แม้พฤศจิกายนจะไม่มีวันหยุด แต่เป็นเดือนที่เหล่านักช้อปมีความสุขแบบสุด ๆ! เพราะทุก ๆ ศุกร์สุดท้ายของเดือนนี้จะตรงกับ “Black Friday” เทศกาลลดกระหน่ำส่งท้ายปีสำหรับขาช้อป แท้จริงแล้ว Black Friday คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และกลยุทธ์การตลาดเด็ด ๆ สำหรับโกยยอดขายในเทศกาลนี้จะมีอะไรบ้าง มาติดตามไปพร้อม ๆ กัน!
Black Friday คืออะไร
ที่มา: https://wwsthepride.org/2115/features/black-friday-a-brief-holiday-overview/
Black Friday คือ วันศุกร์สัปดาห์สุดท้ายในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งจะตรงกับหนึ่งวันหลังจากวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) และเป็นวันหยุดพักผ่อนตามธรรมเนียมของสหรัฐอเมริกา เหล่าผู้ค้าปลีกจึงถือโอกาสจัดโปรโมชันดึงดูดลูกค้า เพื่อเพิ่มยอดขายส่งท้ายปี ด้วยเหตุนี้ ทั่วโลกที่นิยมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วง Black Friday จึงมักใช้สถิติการจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลดังกล่าว เป็นมาตรวัดการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในปีถัดไป
ทำไมต้องเรียกวันนี้ ว่าวัน Black Friday
สำหรับสาเหตุที่ศุกร์สุดท้ายในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีถูกเรียกว่า Black Friday นั้นไม่เคยมีคำอธิบายแน่ชัด แต่มีข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจ 2 ข้อ ได้แก่:
- ราวปี 1960s เกิดเหตุจลาจลที่เมืองฟิลาเดเฟีย ในเครือรัฐเพนซิลเวเนีย เนื่องจากประชาชนจำนวนมากที่ได้หยุดงานหลังจากวันขอบคุณพระเจ้าต่างออกมาช้อปปิ้งตามห้างร้านต่าง ๆ กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แทบทุกหัวถนนเต็มไปด้วยผู้คน เกิดปัญหาจราจรติดขัด และอุบัติเหตุ ผู้คนจึงขนานนามวันนี้ว่า Black Friday หรือ “วันศุกร์อันมืดมน”
- ในสหรัฐอเมริกา เจ้าของกิจการนิยมใช้หมึก 2 สีสำหรับบันทึกข้อมูล หมึกสีดำเอาไว้บันทึกตัวเลขกำไร ส่วนหมึกสีแดงเอาไว้บันทึกตัวเลขขาดทุน แต่เมื่อศุกร์สุดท้ายของพฤศจิกายนมาถึง ผู้คนก็ออกมาจับจ่ายใช้สอย บรรดาห้างร้านที่ทำกำไรได้มหาศาล จึงขนานนามวันดังกล่าวว่า Black Friday เพื่อสดุดีต่อสีดำ สีที่แสดงถึงผลกำไร
กลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจ สำหรับใช้เพิ่มยอดขายช่วง Black Friday
ความร้อนแรงของเทศกาล Black Friday ได้แผ่ขยายจากสหรัฐอเมริกาสู่ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ดังจะเห็นจากป้ายโปรโมชัน Black Friday ขนาดใหญ่จากห้างสรรพสินค้าชื่อดังในประเทศไทย หากคุณเองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่หวังจะทำกำไรจากเทศกาลนี้ Digital Tips มีกลยุทธ์ดี ๆ มานำเสนอ!
1. เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีขายเฉพาะช่วง Black Friday เท่านั้น!
ความพิเศษของเทศกาล Black Friday คือ 1 ปีมีครั้งเดียว และวันที่เรียกว่า “Black Friday” จริง ๆ ก็มีวันแค่วันเดียว ดังนั้น สิ่งที่จะดึงดูดลูกค้าได้ ก็คงหนีไม่พ้นอะไรก็ตามที่ทำให้รู้สึกถึง “โอกาสพิเศษ” และ “คุณค่าแห่งการรอคอย” เราจึงแนะนำให้คุณเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Limited Edition ในช่วงนี้ โดยอาจดีไซน์บรรจุภัณฑ์ หรือดัดแปลงส่วนประกอบต่าง ๆ เป็นโทนสีดำ เพื่อเล่นกับธีม Black Friday
ที่มา: https://www.olightstore.com.au/blog/black-friday-new-arrivals
ยกตัวอย่างเช่น หากผลิตภัณฑ์ของคุณคือน้ำผลไม้ คุณอาจคิดค้นสมูทตี้เนื้อสีดำสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่มีขายเฉพาะช่วง Black Friday หรือหากผลิตภัณฑ์ของคุณไม่ใช่อาหาร แต่เป็นของใช้ ก็อาจปรับแพ็กเกจใหม่ แล้วขายในราคาพิเศษเพื่อนักสะสม
2. ลดกระหน่ำแบบ Flash Sale
การสร้างบรรยากาศแห่งความรีบด่วน เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับ Black Friday อย่างมาก เพราะระยะเวลาของเทศกาลจะกินเวลาไม่เกิน 3 วัน (แบรนด์ส่วนมากจะนิยมเริ่มโปรโมชันในวันศุกร์ที่ตรงกับ Black Friday และจบโปรโมชันในวันอาทิตย์) ดังนั้น ลองคัดเลือกสินค้าที่มียอดขายเป็นอันดับต้น ๆ ตลอดทั้งปี มาจัดโปร Flash Sale คืนกำไรให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความตื่นเต้น และกระตุ้นให้เกิดการซื้อในทันที
>> อ่านเพิ่มเติม: 10 ไอเดียจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย ดันยอดขายให้แรง แซงคู่แข่ง
3. จัดโปรยิ่งซื้อ ยิ่งให้! โดยจับมือกับองค์กรไม่แสวงหากำไร
ท่ามกลางยุคใหม่ที่จริยธรรมทางธุรกิจของหลาย ๆ แบรนด์เสื่อมถอยลงไป ผู้บริโภคจึงกำลังมองหาแบรนด์ที่พร้อมตอบแทนสังคม ดังนั้น ลองใช้โอกาสช่วง Black Friday ในการเพิ่มยอดขายไปพร้อม ๆ กับการทำ CSR ผ่านการร่วมบริจาครายได้บางส่วนให้กับองค์กรการกุศล และแบ่งปันข้อมูลดี ๆ ให้กับบรรดาลูกค้าของคุณผ่านสื่อ Social Media นอกจากจะช่วยสร้าง Brand Awareness ให้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดได้ในคราวเดียวแล้ว แคมเปญของคุณมีโอกาสกลายเป็นไวรัล จนสร้างยอดขายได้สูงเป็นประวัติการณ์ก็ได้
4. จัดกิจกรรมไลฟ์ขายของสด ๆ หน้าร้าน พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความบันเทิง
ที่มา: https://www.blackfriday.org.br/live-commerce-trend-explained-live-streaming-ecommerce/
ธรรมชาติของ Black Friday คือการเป็นเทศกาลที่น่าตื่นเต้นของเหล่านักช้อป ยิ่งช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผู้คนทยอยกลับมาจากที่ทำงาน หน้าร้านก็ยิ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เพื่อทวีความน่าสนใจและปลุกบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นให้ร้อนแรงขึ้นไปอีก! ลองจัดพื้นที่บริเวณหน้าร้านสำหรับจัด Live-streaming เพื่อให้คนที่รอ CF ทางออนไลน์ได้เห็นบรรยากาศคึกคักหน้าร้าน และอยากคว้าโอกาสทอง ซื้อของราคาพิเศษให้ทันผ่านไลฟ์มากขึ้น
5. เสนอขายบัตรของขวัญราคาพิเศษ
สำหรับร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ หรือร้านอาหารที่เปิดขาย Voucher อยู่แล้วเป็นทุนเดิม Black Friday สามารถสร้างโอกาสทำกำไรให้กับคุณได้ เพียงจัดโปรโมชันเสนอขายบัตรของขวัญเหล่านี้ในราคาที่ถูกลงกว่าปกติเพียงเล็กน้อย เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ลูกค้าจะกลุ่มนี้จะต้องกลับมาใช้บริการอีกครั้งในอนาคต (เพราะบัตรของขวัญต้องใช้เฉพาะที่ร้าน) ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าจำนวนมากมักลงเอยที่การใช้จ่ายมากกว่าบัตรของขวัญที่ตัวเองมี ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้คุณเก้บเกี่ยวยอดขายจากโปรโมชันนี้มากขึ้น
สรุป
หัวใจของการช้อปปิ้งช่วง Black Friday คือ ความสนุกสนาน และการได้ช้อปของที่ต้องการในราคาพิเศษกว่าช่วงไหน ๆ หากคุณมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่พิเศษสุด ๆ ให้กับลูกค้าได้ในช่วงนี้ การันตีได้ว่ายอดขายในปีหน้าจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน!
อ้างอิง
Investipedia. What’s Black Friday? When It Is and Importance to Economists
Available from: https://www.investopedia.com/terms/b/blackfriday.asp#toc-the-surprising-origins-of-black-friday
Wisestamp. 21 creative Black Friday marketing ideas for irresistible campaigns
Available from: https://www.wisestamp.com/blog/black-friday-marketing/