ถ้าคุณยังคงสงสัยว่าการทำการตลาดแบบธรรมดากับออนไลน์ต่างกันอย่างไร เราขอบอกตรงนี้อย่างเป็นทางการเลยว่า… ไม่ต่างกัน! ที่ว่าไม่ต่างกันนั้นหมายถึงวิธีการคิด แนวทางการทำการตลาดรวมถึงกลยุทธ์ต่างๆ ส่วนเครื่องมือและแพลตฟอร์มนั้นแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่คุณต้องศึกษากันต่อไป มาดูกันดีกว่าว่าถ้าหากคุณอยากที่จะประสบความสำเร็จในการทำ Online Marketing จะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

กำหนดเป้าหมายให้แน่ชัด
แน่นอนว่าคนทำธุรกิจเป้าหมายก็คือ “ความสำเร็จ” แต่หากคุณตั้งเป้าหมายไว้ที่แค่ความสำเร็จล่ะก็คุณอาจไม่มีโอกาสที่จะได้สัมผัสมันเลยก็ได้ เพราะคำว่าความสำเร็จนั้นมันกว้างเกินไป ให้ดูว่าคุณอยากจะสำเร็จในด้านใดทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เพิ่มจำนวนสมาชิก หรือยอดขาย เมื่อได้เป้าหมายที่ว่านี้มาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะใช้การตลาดออนไลน์ในการทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้

วัดผลเป็นระยะ
หากเมื่อก่อนการทำการตลาดจะวัดผลได้ก็ต้องดูที่ยอดขาย ผลกำไร ขาดทุนก็ว่ากันไป แต่สำหรับโลกออนไลน์นั้นการวัดผลทุกๆ 1-3 เดือนจะช่วยให้คุณเห็นและเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เพื่อให้พร้อมรับมือพร้อมวิธีการหรือแนวทางแก้หากเกิดปัญหาเฉพาะหน้าขึ้น หรือปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันท่วงที โดยการวัดผลที่ว่าให้ทำตามพื้นฐานของจุดประสงค์ที่เราวางเอาไว้

เช่นแคมเปญนี้คุณต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) เพราะแบรนด์ของคุณเพิ่งจะเริ่มก็ให้วัดดูว่าที่ผ่านมาในรอบ 3 เดือนนี้ผลตอบรับเป็นอย่างไร มีคนพูดถึงธุรกิจคุณมากขึ้นหรือไม่โดยดูจากช่องทางการตลาดดิจิทัลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ฯลฯ

ลูกค้านำ แล้วเราตาม
หมดยุคที่คุณคิดอยากจะทำอะไรออกมาขาย ก็ทำโดยคิดหรือทึกทักไปเองว่าจะขายได้ เพราะปัจจุบันเราต้องมองความต้องการของผู้บริโภคเป็นอันดับแรก ว่า ณ ช่วงเวลานั้นเขาต้องการอะไร ของที่คุณผลิตออกมามันจะตอบโจทย์หรือไม่ด้วยการศึกษาตลาด และค้นคว้าข้อมูลเชิงลึก และแน่นอนว่าเมื่อคุณทำสินค้า บริการ หรือธุรกิจในรูปแบบใดๆ ก็แล้วแต่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ธุรกิจของคุณก็จะยังอยู่ในตำแหน่งของความสำเร็จไปได้เรื่อยๆ อย่างแน่นอน

เปิดหูเปิดตารับสิ่งใหม่เสมอ
การที่มัวแต่สนใจในยอดขาย ผลกำไรคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ เพราะวันนี้คุณขายได้ก็ไม่ได้หมายความว่าในอีกหนึ่งเดือน หนึ่งปี สิบปี คุณจะขายได้ ด้วยโลกที่เปลี่ยนไปเร็วรวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียก็ผันเปลี่ยนไปเร็วด้วยเช่นกัน อย่างเช่น Facebook, Instagram, Twitter, Youtube ฯลฯ ที่มีการปรับฟังก์ชั่นใหม่ๆ อยู่แทบจะตลอดเวลา ดังนั้นคุณเองในฐานะคนทำธุรกิจก็ควรมีความรู้ในเรื่องเหล่านี้บ้าง เช่น Algorithm ต่างๆ ของแต่ละแพลตฟอร์มเพื่อที่คุณจะได้รู้ช่องทางและวางแนวทางการทำการตลาดออนไลน์ต่อๆ ไปได้ ในทางกลับกันหากคุณมีความรู้เรื่องเหล่านี้เป็นศูนย์ คู่แข่งของคุณที่เขามีความรู้เท่าทันมากกว่า ก็สามารถแซงคุณไปได้ง่ายๆ ถึงคุณจะเป็นธุรกิจเจ้าใหญ่ที่ครองตลาดมานานก็ตาม เพราะยุคนี้เป็นยุคที่ถูกนิยามว่า “ปลาเร็ว กินปลาช้า”

หยุดคิดว่าไม่ต้องใช้เงิน!
ความเชื่อผิดๆ ที่หลายคนยังคงเข้าใจเสมอว่าการตลาดออนไลน์นั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินก็ทำได้ เพราะ Facebook, Instagram ฯลฯ ก็เปิดให้ใช้ได้ฟรี ไม่เห็นต้องไปจ่ายเงินเลย… ขอบอกเลยว่าเป็นความคิดที่ “ผิด” อย่างที่เราบอกไปตอนต้นว่าทำการตลาดออนไลน์ก็เหมือนๆ กับการทำการตลาดทั่วไปนั่นเท่ากับว่าคุณลงเงินในการตลาดอื่นๆ เท่าไหร่ ฝั่งออนไลน์ก็ต้องใช้ไม่น้อยไปกว่ากัน (อาจจะประหยัดกว่าในบางเรื่อง) ส่วนเงินที่ต้องใช้ก็จะหมดไปกับ ค่าโฆษณา ค่าจ้างคนทำงาน ค่าการตลาดอื่นๆ เป็นต้น

แผนสำรองสำคัญเสมอ
อย่าชะล่าใจไปว่าเพจ Facebook ของคุณจะไม่มีปัญหา อย่ามั่นว่า IG จะยังมีคนเข้ามาติดตามเรื่อยๆ เพราะของพวกนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นการมีแพลนสำรองไว้สำหรับปัญหาเหล่านี้จะช่วยให้คุณมั่นคงในการทำการตลาดออนไลน์ขึ้นเป็นอย่างมาก ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเช่น บัญชีโฆษณาถูกบล็อกจากการทำบางสิ่งผิดกฎของ Facebook หรือแพลตฟอร์มมี Bug จนทำให้ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว คุณควรจะมีเว็บไซต์หรือช่องทางอื่นๆ เพื่อง่ายต่อการติดต่อ การมีช่องทางการติดต่อที่ครอบครุมจึงสำคัญอย่างมาก อย่าให้ลูกค้าติดต่อคุณได้เพียงทางเดียวเพราะถ้าทางนั้นมีปัญหาเมื่อไหร่ก็เท่ากับธุรกิจของคุณมีปัญหาไปด้วย

ให้ก่อนค่อยรับทีหลัง
Give and then take สำนวนฝรั่งที่ยังคงใช้ได้ผล การที่คุณสร้างเพจ Facebook ขึ้นมาเพื่อเอาแต่ขายของๆ แทนที่จะทำให้คุณขายได้อย่างยั่งยืน กลับทำให้คนติดตามเพจของคุณเบื่อที่จะเห็นสินค้าที่เขาไม่ได้ต้องการมัน และจากเพจของคุณไป วิธีป้องกันก็คือการสร้างคอนเทนต์ที่ช่วยให้ความรู้ สร้างเพจของคุณให้เป็น Community มากกว่าการเป็นเพียงแค่หน้าร้านออนไลน์ที่คนเดินผ่านไปผ่านมา หลังจากที่คุณให้คอนเทนต์ดีๆ ไปแล้วก็ไม่แปลกที่ลูกค้าจะเข้ามาติดตามและสนใจสินค้าของคุณในภายหลัง

10 body languages for presentation
Marketing Psychology
ลิสต์ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน สำหรับพนักงานมือโปร 

Topic Summary คนทำงานเตรียมแชร์ไว้ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน เพิ่มสกิลการเป็นมือโปร และทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวคุณ! ในบรรดาความรู้เรื่อง Body Language ทั้งหมด ภาษากายที่ใช้ในการพรีเซนต์งาน…

body languages
Marketing Psychology
เช็กก่อนใคร! ตำแหน่งของ Body Language ตัวช่วยอ่านพฤติกรรมคนจากภาษากาย

Topic Summary อยากรู้ไหม? เวลาอ่านใจคนจากภาษากาย ตำแหน่งของ Body Language ส่วนใดบ้างที่คุณต้องดู และแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญอย่างไร ใคร ๆ ก็อยากเชี่ยวชาญการอ่านใจคนด้วยภาษากาย…

what is psychology of pricing
News
เข้าใจจิตวิทยาราคา พร้อมแจกกลยุทธ์การตั้งราคา ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วกว่าที่เคย

เพิ่งเปิดธุรกิจใหม่ ควรตั้งราคาอย่างไรดี Digital Tips แชร์เทคนิคการตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา พร้อมเคลียร์ชัดความหมายของจิตวิทยาราคา อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที! Content Summary  จิตวิทยาราคา คือ การกำหนดราคาสินค้าโดยอ้างอิงจากการรับรู้ทางจิตวิทยา…