สำหรับเจ้าของธุรกิจคนไทย (ส่วนใหญ่) Email Marketing อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะนึกถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจ SME ซึ่งแทบจะไม่ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การตลาดในส่วนนี้เลย อย่างไรก็ดี อันที่จริงแล้ว Email Marketing คือ กลยุทธ์ที่ทรงประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจทุกประเภท เหล่าเจ้าของธุรกิจจึงควรศึกษาประโยชน์ของอีเมล รวมถึงขั้นตอนการทำ Email Marketing ไว้ และเพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น Digital Tips จึงรวบรวมทุกเรื่องเกี่ยวกับการตลาดเทคนิคนี้มาให้คุณแล้ว มาดูกันว่า Email Marketing หรือ EDM Marketing คืออะไร พร้อมตัวอย่างที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง
Highlight
- Email Marketing คือ การส่งอีเมลไปยังลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายผ่านอีเมลของพวกเขาโดยตรง เพื่อประชาสัมพันธ์อีเวนต์ ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือกิจกรรมใหม่ ๆ ในนามแบรนด์
- มี 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ อีเมลของลูกค้า คอนเทนต์ และเครื่องมือสำหรับช่วยส่งอีเมล
- Email Marketing แบ่งออกได้เป็น 7 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ Greeting Email, Announcement Email, Promotional Email, Reward Email, Invitation Email, Survey Email และ Seasonal Marketing Email
- 2 เครื่องมือยอดนิยมสำหรับการทำ Email Marketing คือ Mailchimp และ Hubspot
Email Marketing คืออะไร
หากแปลตามชื่อ Electronic Direct Mail คือ Digital Marketing แขนงหนึ่ง ที่ให้แบรนด์ส่งสารไปยังลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายผ่านอีเมลของพวกเขาได้โดยตรง โดยคอนเทนต์ในอีเมลส่วนใหญ่มักจะเป็นโปรโมชันของสินค้าหรือบริการ ที่แบรนด์อยากจะนำเสนอให้กับลูกค้าเก่าหรือกลุ่มเป้าหมายที่เคยให้อีเมลกับทางร้านเอาไว้ เพื่อกระตุ้นยอดขายและเพิ่มโอกาสในการซื้อซ้ำ ทั้งนี้ Email Marketing มักถูกใช้ในธุรกิจแบบ Niche Market เนื่องจากธุรกิจเหล่านั้นทราบดีอยู่แล้วว่า กลุ่มลูกค้าที่แน่นอนของตัวเองเป็นใคร มีจำนวนประมาณเท่าไหร่ และควรสื่อสารกับพวกเขาอย่างไร
ประโยชน์ของการทำ Email Marketing
ในฐานะเจ้าของธุรกิจ คุณอาจต้องการข้อมูลเพิ่มสักเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจว่า Email Marketing เหมาะกับธุรกิจของตนหรือไม่ และเพื่อประกอบการตัดสินใจให้กับคุณ นี่คือ 4 ประโยชน์ที่เราเห็นได้ชัดเจนที่สุด
สร้างโอกาสในการขาย
Email Marketing คือ เครื่องมือที่เป็นประโยชน์เมื่อแบรนด์ต้องการโปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ โปรโมชันใหม่ หรืออีเวนต์ใหม่ มักใช้กับการตลาดแบบ B2B ดังนั้น ทันทีที่อีเมลถูกส่งไป พาร์ทเนอร์ คู่ค้า หรือแม้แต่ลูกค้าแบบ B2C ซึ่งเป็นสมาชิกที่ลงทะเบียนไว้ก็จะเห็นก่อนใคร ทำให้แบรนด์มีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น
การันตีความเป็นมืออาชีพของแบรนด์
แน่นอนว่า Email Marketing หมายถึง การทำการตลาดด้วยอีเมล ซึ่งเป็นการสื่อสารที่ค่อนข้างเป็นทางการ คุณจึงมีโอกาสทบทวนภาพและข้อความอย่างถี่ถ้วนก่อนส่งให้กับลูกค้า และยังทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความเป็นมืออาชีพของแบรนด์ หลังได้รับสารผ่านอีเมล
ประหยัดต้นทุนมากกว่าการยิงโฆษณา
การเปิดใช้งานอีเมล ไม่เสียค่าบริการ (ยกเว้นกรณีส่งอีเมลจำนวนมากพร้อมกันโดยใช้เครื่องมือพิเศษ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่าย) ดังนั้นการทำ Email Marketing จึงถือเป็นเทคนิคการตลาดที่ค่อนข้างประหยัดต้นทุน และที่สำคัญ การทำ Email Marketing ไม่ต้องเสียงบประมาณในการยิงแอดโฆษณา
มีบันทึกชัดเจน วัดผลได้
ประโยชน์อีกข้อของ Email Marketing คือ สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน เพราะสามารถจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ และเรียกดูข้อมูลย้อนหลังได้ตลอด นอกจากนี้ Email Marketing ยังจัดว่าเป็นเทคนิคการตลาดที่ค่อนข้างประหยัดเวลามาก เพราะคุณสามารถส่งอีเมลหลายร้อยหลายพันฉบับได้ในคราวเดียว
องค์ประกอบของการทำ Email Marketing
ในหัวข้อที่แล้ว เราได้พูดถึงประโยชน์ของอีเมลกับการทำการตลาดกันไปแล้ว หากคุณเริ่มสนใจจะทำ Email Marketing ให้กับธุรกิจของตัวเอง มีเพียง 3 องค์ประกอบเท่านั้นที่คุณจะต้องเตรียมไว้ ได้แก่ อีเมลของลูกค้า คอนเทนต์ และเครื่องมือสำหรับช่วยส่งอีเมล
1. อีเมลของลูกค้า
วิธีที่นิยมที่สุดในการเก็บข้อมูลอีเมลของลูกค้า เพื่อทำ Email Marketing ก็คือการสร้างระบบสมาชิก เพื่อให้ลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วม พร้อม ๆ กับกรอกข้อมูลส่วนตัว (รวมทั้งอีเมล) ลงไปด้วย แต่สำหรับแบรนด์ที่ไม่มีหน้าร้านหรือไม่มีระบบสมาชิก แบรนด์เหล่านั้นอาจใช้ Social Media Marketing หรือการทำคอนเทนต์บน Facebook, Instagram และอื่น ๆ แล้วสร้างแคมเปญ Lead Generation เพื่อเก็บข้อมูลของลูกค้าแทน
2. คอนเทนต์
เมื่อมีอีเมลของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแล้ว สิ่งที่ต้องมีอีกอย่างหนึ่งก็คือคอนเทนต์ หรือเนื้อหาที่คุณจะส่งให้กับลูกค้าทางอีเมล อาจเป็นโปรโมชันพิเศษ ข่าวอัปเดตเกี่ยวกับสินค้าใหม่ หรือข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ แนะนำให้ใช้คำสั้น กระชับ พาดหัวดึงดูด (หากเขียนไม่น่าสนใจ ลูกค้าก็อาจจะไม่กดเปิดอ่าน) และควรส่งไปพร้อมกับภาพกราฟิกที่ดูสวยงาม เป็นมืออาชีพ การทำ Email Marketing จึงจะได้ผลดี ดังนั้น คุณอาจจะต้องมีทีมคอนเทนต์และกราฟิกดีไซเนอร์มาควบคุมงานในส่วนนี้
3. เครื่องมือสำหรับช่วยส่งอีเมล
หากคุณคือธุรกิจแบบ Niche Market และทราบจำนวนลูกค้าที่แน่นอน คุณอาจจะใช้วิธีพื้นฐาน อย่างการกดส่งอีเมลด้วยตัวเอง อย่างไรก็ดี ข้อดีของการทำ Email Marketing ในลักษณะนี้มีอย่างเดียว คือ “ไม่เสียค่าใช้จ่าย” แต่ข้อเสียนั้นมากมาย เช่น คุณอาจตกหล่นรายชื่อลูกค้า ไม่สามารถเช็กได้ว่าอีเมลที่ส่งไปแล้วมีคนเปิดอ่านกี่คน ฯลฯ ดังนั้น เราขอแนะนำว่าหากคุณคิดจะทำการตลาดด้วย Email Marketing อย่างจริงจัง ควรลงทุนกับเครื่องมือสำหรับช่วยส่งอีเมล อาทิ Hubspot, Mailchimp, Constant Contact, Getresponse ฯลฯ เป็นต้น
ประเภทของ Email Marketing
อีกหนึ่งปัจจัยสู่ความสำเร็จของ Email Marketing หรือ EDM Marketing คือ การเข้าใจว่า Email Marketing มีด้วยกันหลายประเภท และแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งในเบื้องต้น เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1. Greeting Email
Greeting Email หรือ จดหมายต้อนรับ คือเครื่องการันตีความเป็นมืออาชีพของแบรนด์ และความใส่ใจที่แบรนด์มีต่อลูกค้า ดังนั้น หลังจากลูกค้ากดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของแบรนด์ หรือลงทะเบียนเข้าสู่ระบบสมาชิก แบรนด์จึงมักจะส่ง Greeting Email ถึงลูกค้าทันที เพื่อสร้างความประทับใจ
2. Announcement Email
Email Marketing คือ การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างมืออาชีพผ่านอีเมล และเมื่อมีข่าวสำคัญเกี่ยวกับแบรนด์ เช่น สาขาหน้าร้านที่ต้องปิดปรับปรุง การเปิดตัวสินค้าใหม่ ตลอดจนการปรับลด-ขึ้นราคา แบรนด์ก็สามารถส่ง Announcement Email ถึงลูกค้าได้
3. Promotional Email
Promotional Email หรือ จดหมายแจ้งโปรโมชัน จัดเป็นอีกหนึ่งประเภทอีเมลที่สำคัญที่สุดใน Email Marketing Strategy โดยเฉพาะกับธุรกิจที่มีกลุ่มลูกค้าชัดเจน เพราะการเสนอโปรโมชันผ่านอีเมล สะดวกและรวดเร็วที่สุด ตลอดจนทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่า พวกเขาคือ Executive Audience ที่แบรนด์ใส่ใจมากเป็นพิเศษ
4. Reward Email
บางครั้งสิทธิพิเศษที่แบรนด์เสนอให้กับลูกค้า อาจไม่ได้มาในรูปแบบของโปรโมชันพิเศษ แต่อาจเป็นบัตรกำนัล สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก หรือของรางวัล ซึ่งแบรนด์จะแจ้งสิทธิพิเศษเหล่านั้นให้กับลูกค้าผ่าน Reward Email
5. Invitation Email
การส่งบัตรเชิญผ่านอีเมล ใช้เมื่อแบรนด์กำลังจะมี Event ใหม่ ๆ เช่น งานแถลงข่าวเปิดตัวสินค้าใหม่ หรืองานสัมมนาพิเศษร่วมกับลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งการส่ง Invitation Email ไม่เพียงทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจเท่านั้น แต่คุณยังสามารถนับจำนวนแขกที่จะมาเข้าร่วมงานนั้น ๆ ได้ทันทีผ่านอีเมลตอบรับ (Reply Email)
6. Survey Email
คุณสามารถใช้ Email Marketing เป็นเครื่องมือสำหรับการสำรวจข้อมูล เพื่อวิเคราะห์กลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ แล้วต้องการสำรวจความนิยมของลูกค้า ก็สามารถส่งแบบสำรวจไปตามที่อยู่อีเมลที่บันทึกไว้ได้
7. Seasonal Marketing Email
ในกรณีที่คุณต้องการประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่จัดขึ้นตามฤดูกาล เช่น New Year Sale, Mid-year Sale, End-year Sale หรือ Black Friday การส่งข่าวทางอีเมลให้ลูกค้าสมาชิกได้รับรู้ก่อน นอกจากจะสร้างประทับใจให้กับฐานลูกค้าเดิมแล้ว ยังการันตีความสำเร็จขั้นต้นของโปรโมชันนั้น ๆ ได้อีกด้วย
ขั้นตอนการทำ Email Marketing
สำหรับธุรกิจที่กำลังเตรียมตัวทำ Email Marketing นี่คือ 5 ขั้นตอนการทำ Email Marketing ที่ทุกธุรกิจทำตามได้แบบ Step by Step ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย!
1. วางแผนการใช้กลยุทธ์ Email Marketing
ขั้นตอนแรกของการทำ Email Marketing ควรเริ่มจากการวาง Email Marketing Strategy ให้แน่ชัด ว่าทำไมธุรกิจของคุณจึงเลือกทำ Email Marketing และจะเลือกส่งอีเมลประเภทไหน ให้กับลูกค้ากลุ่มใด ในระยะเวลาใดบ้าง
2. สร้างรายชื่อของกลุ่มเป้าหมาย
- สร้างช่องทางการรวบรวมอีเมลของลูกค้า ตามแผนการตลาดที่วางไว้ เช่น สำหรับธุรกิจที่เน้นทำการตลาดออนไลน์ คุณอาจสร้างโฆษณาแบบ Lead Generation เพื่อให้ลูกค้าคลิกชมแอด กดลงทะเบียน แล้วกรอกข้อมูลส่งมา และหากธุรกิจของคุณใช้ระบบ CRM ก็สามารถบันทึกข้อมูลผ่านระบบดังกล่าวได้ >> รู้จักกับ CRM อ่านต่อที่: CRM คืออะไร (Customer Relationship Management) มีระบบการทำงานอย่างไร
- หลังจากสิ้นสุดระยะเวลารวบรวมอีเมลของลูกค้า แนะนำให้จัดเตรียม Email List รอไว้
3. สร้างเนื้อหาของอีเมล แล้วจัดการส่ง
- จัดทำคอนเทนต์ ทั้งภาพ ข้อความพาดหัว และเนื้อความ แบบสั้นกระชับ อ่านง่าย สำหรับใช้ทำ Email Marketing พร้อมกำหนด Call to Action ให้เรียบร้อย
- ทดลองส่งอีเมล ก่อนส่งให้กับลูกค้าจริงทุกครั้ง
- รวบรวมรายชื่อใน Email List แล้วจัดการส่งอีเมลตามเวลาที่กำหนดไว้ โดยอาจใช้วิธีส่งเอง หรือส่งผ่านเครื่องมือพิเศษต่าง ๆ ดังจะอธิบายต่อในหัวข้อถัดไป
4. ประเมินและวิเคราะห์ผลลัพธ์
หลังจากที่อีเมลถูกส่งออกไปแล้ว แนะนำให้กำหนดเวลาเพื่อเข้าไปเก็บข้อมูลหลังบ้าน ว่ามีคนเปิดอ่านอีเมลมากน้อยแค่ไหน คนที่เปิดอ่านแล้วมีการตอบสนองอย่างไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาการสร้าง Email Marketing ต่อไป
แนะนำเครื่องมือสำหรับทำ Email Marketing
การส่งอีเมลให้กับลูกค้าเป็นจำนวนมาก (หลักร้อยหรือพันอีเมล) การกรอกชื่ออีเมลและจัดส่งด้วยตนเองแบบ Manaul ทั้งหมด อาจเสียเวลา และเสี่ยงต่อการทำรายการตกหล่น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ Digital Tips แนะนำให้คุณใช้ Email Marketing Tools ซึ่งในที่นี้เราขอแนะนำ 2 เครื่องมือทีไ่ด้รับความนิยมสูงสุดอย่าง Hubspot และ Mailchimp
1. Hubspot
สำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่ม ROI Email Marketing เครื่องมือพิเศษอย่าง Hubspot ที่ครอบคลุมการทำ Inbound Marketing แบบครบวงจร และแม้ว่าเครื่องมือสำหรับทำ Email Marketing จะเป็นเพียงฟีเจอร์หนึ่งของ Hubspot เท่านั้น แต่ประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่าเครื่องมืออื่น ๆ อย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะสามารถส่งอีเมลไปหาลูกค้าตาม Email List ที่บันทึกไว้ได้แล้ว ยังสามารถบริหารจัดการส่วนอื่น ๆ อาทิ Report Dashboard, Chat Bots หรือ Live Chat ไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย
2. Mailchimp
Maichimp ตัวช่วยพิเศษสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มทำ Email Marketing มีจุดเด่นที่สามารถเริ่มใช้งานได้ฟรี (หากต้องการใช้งานฟังก์ชันเสริม สามารถสมัคร Pro Package ได้ในภายหลัง) เบื้องต้น Mailchimp สามารถส่งอีเมลถึงลูกค้าได้สูงสุด 2,000 รายชื่อ และในกรณีที่คุณเปิดใช้งาน Pro Package นอกจากจะสามารถเพิ่มรายชื่อในระบบได้แล้ว ยังสามารถปรับแต่ง Email Template หรือเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบในการทำ Data-driven Marketing ได้อีกด้วย
ตัวอย่างการทำ Email Marketing ของธุรกิจต่าง ๆ
เพื่อให้คุณเห็นภาพการทำ Email Marketing มากขึ้น ในหัวข้อนี้ Digital Tips จึงรวบรวม 2 Email Marketing ตัวอย่างจากแบรนด์ระดับโลกมาให้คุณดู ดังนี้
Starbucks
แบรนด์กาแฟระดับโลกอย่าง Starbucks ซึ่งมีระบบสมาชิกที่ค่อนข้างได้รับความนิยม และเมื่อมีโปรโมชันพิเศษเฉพาะสมาชิก พวกเขามักจะส่งข่าวโปรโมชันดังกล่าวผ่านอีเมล
Uber
Uber แบรนด์บริการรับส่งผู้โดยสารระดับ Luxury ซึ่งตัดสินใจใช้ Email Marketing เป็นหนึ่งในช่องทางการสร้างแบรนด์ และหากสังเกตจากอีเมลนี้ คุณจะเห็นว่าพวกเขาเลือกใช้อีเมลที่มีรูปแบบการสื่อสารแบบธรรมดา แต่ก็ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจของแบรนด์
>> ทำความเข้าใจเรื่องการสร้างแบรนด์ อ่านเพิ่มเติมที่ “Branding คืออะไร”
Dell
Dell ผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ส่งขายไปทั่วโลก ได้พัฒนาการส่ง Email Marketing ให้มีลูกเล่น และน่าเปิดอ่าน ด้วยการเพิ่มภาพ GIF ลงไปในไฟล์อีเมล เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ และการทำเช่นนี้ก็ทำให้ Dell เพิ่มการมีส่วนร่วมทางอีเมลได้ถึง 109%
Draper James
แบรนด์เสื้อผ้าที่เน้นเฉพาะเสื้อผ้าสตรีและเครื่องประดับ ประสบปัญหาในการโน้มน้าวใจลูกค้าให้ซื้อสินค้าโดยไม่พยายามส่งเสริมการขายมากเกินไป เนื่องจากไม่มีแรงจูงใจ ลูกค้าจำนวนมากจึงไม่ซื้อสินค้าใดๆ เลย เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Draper James จึงเน้นที่การคัดลอกอีเมลและขอความช่วยเหลือจากโปรแกรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างเนื้อหาอีเมล วิธีนี้ทำให้ Draper James สามารถกระตุ้นลูกค้าเป้าหมายและเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นลูกค้าตัวจริงได้
เทคนิคการออกแบบ Email สำหรับกลยุทธ์ Email Marketing
อยากประสบความสำเร็จในการทำ Email Marketing ต้องไม่พลาด 5 เทคนิคนี้ ลองอ่านแล้ว List ไว้ เพื่อนำไปพัฒนากลยุทธ์ของคุณได้เลย!
การออกแบบหัวข้อของ Email
- พาดหัวอีเมลต้องน่าสนใจ และมีที่มาที่ไป อ่านแล้วไม่สับสนว่าแบรนด์ต้องการจะสื่ออะไร
- ใช้ภาษาน่าดึงดูด น่าคลิกเข้าไปอ่าน
- อาจดึงความสนใจด้วยการใช้การใช้ประโยคคำถาม ขึ้นเป็นหัวข้ออีเมล
การออกแบบเนื้อหา
- เนื้อหาจะต้องไปในทิศทางเดียวกันกับพาดหัว และควรมุ่งไปที่วัตถุประสงค์เดียว เช่น ต้องการส่งอีเมลเพื่อนำเสนอโปรโมชันลด 70% ตอนสิ้นปี เนื้อหาในอีเมลก็ควรกล่าวถึงเฉพาะโปรโมชันนี้เท่านั้น
- พยายามสร้างความประทับใจในวินาทีแรกที่ลูกค้าเปิดอ่าน ด้วยการกล่าวถึงชื่อของลูกค้าเจ้าของอีเมล (หากส่งอีเมลเป็นหลักร้อยฉบับ เครื่องมือสำหรับส่งอีเมลจะมีฟีเจอร์ที่สามารถใส่ชื่อลูกค้าเป็นรายบุคคลได้)
- เนื้อหาสั้น กระชับ: เนื้อหาในอีเมลสำหรับ Email Marketing ควรสั้น กระชับ อ่านง่าย เข้าใจได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้อง Scroll Down ดูนาน ๆ
ความถูกต้อง
หากคุณเลือกที่จะระบุชื่อลูกค้าแต่ละคนลงในอีเมลแต่ละฉบับด้วย คุณจะต้องตรวจสอบชื่อของพวกเขาทุกตัวสะกด ทุกตัวอักษร ก่อนกดส่งอีเมลจริง
สื่อสารด้วยรูปภาพ วิดีโอ
เพิ่มความน่าสนใจให้อีเมล ด้วยการใส่สื่อผสมเช่น รูปภาพ วิดีโอ ภาพ GIF หรืออาจใส่ External Link ให้ดูเนื้อหาเพิ่มเติมบนรูปภาพด้วย
สอดแทรก Social Media / Official Website
แนะนำให้เพิ่มลิงก์ Official Website หรือ Social Media ของแบรนด์ลงไปในอีเมลด้วย อาจเชื้อเชิญให้กดติดตาม หรือมีกิจกรรมที่นำให้ลูกค้าที่ได้รับอีเมล ตามไปกดติดตามบัญชี Social Media เพื่อเพิ่มยอด Followers ให้กับช่องทางของคุณ
ช่วงเวลาที่เหมาะสม
ควรตรวจสอบการตั้งค่าเวลาส่งอีเมลให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับเนื้อหาในอีเมล เช่น หากเป็น Promotional Email ที่แนะนำโปรโมชันพิเศษสัปดาห์สุดท้ายของเดือน อีเมลที่ส่งให้กับลูกค้าก็ควรส่งตั้งแต่ต้นเดือน หรือก่อนหน้าเวลาโปรโมชัน 1 เดือน ไม่ควรส่งหลังจากโปรโมชันผ่านไปแล้ว หรือส่งวันแรกที่มีโปรโมชัน
สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
เป้าหมายแรกของการทำ Email Marketing คือ การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความเป็น “คนพิเศษ” สำหรับแบรนด์ ดังนั้น อีเมลแต่ละฉบับที่ส่งถึงลูกค้า ควรทำให้พวกเขารู้สึกว่า อีเมลเหล่านั้นเขียนถึงพวกเขาแค่คนเดียว แม้ในความเป็นจริง คุณจะส่งอีเมลแบบเดียวกันให้กับคน 100 คน ทั้งนี้ หากคุณส่งอีเมลด้วยตนเอง แนะนำให้ใส่รายชื่อลูกค้าทั้งหมดในช่อง “สำเนาลับ (bcc)” แทนช่อง “ผู้รับ (To)” แต่หากคุณใช้เครื่องมือสำหรับส่งอีเมล เครื่องมือเหล่านั้นจะมีฟังก์ชันสำหรับส่งอีเมลเป็นรายบุคคล
ทำ A/B Testing
คุณสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Hubspot หรือ Mailchimp ในการทำ A/B Testing ก่อนส่งอีเมลจริงได้ เพื่อตรวจสอบดูว่าอีเมลแบบไหนจึงจะตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
Email Marketing ช่วยเพิ่ม Lead ได้จริงหรือไม่ ?
การทำ Email Marketing ช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงและตรงกับความสนใจของผู้รับ เช่น การส่งข้อมูลโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่ม หรือการแนะนำสินค้าที่ผู้รับเคยแสดงความสนใจ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดความสนใจและการตอบสนองต่อเนื้อหาได้มากขึ้น ทำให้โอกาสในการเพิ่ม Lead สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว เช่น การส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ การอัพเดทข่าวสาร หรือการติดตามลูกค้าเก่า การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการแปลงเป็น Lead หรือกระตุ้นให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำอีกด้วย
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ Email Marketing
1. ธุรกิจประเภทใดที่ควรทำ Email Marketing?
Email Marketing เหมาะกับธุรกิจแบบ Niche Market หรือ ธุรกิจ B2B ที่มีรายชื่อลูกค้าจำกัด และไม่เน้นมองหาลูกค้าในตลาดแบบ Mass Market เพราะแม้จะมีเครื่องมือพิเศษต่าง ๆ อย่าง Mailchimp หรือ Hubspot เป็นเครื่องทุ่นแรง แต่แบรนด์ก็ต้องทราบอีเมลของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายก่อนจึงจะส่งได้อยู่ดี นอกจากนี้ Email Marketing ยังเหมาะกับธุรกิจที่สนใจทำการตลาดแบบ Remarketing หรือ การทำการตลาดกับลูกค้าเก่า เพราะนั่นหมายความว่า ธุรกิจเหล่านั้นมีข้อมูลที่แน่ชัดของลูกค้าอยู่ในมือแล้วนั่นเอง
2. ทำไมเราจึงควรใช้ Email Marketing แทนการใช้ Email ธรรมดา?
การส่งอีเมลแบบธรรมดา ที่มีเพียงหัวข้ออีเมลและข้อความไม่กี่บรรทัด เหมาะสำหรับใช้เพื่อการสื่อสารภายในองค์กร แต่หากคุณต้องการสื่อสารกับลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย แน่นอนว่า Email Marketing คือ ตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะผ่านการคิด วิเคราะห์ และวางกลยุทธ์มาอย่างแม่นยำ เหมาะสำหรับการใช้งานในเชิงธุรกิจ
นอกจากนี้ การใช้อีเมลธรรมดา ยังอาจถูกมองว่าเป็น Spam Email ไม่น่าเชื่อถือ และไม่ควรคลิกเข้าไปอ่าน ทำให้ธุรกิจของคุณเสียโอกาสที่จะสื่อสารกับลูกค้า ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าบางท่านอาจตัดสินใจบล็อกอีเมลที่ต้องสงสัยว่าเป็น Spam ทำให้ไม่สามารถส่งอีเมลถึงพวกเขาได้อีกต่อไป
ธุรกิจของคุณทำ Email Marketing หรือยัง?
บทความนี้คงพอจะช่วยให้คุณนำไปประกอบการตัดสินใจได้ว่า Email Marketing คือเทคนิคในการเพิ่มยอดขายที่เหมาะกับธุรกิจของคุณหรือไม่ และหากต้องการเริ่มทำ Email Marketing ธุรกิจของคุณควรเตรียมเครื่องมือและคอนเทนต์อย่างไร แน่นอนว่าขั้นต่อไป คือ การเริ่มวางแผนการตลาด และสมัครใช้งานเครื่องมือสำหรับช่วยส่งอีเมล วันนี้…หลาย ๆ ธุรกิจบนโลกเติบโตได้เพราะ Email Marketing แล้วคุณล่ะ พร้อมหรือยัง?
อ้างอิง
Hubspot. 30 Brilliant Marketing Email Campaign Examples [+ Template]
Available from: https://blog.hubspot.com/marketing/email-marketing-examples-list
Software Testing Help. 11 Best Email Marketing Tools [2023 Reviews & Comparison]
Available from: https://www.softwaretestinghelp.com/email-marketing-tools/
Adobe. 10 types of marketing emails you should be sending
Available from: https://business.adobe.com/blog/basics/common-email-types