สำหรับใครที่ทำธุรกิจอยู่บน Instagram นั้นน่าจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่าจะขายของในนี้ได้ต้องมีคุณสมบัติใดบ้าง นอกจากจะต้องโพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอแล้ว ภาพที่เลือกโพสต์ลงไปต้องดึงดูดน่าเสียเงินซื้ออีกด้วย แต่วันนี้เราจะทำให้คุณปรับปรุง IG ของแบรนด์ให้ดียิ่งขึ้นด้วยเทคนิค 10 ข้อดังต่อไปนี้
1. ใส่รายละเอียดตรง Bio ให้ครบ
คนส่วนมากมักใส่ใจและให้ความสำคัญแต่กับรายละเอียดที่จะใส่ลงไปในแคปชั่นของโพสต์ แต่ลืมไปเสียสนิทว่า Bio นี่ล่ะคือช่องทางสำคัญที่ลูกค้าจะได้รับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณมากที่สุด สิ่งที่ควรจะใส่ไปก็อาจเป็นหมวดหมู่สินค้าที่ขาย ชื่อบริษัทที่ติดต่อต่างๆ รวมถึงใส่ลิงก์ช่องทางการติดต่อที่จะทำให้ลูกค้าติดต่อหาคุณได้สะดวกที่สุดเพราะ IG ห้ามไม่ให้ใส่ลิงก์ในที่อื่นนอกจากตรงส่วนนี้
2. อย่าทิ้ง IG Story เป็นอันขาด
หากโพสต์ปกติของคุณคือการสร้างแต่ความสวยงาม สร้างแค่คอนเทนต์ขาย IG Story คือหนึ่งพื้นที่ที่จะทำให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นการถ่ายเองง่ายๆ เร็วๆ ให้ลูกค้าได้เห็นถึงสินค้ารวมถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเจ้าของร้านเอง ไม่ก็อาจจะโพสต์รีวิวที่ได้จากลูกค้าท่านอื่นๆ ก็เข้าท่าไม่เบา
3. พยายามลงวิดีโอให้มากๆ
ตอนนี้แม้แต่ IG เองก็สนับสนุนให้ลงวิดีโอมากขึ้น เพราะแน่นอนว่ามันดีกว่าถ้าลูกค้าได้เห็นสินค้าของคุณในทุกๆ มุมโดยไม่ต้องเลื่อนดูหลายภาพให้วุ่นวาย
4. ความถี่ในการโพสต์สำคัญมาก
ทุกวันนี้คุณโพสต์บ่อยแค่ไหน? มากไปก็ไม่ดี น้อยไปยิ่งแล้วใหญ่ ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ อย่างน้อยควรมีวันละหนึ่งโพสต์ให้แฟนๆ ที่ติดตาม IG ของคุณได้รู้สึกว่าแบรนด์มีการอัปเดตตลอดเวลา แถมยังเป็นการยั่วให้พวกเขาได้เห็นสินค้าซ้ำๆ อาจก่อให้เกิดความอยากเสียเงินขึ้นมาก็ได้ ใครจะรู้
5. พยายามใส่ช่องทางการติดต่อในแคปชั่นของทุกๆ โพสต์
เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าลูกค้าอาจจะไปต้องตา ถูกใจสินค้าของคุณในโพสต์ไหน ดังนั้นการใส่ช่องทางการติดต่อดักไว้ทุกๆ โพสต์จะช่วยให้ลูกค้าสะดวกยิ่งขึ้น สิ่งที่เราแนะนำคือเขียนบอกให้พวกเขาอ่านที่ Bio ซึ่งจะมีลิงก์ที่คุณใส่ไว้อยู่ เช่น “หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ด้านบน Bio ได้เลยค่ะ” เป็นต้น
6. กลับมาเรื่องของ Hashtag
ตอกย้ำกันอีกครั้งกับ Hashtag เรารู้แล้วล่ะว่าคุณก็รู้และคงฟังจนเบื่อแล้วว่ามันสำคัญอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ที่จะบอกคือ การตั้ง Hashtag ที่ยาวเกินไป หรือสั้นแต่ซ้ำกับคนอื่นมากเกินไปคืออาจจะเป็นคำทั่วไป ที่ใครๆ ก็ใช้ จะทำให้ประสิทธิภาพของ Hashtag สำหรับแบรนด์คุณลดน้อยลง ดังนั้นจงตั้ง Hashtag ที่เป็นของแบรนด์คุณเองแต่ก็ต้องจำได้ง่ายๆ มั่นใจว่าลูกค้าจะพิมพ์แน่ๆ เวลาโพสต์หรือต้องการพูดถึงสินค้าของคุณ
7. พยายามใช้โพสต์จากแฟนๆ ให้มากขึ้น
ไม่ต้องไปขอให้ลูกค้ารีวิวให้เสียเวลา เมื่อพวกเขาถูกใจโลกยุคนี้เป็นยุคแห่งการแชร์อยู่แล้ว อย่างที่บอกไปในหัวข้อก่อนหน้าคือถ้าคุณตั้ง Hashtag ที่ลูกค้าใช้จริงๆ แล้วการหาโพสต์ของพวกเขานั้นทำได้ง่ายอย่างยิ่ง แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก่อนจะ Re-post ภาพใดๆ ของลูกค้ามาลองขออนุญาตพวกเขาสักนิดก็เป็นการดี
8. ประกาศให้เขารู้ว่าแบรนด์เราก็มี IG กับเค้านะ
บางคนทำ IG แทบตายแต่ยอดติดตามไม่กระดิก นั่นเป็นเพราะคุณอาจลืมบอกลูกค้าไปรึเปล่าว่าร้านของคุณก็มีไอจีนะ หากเป็นร้านค้าออนไลน์ลองทำคอนเทนต์ประกาศบนช่องทางอื่นๆ อาทิ Facebook, Youtube, Twitter, Email แต่ถ้าหากเป็นร้านค้าที่มีหน้าร้าน ลองแนบนามบัตรที่มี IG ของร้านและอาจบอกลูกค้าให้ช่วยเข้ามาติดตาม วิธีนี้ก็จะช่วยได้ไม่น้อย
9. อย่าอยู่แต่ใน Safe Zone
หัดกล้าที่จะโต้ตอบกับ IG อื่นๆ ดูบ้างไม่ว่าใครจะเข้ามาคอมเมนต์ หรือพูดคุยก็ตาม เพราะการที่คุณมัวแต่ทำโพสต์สวยๆ ลงทุกวันแต่ไม่มีการโต้ตอบกับใครเลย จะยิ่งทำให้บัญชี IG ของคุณดูไม่น่าเชื่อถือ ดูว่าอยากจะขายแต่ของ คุยก็ไม่คุย เล่นก็ไม่เล่น คุณอาจลองไปคอมเมนต์ IG อื่นๆ ในฐานะ IG ของแบรนด์ดูบ้างก็ได้ อย่างที่เราเห็นอยู่บ่อยๆ กับเหล่าดาราคนดัง ที่ในคอมเมนต์มีแต่ IG ที่เป็นชื่อร้านทั้งนั้น แล้วบอกเลยว่าพวกเขาได้ลูกค้าจากการทำวิธีนี้ไม่น้อยด้วย
10. ยิ่งเหมือนคนทั่วไปเท่าไหร่ยิ่งดี
พยายามสร้างตัวตนให้กับ IG ของแบรนด์ให้คล้ายกับคนมากที่สุด อาจจะโดยคอนเทนต์ที่โพสต์ การโต้ตอบคอมเมนต์ การโพสต์ IG Story ทำให้เหมือนแบรนด์คือคนที่ใช้ชีวิตปกติ ขายของบ้าง เล่นบ้าง เที่ยวบ้าง ทำงานบ้าง ฯลฯ วิธีนี้จะทำให้ลูกค้าและคนอื่นๆ ที่อาจจะเข้ามาใหม่หันมาสนใจและซื้อสินค้าของคุณได้
อย่างไรก็ตามลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันดู ได้ผลแบบไหนก็อย่าลืมมาแชร์มาบอกกันบ้างนะ