เช็กด่วน! 5 ข้อผิดพลาด Google Ads ที่คุณต้องระวัง ก่อนเสียเงินฟรี

เช็กด่วน! 5 ข้อผิดพลาด Google Ads ที่คุณต้องระวัง ก่อนเสียเงินฟรี

สำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง และตัดสินใจใช้ Google Ads จุดหมายหนึ่งเดียวที่ต้องไปให้ถึงก็คือการเพิ่ม Conversion บนเว็บไซต์ จะเป็นเพียงการกดสินค้าลงตะกร้า การลงทะเบียนร่วมกิจกรรม หรือการสั่งซื้อสินค้าก็ได้ แต่รู้หรือไม่? จุดบอดบางอย่างที่คุณมองข้ามไป อาจกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณและเป้าหมายต้องอยู่ห่างกัน จุดบอดเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง Digital Tips จะอธิบายให้ฟัง!

1. ไม่กำหนดช่วงเวลาทดลองประสิทธิภาพของคำโฆษณา

เป็นที่ทราบกันดีว่า ในการลงโฆษณาประเภท Search Ads กับ Google ระบบจะกำหนดให้คุณใส่ Keyword และ Related Keyword ตามต้องการ จากนั้นจึงคิดคำโฆษณาอ้างอิงจาก Keyword เหล่านั้น คำโฆษณาดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น Headline และ Description ซึ่งระบบจะกำหนดให้คุณคิดคำโฆษณาสูงสุด 15 Headline และ 4 Description เพื่อนำมาสุ่มใช้ในช่วงเวลาที่ต่างกัน

Headline-and-Description

ที่มา: https://lxrguide.com/blog/new-longer-etas/ 

อย่างไรก็ดี แม้ว่า Google Ads จะมีระบบแนะนำคำโฆษณา Headline และ Description ให้ออกมาสมบูรณ์แบบ อิงตาม Keyword และวัตถุประสงค์ของการโฆษณา แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีว่า ใช้คำโฆษณาตามที่ Google Ads แนะนำแล้ว Conversion จะเพิ่มสูงขึ้นจนทะลุเป้า เพราะเป้าหมายของแต่ละธุรกิจย่อมแตกต่างกันไป บางธุรกิจอาจตัดสินใจยิงแอดเพราะต้องการเอาชนะคู่แข่ง ในขณะที่บางธุรกิจอาจต้องการดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่

แล้วต้องทำอย่างไร จึงจะคิดคำโฆษณาบน Google Ads ได้ดีที่สุด

Google-Search-Ads

ที่มา: https://www.practicalecommerce.com/google-ads-expands-headlines-descriptions-characters 

แน่นอนว่าวิธีแก้ปัญหา ไม่ใช่การทุ่มคิดคำโฆษณาเต็มโควตา 15 Headline และ 4 Description ตามคำแนะนำของ Google Ads คุณอาจคิดคำโฆษณาออกมาแค่ให้ถึงขั้นต่ำ (3 Headline และ 2 Description) แต่ต้องกำหนดช่วงเวลาทดลองประสิทธิภาพของคำโฆษณา ปล่อยให้แอดรันไปด้วยถ้อยคำเหล่านั้น แล้วดูว่าคำโฆษณาใดมี Performance ดี เพื่อเก็บชุดคำเหล่านั้นไว้ คิดชุดคำใหม่ขึ้นมาแทน และค่อย ๆ เรียนรู้ว่าต้องใช้คำแบบไหน จึงจำรันโฆษณาได้ดีที่สุด

2. ข้อผิดพลาด Google Ads ที่เกิดจากการใช้ Keyword แบบ Broad Match อย่างเดียว 

หากจำแนก Keyword ตามประเภทการใช้งาน เราสามารถแบ่ง Keyword บน Google Ads ได้เป็น 3 หลัก ๆ ดังนี้

Keyword-Types

ที่มา: https://growthmindedmarketing.com/blog/keyword-match-types/ 

  • Board Match Keyword: การกำหนด Keyword แบบกว้าง เมื่อเลือกยิงโฆษณาด้วย Keyword ประเภทนี้ ผู้ใช้งานที่พิมพ์คำหรือวลีที่ใกล้เคียงกันอาจมองเห็นโฆษณาของคุณด้วย
  • Phase Match Keyword: การกำหนด Keyword เป็นวลี เมื่อยิงโฆษณาด้วย Keyword ประเภทนี้ ผู้ใช้งานที่มีโอกาสจะเห็นโฆษณาของคุณจะต้องพิมพ์วลีนั้น ๆ ในช่องค้นหา โดยไม่แทรกกลางด้วยคำอื่น หรือพิมพ์แบบสลับคำ
  • Exact Match Keyword: การกำหนด Keyword แบบจำเพาะเจาะจง เมื่อยิงโฆษณาด้วย Keyword ประเภทนี้ ผู้ใช้งานที่พิมพ์คำค้นหาได้สื่อถึง Keyword โดยตรงเท่านั้น จึงจะมีโอกาสเห็นโฆษณาของคุณ

จะเห็นได้ว่า การเลือก Keyword มีผลต่อการทำงานของโฆษณา เพราะความกว้างของ Keyword จะเป็นตัวกำหนดกลุ่ม Audience ของคุณ ยิ่ง Audience กลุ่มใหญ่มาก ก็ยิ่งต้องใช้งบยิงแอดมาก แต่หากงบยิงแอดมีจำกัด ระบบก็จะจำกัดเวลาแสดงโฆษณาแทน ดังนั้น การเลือกใช้แต่ Board Match Keyword จึงเป็นทางเลือกที่ไม่ดีนัก เพราะแม้โฆษณาจะปรากฏต่อคนจำนวนมาก แต่คนเหล่านั้นอาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของคุณ

วิธีเลือก Keyword ที่เหมาะสมที่สุด

แนะนำให้ใช้ Keyword ทั้ง 3 ประเภทเฉลี่ยกันไปตามความเหมาะสม โดยก่อนจะเลือก Keyword คำไหน อย่าลืมเช็ก Search Volume ของคำนั้น ๆ และวิเคราะห์ Intent ของแต่ละ Keyword ว่าผู้ใช้งานที่พิมพ์คำค้นหาเหล่านั้นต้องการหาอะไรกันแน่ เช่น คุณเลือกคำว่า Pipeline เพื่อสื่อถึงท่อน้ำ แต่เมื่อลอง Search ดูกลับพบว่า Intent ของคำ ๆ นี้ อธิบายถึงวิธีการจัดการธุรกิจ เป็นต้น

3. ละเลยความสำคัญของ Negative Keyword

นอกจาก Keyword ทั้ง 3 ประเภทดังที่กล่าวไป ใน Google Ads ยังมี Keyword อีกรูปแบบ เรียกว่า Negative Keyword ใช้เมื่อคุณต้องการคัดกรองคำนั้น ๆ ออกจากการโฆษณา เมื่อมีคนพิมพ์คำค้นหาตรงกับ Negative Keyword โฆษณาก็จะไม่แสดงให้ผู้คนเหล่านั้นเห็น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการขายเสื้อยืด คุณอาจกำหนด คำว่า เสื้อยืดฟรี เป็น Negative Keyword เพื่อไม่ให้คนที่มองหาเสื้อยืดแจกฟรีมองเห็นโฆษณา และทำให้คุณต้องเสียงบโฆษณาไปกับการมองเห็นที่เปล่าประโยชน์เหล่านั้น

4. กำหนดกลุ่มเป้าหมายตาม Location ด้วยค่า Default ตลอดทุกแคมเปญ

ข้อผิดพลาด Google Ads ยอดฮิตอีกหนึ่งข้อมักจะเกิดขึ้นตอนตั้งค่า Campaign Setting ส่วน Location ซึ่งในหมวดเป้าหมาย (Target) ระบบจะให้คุณเลือกระหว่าง 

Google-Ads-Location-Target

  • Presence or interest: People in, regularly in, or who’ve shown interest in your targeted locations (recommended). (สถานที่ตั้งของผู้ใช้หรือความสนใจ: ผู้ที่อาศัยอยู่หรือไปบ่อย หรือได้แสดงความสนใจในสถานที่เป้าหมาย (แนะนำ))
  • Presence: People in or regularly in your targeted locations. (สถานที่ตั้งของผู้ใช้: ผู้ที่อาศัยอยู่ในสถานที่เป้าหมายหรือไปบ่อย)

จะเห็นได้ว่า ค่า Default ของ Google Ads แนะนำให้คุณเลือกกลุ่มเป้าหมายรวม ๆ ทั้งคนที่เคยอยู่อาศัย เคยไป หรือแสดงความสนใจใน Location นั้น ๆ คนส่วนใหญ่จึงมักจะเลือกข้อนี้ แต่อย่าลืมว่า ผู้คนอาจแสดงความสนใจหน้าเว็บเพจของธุรกิจที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพ ในขณะที่พวกเขาอาศัยอยู่ในภูเก็ตก็ได้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้งบโฆษณาถูกผลาญไปโดยไม่จำเป็น แนะนำให้เลือกข้อหลัง เพื่อจำกัดเฉพาะคนที่เคยไปเยือน Location นั้นจริง ๆ

5. เลือกหน้า Landing Page ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาโฆษณา

Google Ads ยืนยันว่า “ยิ่งเนื้อหาบนหน้า Landing Page สอดคล้องกับ Keyword ที่คุณใช้มากเพียงใด คะแนนโฆษณาขอคุณก็จะยิ่งสูงขึ้น” ดังนั้น เราแนะนำให้คุณเลือกหน้า Landing Page จากเนื้อหาเป็นสำคัญ หลีกเลี่ยงความคิดที่ว่า อยากดันหน้าไหนให้มี Traffic ดีขึ้นก็เลือกหน้านั้น เพราะนั่นจะยิ่งทำให้ทุกอย่างยากขึ้น

สรุป

และทั้ง 5 ข้อนี้ คือตัวอย่างข้อผิดพลาด Google Ads ที่นักการตลาดและคนทำธุรกิจมีโอกาสได้สัมผัส โดยเฉพาะคนที่เริ่มฝึกตั้งค่าแคมเปญ Google Ads ด้วยตนเอง เราจึงแนะนำให้คุณศึกษาทริคการตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเติม และคอยอัปเดตการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มอยู่ตลอดเวลา 

อ้างอิง

Zapier. 6 Google Ads mistakes that will drain your ad spend

Available from: https://zapier.com/blog/google-ads-mistakes/ 

Wordstream. 7 Google Ads Mistakes That Are Squashing Your Success

Available from: https://www.wordstream.com/blog/ws/2022/03/07/google-ads-mistakes

ส่องไฮไลต์เด็ดจากงาน Adobe MAX 2025 ว่ามีฟีเจอร์อะไรน่าสนใจ
News
ส่องไฮไลต์จากงาน Adobe MAX 2025 กับการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด

เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เชื่อว่าสายกราฟิกและครีเอทีฟหลายคนตื่นตาตื่นใจกับงาน Adobe MAX 2025 ที่จะได้รับฟังแนวคิด ทักษะ และรับแรงบันดาลใจจากคนเก่ง ๆ ในวงการ พร้อมทั้งการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในเครื่องมือ Adobe…

ChatGPT Atlas จาก OpenAI คืออะไร มีฟีเจอร์อะไรบ้าง
AI Marketing
ChatGPT Atlas เบราว์เซอร์น้องใหม่จาก OpenAI มีฟีเจอร์อะไรน่าสนใจบ้าง

ChatGPT Atlas เป็นเบราว์เซอร์ AI ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้ และสร้างความน่าสนใจไม่น้อยให้กับวงการ Search Engine เพราะสิ่งนี้จะเข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์ค้นหาแบบเดิม ๆ ของผู้ใช้ ช่วยให้สะดวก…

แนะนำ 7 AI สรุปประชุมที่ช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร็ว
News
บอกต่อ 7 AI สรุปประชุมแบบเรียลไทม์ จดครบทุกรายละเอียดสำคัญ

การประชุมบริษัทในยุคปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก ๆ เพราะเรามี AI สรุปการประชุมจากเสียงเข้ามาช่วยสรุปรายงานการประชุม หรือถอดเทปสัมภาษณ์ได้อย่างแม่นยำ แทนที่เราจะเสียเวลาจดและนั่งฟังคลิปเป็นชั่วโมง ไหนจะต้องโฟกัสกับคำถามจากผู้เข้าร่วมประชุมอีก จะดีกว่าไหมถ้ามีเครื่องมือนี้มาช่วยประหยัดแรงทำงานได้มากขึ้น และในบทความนี้ Digital Tips…