จะดีแค่ไหน? หากธุรกิจสามารถคาดเดาได้อย่างแน่ชัดว่าลูกค้าต้องการอะไร และเสิร์ฟความต้องการนั้นให้กับลูกค้าได้อย่างตรงใจ และกลยุทธ์การตลาดที่จะทำให้สิ่งนี้เป็นจริงได้ ก็คือ Hyper-personalization กลยุทธ์ใหม่ล่าสุดที่ตอบโจทย์ยุค AI และ Big Data หากคุณอยากทำความรู้จักกับการตลาดเทคนิคนี้ให้มากขึ้น Digital Tips จัดให้!

>> อ่านเพิ่มเติม: Big Data คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และทุกอย่างที่คุณควรรู้

Hyper-personalization คืออะไร?

Hyper-personalization คือ

ที่มา: https://instapage.com/blog/hyper-personalization/

Hyper-personalization คือ การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและข้อมูลเรียลไทม์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ปรับแต่งอย่างละเอียดสำหรับผู้บริโภคในแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากพฤติกรรม ความชอบ และความต้องการของพวกเขาในขณะนั้น อย่างไรก็ดี ธุรกิจที่พร้อมสำหรับการทำ Hyper-personalization จะต้องมีทุนสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีพอสมควร เพราะจะต้องพร้อมปรับแต่งข้อมูลต่าง ๆ ตามความต้องการของลุกค้าได้ตลอดเวลา

Hyper-personalization ต่างกับ Personalized Marketing อย่างไร?

Hyper-personalization และ Personalized Marketing ต่างเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเน้นการปรับแต่งประสบการณ์ของผู้บริโภค แต่จะแตกต่างกันในระดับของความลึกและเทคนิคที่ใช้ ดังนี้

Hyper-personalization vs  Personalization

ที่มา: https://www.linkedin.com/pulse/personalisation-vs-hyper-personalisation-whats-difference-yutybazar

ระดับของข้อมูลที่นำมาใช้

Hyper-personalization จะใช้ข้อมูลเรียลไทม์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ของผู้บริโภคในระดับที่ละเอียดมากขึ้น ในขณะที่ Personalized Marketing มักใช้ข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ และประวัติการซื้อเท่านั้น

การปรับแต่งข้อมูลหรือระบบต่าง ๆ

ใน Hyper-personalization การปรับแต่งจะเกิดขึ้นในทุกจุดสัมผัส (touchpoints) ของผู้บริโภค เช่น เว็บไซต์ อีเมล แอปพลิเคชัน หรือ Social Media แตกต่างกับใน Personalized Marketing ที่การปรับแต่งจะเน้นที่ระดับพื้นฐาน เช่น การแนะนำสินค้าในเว็บไซต์ตามประวัติการเข้าชม หรือการส่งคูปองส่วนลดทางอีเมล เป็นต้น

การตอบสนองแบบเรียลไทม์

Hyper-personalization มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันทีแบบเรียลไทม์ตามพฤติกรรม แตกต่างกับ Personalized Marketing ที่ข้อมูลและการปรับแต่งมักไม่ได้เกิดขึ้นในเรียลไทม์ และอาจเป็นการตอบสนองที่ล่าช้ากว่าพฤติกรรมหรือความต้องการของผู้บริโภค

5 วิธีใช้ Hyper-personalization เพื่อการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น

หากคุณวางแฟนจะพัฒนาธุรกิจด้วยการวางรากฐานทางเทคโนโลยี และอยากใช้ Hyper-personalization เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ลองทำตามวิธีใช้ 5 ขั้นตอนนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น!

Personalized Product Recommendations

ที่มา: https://glood.ai/blog/10-types-of-product-recommendations-for-shopify

1. Personalized Product Recommendations

ลองทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าร้านค้าเข้าใจและตอบสนองต่อความต้องการของพวกเขาอย่างแท้จริง ด้วยการใช้ AI และ Machine Learning วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของผู้ใช้และแนะนำสินค้าที่คาดว่าพวกเขาจะชอบ และแสดงผลิตภัณฑ์แนะนำบนหน้าเว็บไซต์ อีเมล และแอปพลิเคชันมือถือแบบเรียลไทม์

2. ขยายฐานผู้ซื้อด้วย Personalized Email Marketing

ใช้เทคนิค EDM ส่งที่มีเนื้อหาและข้อเสนอที่ปรับแต่งตามพฤติกรรมและความสนใจของผู้รับ จากนั้นใช้ข้อมูลจากการเปิดอีเมล การคลิกลิงก์ และการซื้อสินค้าเพื่อปรับแต่งเนื้อหาในอีเมลถัดไป โดยแบ่งกลุ่มผู้รับอีเมลตามพฤติกรรมและความชอบ เพื่อส่งอีเมลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพิ่มอัตราการเปิด (open rate) และการคลิก (click-through rate) ของอีเมล

3. ใช้โฆษณาแบบจำเพาะเจาะจง

แสดงโฆษณาที่ตรงกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยใช้ AI เพื่อปรับแต่งข้อความ ภาพ และข้อเสนอในโฆษณาแบบเรียลไทม์ นอกจากจะทำให้ผู้ใช้ได้เห็นสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว ยังเป็นการลดต้นทุนการโฆษณาโดยการเน้นไปที่ผู้ใช้ที่มีโอกาสสูงที่จะตอบสนองต่อโฆษณาเท่านั้นอีกด้วย

4. Personalized Customer Service

Personalized Customer Service

ที่มา: https://www.fluidogroup.com/blog/offering-personalized-customer-service/

รู้หรือไม่? AI Chatbot สามารถใช้ข้อมูลพฤติกรรมและประวัติการซื้อได้ เพื่อให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงและรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยคุณปรับแต่งข้อเสนอและโปรโมชันที่ส่งไปยังลูกค้าตามประวัติการซื้อและความชอบ เพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์และเพิ่มโอกาสในการซื้อซ้ำได้

5. ใช้ Hyper-personalization คิดค้นโปรโมชันพิเศษเฉพาะคน

ลองใช้ข้อมูลพฤติกรรมและการซื้อของผู้บริโภคในการสร้างโปรโมชั่นและข้อเสนอที่ตรงกับความสนใจและความต้องการเฉพาะบุคคล ประกอบกับการใช้ AI คาดการณ์ว่าผู้บริโภคคนไหนมีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อโปรโมชันประเภทใดดูสิ! รับประกันว่ากำไรโดยรวมของบริษัทจะต้องเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้ารู้สึกดีกับแบรนด์มากขึ้นอย่างแน่นอน

สรุป

โดยสรุปแล้ว Hyper-personalization คือการใช้เทคโนโลยี AI และข้อมูลเรียลไทม์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า เพิ่มยอดขายและการแปลงค่า ปรับปรุงประสิทธิภาพของการตลาด และดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในทุกจุดสัมผัส ทำให้แบรนด์สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

อ้างอิง

Sitecore. What is hyper-personalization?

Available from: https://www.sitecore.com/resources/omnichannel-personalization/what-is-hyper-personalization

Optimizely. Hyper-personalization

Available from: https://www.optimizely.com/optimization-glossary/hyper-personalization/ 

10 body languages for presentation
Marketing Psychology
ลิสต์ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน สำหรับพนักงานมือโปร 

Topic Summary คนทำงานเตรียมแชร์ไว้ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน เพิ่มสกิลการเป็นมือโปร และทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวคุณ! ในบรรดาความรู้เรื่อง Body Language ทั้งหมด ภาษากายที่ใช้ในการพรีเซนต์งาน…

body languages
Marketing Psychology
เช็กก่อนใคร! ตำแหน่งของ Body Language ตัวช่วยอ่านพฤติกรรมคนจากภาษากาย

Topic Summary อยากรู้ไหม? เวลาอ่านใจคนจากภาษากาย ตำแหน่งของ Body Language ส่วนใดบ้างที่คุณต้องดู และแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญอย่างไร ใคร ๆ ก็อยากเชี่ยวชาญการอ่านใจคนด้วยภาษากาย…

what is psychology of pricing
News
เข้าใจจิตวิทยาราคา พร้อมแจกกลยุทธ์การตั้งราคา ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วกว่าที่เคย

เพิ่งเปิดธุรกิจใหม่ ควรตั้งราคาอย่างไรดี Digital Tips แชร์เทคนิคการตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา พร้อมเคลียร์ชัดความหมายของจิตวิทยาราคา อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที! Content Summary  จิตวิทยาราคา คือ การกำหนดราคาสินค้าโดยอ้างอิงจากการรับรู้ทางจิตวิทยา…