ลองลิสต์ดูสิว่านอกจาก Facebook แล้วมีแพลตฟอร์มใดบ้างบนโลกที่คนทำธุรกิจออนไลน์ไม่ควรมองข้าม… คำตอบคือ! Google และเมื่อคุณนึกถึง Google คุณคงพอจะเคยได้ยินคำว่า “SEO” กันมาบ้างแล้ว SEO หรือ Search Engine Optimization คือระบบการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ 1 บนหน้าแรกของ Google เมื่อมีคนมาค้นหาด้วยคำคีย์เวิร์ดที่ตั้งไว้ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ค่อนข้างจะมีรายละเอียดปลีกย่อย เรามาพูดถึงความสำคัญของบทความกันดีกว่าว่าทำไม เว็บไซต์ถึงมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปได้
Blog ขุมพลังของการทำ SEO
ความสำคัญของ SEO คือเมื่อคนค้นหาคีย์เวิร์ดที่คุณกำหนดแล้วเจอเว็บคุณขึ้นเป็นอันดับ 1 ในหน้าแรก คุณจะได้รับทั้งความน่าเชื่อถือจากลูกค้าและแน่นอนว่าโอกาสที่คนจะเห็นแบรนด์คุณก่อนย่อมมีแน่นอน โดยกระบวนการทำงานของ SEO นั้นจะต้องอาศัยหลายๆ สิ่งประกอบกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลา ซึ่ง Blog เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับได้ นั่นเป็นเพราะ Google จะอ่านหน้าเว็บไซต์ของคุณเพื่อจัดลำดับ (Ranking) ว่าเว็บไซต์คุณควรอยู่อันดับที่เท่าไหร่ ซึ่ง Goolge นั้นจะอ่านได้เพียงตัวอักษรเท่านั้น ดังนั้นหน้าเว็บที่มีตัวหนังสือเยอะๆ จึงได้เปรียบ แน่นอนว่า Blog เป็นอีกหนึ่งวิธีการเพิ่มตัวหนังสือให้กับเว็บไซต์ของคุณ เมื่อเพิ่มคีย์เวิร์ดเข้าไปและ Google เข้ามาอ่าน เว็บไซต์ของคุณก็จะมีลำดับดีขึ้นนั่นเอง ปล.แต่ต้องทำคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอด้วยนะ
เขียนยังไง เขียนไปเพื่ออะไร
คอนเทนต์บน Blog ก็คือคอนเทนต์ที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ความยาวประมาณ 500-1000 คำขึ้นไป โดยเนื้อหาใน Blog ส่วนใหญ่จะต้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือสินค้า แต่ก็มีบ้างที่จะเป็น Blog เพื่ออัปเดตข่าวสารเทรนด์ต่างๆ ในการทำ Blog นั้นนอกจากจุดประสงค์เพื่อการทำ SEO แล้วก็คือเพื่อมอบความรู้แชร์เรื่องราวให้กับผู้อ่านและยิ่งถ้าบทความนั้นได้รับความชื่นชอบก็อาจถูกแชร์ออกไปบนโลกโซเชียลและแน่นอนว่ามันจะยิ่งทำให้ SEO ของคุณดีขึ้นโดยไม่ต้องพยายามทำอะไรมากเลยด้วยซ้ำ
ทำโซเชียลมีเดียอย่างเดียวไม่พอหรอ ทำไมต้องทำ Blog ด้วย
เป็นความคิดของเจ้าของธุรกิจเกิดใหม่หลายต่อหลายคนที่มักจะทุ่มพละกำลังแทบจะทั้งหมดกับการทำโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ ของแบรนด์ ก็มีทั้งประสบความสำเร็จและล้มไม่เป็นท่า (อย่างหลังมากกว่า) ข้อจำกัดของโซเชียลมีเดียแม้ว่าจะเป็น Facebook ก็ตามคือคุณจะใส่รายละเอียดยาวเหยียดลงไปไม่ได้เลย ไม่ใช่เพราะ Facebook ห้ามแต่คนจะไม่อ่านแถมยังจะรู้สึกรำคาญที่ถูกยัดเยียดให้เห็นคอนเทนต์ยาวเป็นพรืด ต่างจากเว็บไซต์ที่ถ้าลูกค้าของคุณสนใจในสินค้าพวกเขาจะเข้ามาในเว็บไซต์เพื่อเสาะหาดูรายละเอียดด้วยตัวเอง นอกจากนั้นการมีเว็บไซต์ยังช่วยให้คุณทำ Remarketing หรือที่เรียกกันว่าโฆษณาหลอกหลอนบน Facebook ได้อีกด้วย
ถ้าไม่อยากเขียนข้อมูลสินค้า ไม่อยากอัปเดตข่าวสารจะเขียนเกี่ยวกับอะไรล่ะ
ถือเป็นคำถามที่ดีมากเพราะแน่นอนว่าหากคุณทำ Blog เพื่อบอกคุณสมบัติของสินค้า ฯลฯ สักวันข้อมูลสินค้าคุณก็จะหมดคอนเทนต์ก็จะไม่เกิด หรือบางครั้งทำ Blog เพื่ออัปเดตข่าวสาร หากไม่มีข่าวใหม่ๆ ในแวดวงธุรกิจของคุณล่ะก็หน้าบทความคุณก้จะต้องถูกทิ้งร้าง ทางออกก็คือให้คุณทำตัวเป็น Content Provider คือผู้ที่มอบเนื้อหาอันมีประโยชน์ให้กับลูกค้าโดยอาจเป็นคอนเทนต์ให้ความรู้ต่างๆ บทความแบบ Green Content (เขียนไปแล้วจะอ่านในอีกสิบปีข้างหน้าก็ยังมีประโยชน์) โดยไม่ต้องพูดถึงสินค้าคุณเลยก็ได้ แต่ให้เป็นบทความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณและใส่คีย์เวิร์ดแฝงเข้าไป เพียงเท่านี้ก็จะใช้ประโยชน์ของ Blog ได้อย่างคุ้มค่าแล้ว