภาพมากยิ่งขึ้น ลองสมมติว่าตัวเองกำลังสนใจซื้อบ้านใหม่สักหลัง และบังเอิญเห็นโฆษณาโครงการบ้านเดี่ยวเฟสใหม่บน Google แน่นอนว่าคุณอาจคลิกชมโฆษณา เพื่อลงทะเบียนเบื้องต้นไว้ และขอช่องทางติดต่อเพื่อพูดคุยกับเซลส์ แต่เวลาที่คุณตัดสินใจจะซื้อจริง ๆ คุณก็ต้องเซ็นสัญญาโดยตรงกับบริษัทขายบ้าน ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่ามี Conversion บางส่วนต้องเกิดขึ้นบนโลกออฟไลน์ แต่ปัญหาคือ เราจะแทร็กข้อมูลเหล่านี้กลับเข้าไปในระบบอย่างไร?

เครื่องมือที่นิยมใช้สำหรับแทร็กข้อมูล Offline Conversion 

แน่นอนว่าหากธุรกิจสามารถแทร็กข้อมูลได้ครบทั้ง Online Conversion และ Offline Conversion ธุรกิจนั้น ๆ ก็จะได้รับรู้ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำมากขึ้น และยังสามารถวัดผลตอบรับที่แท้จริงของโฆษณาที่ยิงผ่าน Google Ads ได้ 

GCLID

ที่มา: https://www.teamdiscovery.co.uk/what-is-gclid/ 

ดังนั้น ธุรกิจจำนวนมากจึงนิยมใช้ Google Click Identifier ซึ่งเป็นพารามิเตอร์พิเศษที่จะติดตามผู้เข้าชมแต่ละราย เมื่อพวกเขาคลิกชมโฆษณาบน Google Ads โดยจะสร้าง ID เป็นตัวอักษรและตัวเลขเล็ก ๆ ไม่ซ้ำกันขึ้นมา เพื่อเก็บข้อมูลไว้ในระบบ ทั้งนี้ หากมีผู้เข้าชมคนใดที่เคยคลิกชมโฆษณาของเรา และติดต่อบริษัทของเรามาทางออฟไลน์ เช่น ขอนัดพูดคุย หรือนัดเซ็นสัญญา เราก็สามารถนำ ID ดังกล่าว ไปกรอกข้อมูลในระบบ ว่าเป็น ID ที่มี Offline Conversion ต่อได้

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันการใช้ Google Click Identifier ต้องเผชิญกับข้อจำกัดมากมาย นักการตลาดส่วนใหญ่จึงหันมาใช้ Google Tag Manager แทร็กข้อมูล Offline Conversion แทน

4 ขั้นตอนการแทร็กข้อมูล Offline Conversion ด้วย Google Tag Manager

หากคุณคือนักการตลาดที่ต้องการแทร็ก Offline Conversion โปรดติดตั้ง Google Tag Manager แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้

1. เริ่มตั้งค่า Conversion Action ใหม่

ตั้งค่า Conversion ใหม่ 

  1. ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Google Ads ของคุณ เลื่อนเมาส์ไปที่เมนู “เป้าหมาย” เลือก Conversion และ สรุป
  2. คลิกที่ปุ่ม “New Conversion Action” (การกระทำที่ถือเป็น Conversion ใหม่)
  3. ระบบจะนำคุณเข้าสู่หน้า Start Tracking Conversion ให้เลือก “Import”
  4. จากนั้น เลือกช่องทางที่คุณจะนำเข้าข้อมูลสู่ระบบ ให้เลือกเป็น “แหล่งข้อมูลอื่น ๆ หรือ CRM”  (Other Data Source of CRMs)
  5. เลือกแหล่งข้อมูลหรือ CRM ที่คุณต้องการให้ระบบไปดึงข้อมูลมา
  6. คลิก “เปิด Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสำหรับโอกาสในการขาย”
  7. คลิก Continue เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป

2. กำหนดรายละเอียด Conversion 

กำหนดรายละเอียด Conversion

  1. ระบุชื่อและประเภทของ Conversion ที่คุณต้องการให้ติดตาม เช่น การขาย 
  2. ระบุข้อมูลที่จำเป็น 
  3. เมื่อตั้งค่าทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ระบบจะให้ตั้งค่า Google Ads Conversion Linker ให้คุณเลือก ประเภทของ conversion ที่คุณต้องการติดตาม และใส่ข้อมูลต่าง ๆ ให้เรียบร้อย
  4. ดาวน์โหลดโค้ด Google Ads Conversion Linker แล้วนำไปติดตั้งบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณ

3. สร้างแท็กและทริคเกอร์ใหม่บน Google Tag Manager

  1. ไปที่ Google Tag Manager 
  2. สร้างแท็กใหม่ เลือกประเภทแท็กเป็น “เครื่องมือวัด Conversion ของ Google Ads” พร้อมทั้งระบุข้อมูลที่จำเป็น เช่น Conversion ID และประเภทของ Conversion
  3. เลือกทริกเกอร์ที่คุณต้องการ เพื่อเรียกใช้แท็ก เช่น หากคุณต้องการเรียกใช้แท็กทุกครั้งที่ผู้ใช้เยี่ยมชมหน้าเว็บ คุณสามารถใช้ทริกเกอร์ “ทุกหน้า”
  4. เมื่อตั้งค่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ให้คลิก “Publish”

4. อัปโหลดข้อมูล

  1. ไปที่หน้า Conversion ในบัญชี Google Ads
  2. คลิกที่แท็บ “อัปโหลดข้อมูล”
  3. เลือกไฟล์ที่คุณต้องการอัปโหลด
  4. คลิกปุ่ม “อัปโหลด”

การนำไปใช้

หลังจากกำหนด Google Ads Conversion Linker และสร้างแท็กบน Google Tag Manager ตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว เมื่อมีลูกค้าเข้ามาติดต่อเราทางออฟไลน์ เราสามารถนำรหัส Conversion ของ Google Ads มาใส่ในเอกสารหรือระบบได้ รหัสเหล่านี้จะช่วยให้ Google Ads เชื่อมโยงข้อมูล Offline Conversion กับข้อมูลโฆษณาได้อย่างถูกต้อง

สรุป

และทั้งหมดนี้ คือขั้นตอนการแทร็กข้อมูล Offline Conversion โดยใช้ Google Tag Manager เป็นตัวช่วยหลัก อย่างไรก็ดี หัวใจสำคัญอยู่ที่การอัปโหลดข้อมูลลูกค้าลงไปใน Google Ads ซึ่งอาจเป็นข้อมูลที่ดึงมาจาก CRM, ไฟล์ Google Sheet หรือเครื่องมืออื่น ๆ นั่นเอง

อ้างอิง

Wordstream. Easy Guide to Offline Conversion Tracking in Google Ads

Available from: https://www.wordstream.com/blog/ws/2023/10/30/offline-conversion-tracking 

เครื่องมือจัดการแท็ก และความช่วยเหลือ. Conversion ของ Google Ads

Available from:  https://support.google.com/tagmanager/answer/6105160?hl=th 

Google Ads ความช่วยเหลือ. ตั้งค่า Conversion ที่ปรับปรุงแล้วสําหรับเว็บโดยใช้ Google Tag Manager

Available from:  https://support.google.com/google-ads/answer/13262500?sjid=13305494558496004751-AP&visit_id=638365199782756318-387649895&rd=2 


คัมภีร์สร้างความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ ฉบับนักธุรกิจใหม่
Business
คัมภีร์สร้างความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ ฉบับนักธุรกิจใหม่

การสร้างความน่าเชื่อถือสำคัญอย่างยิ่งกับธุรกิจออนไลน์ โดยเฉพาะกับธุรกิจที่เพิ่งเปิดใหม่ เนื่องจากปัจจุบันมีคนทำการตลาดออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก และลูกค้าเองไม่สามารถตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของผู้ขายได้ หากไม่ทำให้เชื่อใจ พวกเขาก็จะไปซื้อสินค้ากับธุรกิจคู่แข่ง หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจเปิดใหม่ ที่กำลังหาแนวทางการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ศึกษาได้จากคอนเทนต์นี้   Content Summary…

4 สิ่งที่คุณต้องรู้ ก่อนทำคอนเทนต์ดูดวง เอาใจสายมู
Marketing | News
4 สิ่งที่คุณต้องรู้ ก่อนทำคอนเทนต์ดูดวง เอาใจสายมู

กระแสบน Social Media เกี่ยวกับการดูดวง หมอดู และสายมู แสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์ดูดวง ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคชาวไทยได้มากขนาดไหน จึงไม่แปลกที่หลาย ๆ แบรนด์จะมักจะทำ Seasonal…

คอนเทนต์แบบไหนที่คุณควรทำบนเพจธุรกิจแฟชั่น
Marketing | News
แชร์ 4 รูปแบบคอนเทนต์ ที่คนทำธุรกิจแฟชั่นต้องรู้

สำหรับคนทำธุรกิจแฟชั่น ไม่มีอะไรจะยากไปกว่าการนำเสนอคอนเทนต์ตามเทรนด์ฮิตที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงการต่อสู้กับสงครามราคา ที่มีผู้เข้าแข่งขันเพิ่มขึ้นมากมายจนนับไม่ถ้วน หากคุณเองก็เป็นเจ้าของธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับแฟชั่น ลองมาดูกันว่า ควรทำคอนเทนต์แบบไหน จึงจะซื้อใจผู้บริโภคได้   Content…