5 วิธีใช้ Hyper-personalization เพิ่มประสิทธิภาพการตลาดดิจิทัล

จะดีแค่ไหน? หากธุรกิจสามารถคาดเดาได้อย่างแน่ชัดว่าลูกค้าต้องการอะไร และเสิร์ฟความต้องการนั้นให้กับลูกค้าได้อย่างตรงใจ และกลยุทธ์การตลาดที่จะทำให้สิ่งนี้เป็นจริงได้ ก็คือ Hyper-personalization กลยุทธ์ใหม่ล่าสุดที่ตอบโจทย์ยุค AI และ Big Data หากคุณอยากทำความรู้จักกับการตลาดเทคนิคนี้ให้มากขึ้น Digital Tips จัดให้!

>> อ่านเพิ่มเติม: Big Data คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และทุกอย่างที่คุณควรรู้

Hyper-personalization คืออะไร?

Hyper-personalization คือ

ที่มา: https://instapage.com/blog/hyper-personalization/

Hyper-personalization คือ การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและข้อมูลเรียลไทม์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ปรับแต่งอย่างละเอียดสำหรับผู้บริโภคในแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากพฤติกรรม ความชอบ และความต้องการของพวกเขาในขณะนั้น อย่างไรก็ดี ธุรกิจที่พร้อมสำหรับการทำ Hyper-personalization จะต้องมีทุนสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีพอสมควร เพราะจะต้องพร้อมปรับแต่งข้อมูลต่าง ๆ ตามความต้องการของลุกค้าได้ตลอดเวลา

Hyper-personalization ต่างกับ Personalized Marketing อย่างไร?

Hyper-personalization และ Personalized Marketing ต่างเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการปรับแต่งประสบการณ์ของผู้บริโภค แต่จะแตกต่างกันในระดับของความลึกและเทคนิคที่ใช้ ดังนี้

Hyper-personalization vs  Personalization

ที่มา: https://www.linkedin.com/pulse/personalisation-vs-hyper-personalisation-whats-difference-yutybazar

ระดับของข้อมูลที่นำมาใช้

Hyper-personalization จะใช้ข้อมูลเรียลไทม์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ของผู้บริโภคในระดับที่ละเอียดมากขึ้น ในขณะที่ Personalized Marketing มักใช้ข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ และประวัติการซื้อเท่านั้น

การปรับแต่งข้อมูลหรือระบบต่าง ๆ

ใน Hyper-personalization การปรับแต่งจะเกิดขึ้นในทุกจุดสัมผัส (touchpoints) ของผู้บริโภค เช่น เว็บไซต์ อีเมล แอปพลิเคชัน หรือ Social Media แตกต่างกับใน Personalized Marketing ที่การปรับแต่งจะเน้นที่ระดับพื้นฐาน เช่น การแนะนำสินค้าในเว็บไซต์ตามประวัติการเข้าชม หรือการส่งคูปองส่วนลดทางอีเมล เป็นต้น

การตอบสนองแบบเรียลไทม์

Hyper-personalization มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันทีแบบเรียลไทม์ตามพฤติกรรม แตกต่างกับ Personalized Marketing ที่ข้อมูลและการปรับแต่งมักไม่ได้เกิดขึ้นในเรียลไทม์ และอาจเป็นการตอบสนองที่ล่าช้ากว่าพฤติกรรมหรือความต้องการของผู้บริโภค

5 วิธีใช้ Hyper-personalization เพื่อการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น

หากคุณวางแฟนจะพัฒนาธุรกิจด้วยการวางรากฐานทางเทคโนโลยี และอยากใช้ Hyper-personalization เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ลองทำตามวิธีใช้ 5 ขั้นตอนนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น!

Personalized Product Recommendations

ที่มา: https://glood.ai/blog/10-types-of-product-recommendations-for-shopify

1. Personalized Product Recommendations

ลองทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าร้านค้าเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการของพวกเขาอย่างแท้จริง ด้วยการใช้ AI และ Machine Learning วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของผู้ใช้และแนะนำสินค้าที่คาดว่าพวกเขาจะชอบ และแสดงผลิตภัณฑ์แนะนำบนหน้าเว็บไซต์ อีเมล และแอปพลิเคชันมือถือแบบเรียลไทม์

2. ขยายฐานผู้ซื้อด้วย Personalized Email Marketing

ใช้เทคนิค EDM ส่งที่มีเนื้อหาและข้อเสนอที่ปรับแต่งตามพฤติกรรมและความสนใจของผู้รับ จากนั้นใช้ข้อมูลจากการเปิดอีเมล การคลิกลิงก์ และการซื้อสินค้าเพื่อปรับแต่งเนื้อหาในอีเมลถัดไป โดยแบ่งกลุ่มผู้รับอีเมลตามพฤติกรรมและความชอบ เพื่อส่งอีเมลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพิ่มอัตราการเปิด (open rate) และการคลิก (click-through rate) ของอีเมล

3. ใช้โฆษณาแบบจำเพาะเจาะจง

แสดงโฆษณาที่ตรงกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยใช้ AI เพื่อปรับแต่งข้อความ ภาพ และข้อเสนอในโฆษณาแบบเรียลไทม์ นอกจากจะทำให้ผู้ใช้ได้เห็นสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว ยังเป็นการลดต้นทุนการโฆษณาโดยการเน้นไปที่ผู้ใช้ที่มีโอกาสสูงที่จะตอบสนองต่อโฆษณาเท่านั้นอีกด้วย

4. Personalized Customer Service

Personalized Customer Service

ที่มา: https://www.fluidogroup.com/blog/offering-personalized-customer-service/

รู้หรือไม่? AI Chatbot สามารถใช้ข้อมูลพฤติกรรมและประวัติการซื้อได้ เพื่อให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงและรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยคุณปรับแต่งข้อเสนอและโปรโมชันที่ส่งไปยังลูกค้าตามประวัติการซื้อและความชอบ เพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์และเพิ่มโอกาสในการซื้อซ้ำได้

5. ใช้ Hyper-personalization คิดค้นโปรโมชันพิเศษเฉพาะคน

ลองใช้ข้อมูลพฤติกรรมและการซื้อของผู้บริโภคในการสร้างโปรโมชั่นและข้อเสนอที่ตรงกับความสนใจและความต้องการเฉพาะบุคคล ประกอบกับการใช้ AI คาดการณ์ว่าผู้บริโภคคนไหนมีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อโปรโมชันประเภทใดดูสิ! รับประกันว่ากำไรโดยรวมของบริษัทจะต้องเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้ารู้สึกดีกับแบรนด์มากขึ้นอย่างแน่นอน

สรุป

โดยสรุปแล้ว Hyper-personalization คือการใช้เทคโนโลยี AI และข้อมูลเรียลไทม์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า เพิ่มยอดขายและการแปลงค่า ปรับปรุงประสิทธิภาพของการตลาด และดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในทุกจุดสัมผัส ทำให้แบรนด์สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

อ้างอิง

Sitecore. What is hyper-personalization?

Available from: https://www.sitecore.com/resources/omnichannel-personalization/what-is-hyper-personalization

Optimizely. Hyper-personalization

Available from: https://www.optimizely.com/optimization-glossary/hyper-personalization/ 

ไอคอนแจ้งเตือน บนแอป Social Media ต่าง ๆ
Marketing Psychology
ไอคอนแจ้งเตือน วงกลมสีแดงที่ทรงพลังในการกระตุ้นการมีส่วนร่วม!

จุดสีแดงเล็ก ๆ บนแอป ไม่ได้ทำหน้าที่แค่แจ้งข่าวสารให้คุณทราบ แต่ยังสร้างผลกระทบทางจิตวิทยา ที่ช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมได้อย่างดีเยี่ยม มาเจาะลึกเบื้องหลังของไอคอนแจ้งเตือนไปพร้อมกัน! เคยมั้ย? เวลาเห็นตัวเลขแจ้งเตือนบนมุมขวาของแอป ต้องรีบกดเข้าไปดู ไม่ว่าจะเข้าไปเช็กรายละเอียด หรือแค่กดเพื่อให้จุดสีแดงนั้นหายไปก็ตาม…

Pop-up Advertising สามารถเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นลูกค้าได้
Marketing
โฆษณา Pop-ups กลยุทธ์เด็ดในการสร้าง Conversion บนเว็บไซต์

Pop-ups Ads บนเว็บไซต์ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้มาอย่างช้านาน เพราะช่วยส่งเสริมการขายได้อย่างดีเยี่ยม แต่จะเป็นอย่างนั้นต่อเมื่อคุณใช้มันอย่างถูกวิธี และแสดงผลในเวลาที่เหมาะสม ถ้าพูดถึงกลยุทธ์เพื่อสร้างยอดขายและการมีส่วนร่วมบนเว็บไซต์ ปัจจุบันก็มีให้เลือกใช้หลากหลายวิธี เช่น การทำ SEO…

IKEA Effect อคติทางความคิดที่ผู้บริโภคให้คุณค่ากับสิ่งลงมือทำด้วยตัวเอง
Marketing
ส่องกรณีศึกษาจาก IKEA Effect เทคนิคเพิ่มคุณค่าให้สินค้าแบบเท่าตัว!

เคยรู้สึกไหมว่าอะไรที่ลงมือทำด้วยตัวเอง ต้องใช้แรงกายมากมายกว่าจะสร้างสรรค์มันออกมาได้ จะยิ่งรู้สึกคุ้มค่าที่ทำลงไป และภูมิใจในตัวเองมาก ๆ สิ่งนี้เรียกว่า IKEA Effect ที่มีที่มาจากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสัญชาติสวีเดน หลายคนอาจจะรู้จักในฐานะสินค้าสไตล์มินิมอล แต่รู้ไหมว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวของอิเกีย ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของนักการตลาดอย่างมาก…