เคยตั้งคำถามมั้ยว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ บอกว่าคู่แข่งเป็นคนนั้นคนนี้แท้จริงแล้วคุณแข่งกับใคร? แข่งกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง แข่งกับเวลา หรือแข่งกับตัวเอง แต่ก่อนที่เราจะมาหาคำตอบกันว่าคุณกำลังแข่งอยู่กับใครมาดูโลกการตลาดยุคปัจจุบันกันดีกว่าว่าในระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนและสร้างแรงกระทบต่อการสร้างธุรกิจใหม่ในยุคปัจจุบันอย่างไร

สำหรับสมัยก่อนที่จะมีโซเชียลมีเดียเกิดขึ้นนั้นการสร้างแบรนด์เป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก เพราะต้องใช้ทั้งเงินทุนและความมั่นคงของเจ้าของธุรกิจที่จะต่อสู้ฝ่าฟันให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จัก สิ่งที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ “การลงทุน” เพราะถ้าในสมัยนั้นคุณคิดจะริเริ่มธุรกิจใหม่คุณคงไม่มีเงินทุนพอที่จะไปแข่งกับบริษัทใหญ่ๆ ที่มีเงินในการซื้อโฆษณา จ้างพรีเซ็นเตอร์ ฯลฯ ซึ่งรูปแบบนี้เราเรียกกันว่า “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” ความหมายคือคนมีเงินกว่าย่อมชนะคนที่มีเงินน้อยกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่สำหรับปัจจุบันเรามีทั้งเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียมากมายที่เป็นช่องทางให้คุณนำธุรกิจของคุณออกสู่สายตาคนทั่วไปให้รู้จักได้ในวงกว้าง การแข่งขันที่ต้องใช้เงินมหาศาลจึงกลายเป็นการแข่งด้วยมันสมอง ความรวดเร็วและความคิดสร้างสรรค์ คุณมักจะได้เห็นแบรนด์ใหม่ที่ดังเพียงข้ามคืนเพราะเขาทำคอนเทนต์ที่เกิดกระแส คุณมักจะได้เห็นเพื่อนๆ แชร์คอนเทนต์ที่ถูกทำขึ้นด้วยแบรนด์สินค้าต่างๆ โดยอย่างนี้เราเรียกว่า “ปลาเร็วกินปลาช้า” หรือใครเร็วกว่าก็คว้าชัยไปครองแค่นั้น

และในเมื่อการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดความต่างอย่างชัดเจนบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งที่เพิ่งตระหนักได้ว่าโลกเปลี่ยนไปมากแค่ไหนก็สามารถพ่ายแพ้ให้กับธุรกิจเล็กๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันได้ เพราะถึงแม้ว่าคุณจะเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่แค่ไหนความรวดเร็วและสร้างสรรค์ก็เป็นพลังเดียวที่จะกอบกู้ความนิยมกลับคืนมาให้กับคุณได้ แล้วยิ่งถ้าคุณเป็นแบรนด์ธุรกิจใหม่ล่ะก็การที่จะสร้างความประทับใจด้วยการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ถือเป็นเรื่องสำคัญพอๆ กับการสร้างยอดขายเลยทีเดียว

แล้วทุกวันนี้เราทำธุรกิจแข่งอยู่กับใคร

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงได้คำตอบคร่าวๆ แล้วว่าคุณกำลังแข่งอยู่กับใคร? สิ่งที่คุณกำลังแข่งขันอยู่ด้วยนั้นคือ “การปรับตัว” เพราะถ้าคุณยิ่งปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้มากและเร็วเท่าไหร่โอกาสทางธุรกิจของคุณก็มีมากขึ้นเท่านั้น

ต้องปรับตัวอย่างไรในวันที่ Organic Reach แทบจะไม่เหลือ

ปัญหานี้เป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจบนโลกออนไลน์ต่างกุมขมับเมื่อ Facebook ออกมาประกาศถึงการปรับ Algorithm ว่า Organic Reach หรือยอดคนเห็นแบบไม่ต้องซื้อโฆษณาจะลดลงจนแทบไม่เหลือ จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องตกใจและกังวลกับเรื่องนี้มากนักก็ได้ เพราะคุณยังมีช่องทางอื่นๆ ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างแบรนด์ให้คนรู้จักและซื้อสินค้า

หรือหากคุณจำเป็นต้องใช้ Facebook เป็นช่องทางหลักจริงๆ เพราะฐานลูกค้าเกือบทั้งหมดอยู่บนนั้นก็อาจแก้ปัญหาด้วยการทำคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ใช้มีเดียที่หลากหลาย อาจมีการไลฟ์สดช่วย ทำคลิปวิดีโอสนุกๆ และไม่ขายของมากจนเกินไปเพื่อให้เพจแบรนด์ของคุณกลายเป็นคอมมูนิตี้ แค่นี้โอกาสที่คนจะสนใจสินค้าของคุณก็มีมากขึ้นแล้ว แต่ถ้ามีโอกาสก็ลองไปจับๆ Instagram, Line@, Twitter และ Youtube ดูบ้าง เพราะจำไว้เลยว่ายิ่งคุณเข้าถึงคนได้กว้างมากเท่าไหร่ โอกาสในการขายก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้นเท่านั้น

10 body languages for presentation
Marketing Psychology
ลิสต์ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน สำหรับพนักงานมือโปร 

Topic Summary คนทำงานเตรียมแชร์ไว้ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน เพิ่มสกิลการเป็นมือโปร และทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวคุณ! ในบรรดาความรู้เรื่อง Body Language ทั้งหมด ภาษากายที่ใช้ในการพรีเซนต์งาน…

body languages
Marketing Psychology
เช็กก่อนใคร! ตำแหน่งของ Body Language ตัวช่วยอ่านพฤติกรรมคนจากภาษากาย

Topic Summary อยากรู้ไหม? เวลาอ่านใจคนจากภาษากาย ตำแหน่งของ Body Language ส่วนใดบ้างที่คุณต้องดู และแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญอย่างไร ใคร ๆ ก็อยากเชี่ยวชาญการอ่านใจคนด้วยภาษากาย…

what is psychology of pricing
News
เข้าใจจิตวิทยาราคา พร้อมแจกกลยุทธ์การตั้งราคา ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วกว่าที่เคย

เพิ่งเปิดธุรกิจใหม่ ควรตั้งราคาอย่างไรดี Digital Tips แชร์เทคนิคการตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา พร้อมเคลียร์ชัดความหมายของจิตวิทยาราคา อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที! Content Summary  จิตวิทยาราคา คือ การกำหนดราคาสินค้าโดยอ้างอิงจากการรับรู้ทางจิตวิทยา…