คุณใช่ไหม? ที่อยากเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเองสักที และอยากคว้าโอกาสดี ๆ ช่วงหลังโควิด แต่ลังเลว่าการขายของแบบมีหน้าร้าน กับการขายของออนไลน์ แบบไหนจะเหมาะสมและให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน ในบทความนี้ Digital Tips จึงหยิบประเด็นการขายทั้ง 2 แบบมาเทียบกันให้เห็นชัด ๆ ลองอ่านก่อนนำไปปรับใช้จริง
Content Summary:
- การขายของแบบมีหน้าร้าน คือ การที่เจ้าของธุรกิจเปิดพื้นที่สำหรับขายสินค้า ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าไปเยี่ยมชม และเลือกซื้อสินค้ากลับมาได้จริง ๆ
- ก่อนขายของหน้าร้าน เจ้าของธุรกิจควรศึกษากลุ่มเป้าหมาย ทำเล การจัดร้าน และการบริหารจัดการหน้าร้าน
- สำหรับการขายของออนไลน์ แม้จะไม่ต้องกังวลใจเรื่องทำเล และการบริหารจัดการหน้าร้าน แต่เจ้าของธุรกิจก็จะต้องรู้จักแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ และเตรียมรับมือกับการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง
การขายของแบบมีหน้าร้าน คืออะไร?
Cr: https://engoo.co.th/app/lessons/where-do-you-go-shopping/uSsftIjNEeq89wuoANRUYg
การขายของแบบมีหน้าร้าน คือ การที่เจ้าของธุรกิจเปิดพื้นที่สำหรับขายสินค้า ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าไปเยี่ยมชม และเลือกซื้อสินค้ากลับมาได้จริง ๆ ในอดีตเกือบทุกธุรกิจจะต้องมีหน้าร้าน เพื่อความน่าเชื่อถือ และความสะดวกในการจัดเก็บสต็อกสินค้า แต่เมื่อโรคโควิด 19 ถือกำเนิดขึ้นมา การขายแบบออนไลน์ จึงกลายเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหา และทำให้การขายแบบมีหน้าร้านลดลงเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน มีเพียงธุรกิจบางประเภทเท่านั้นที่ยังนิยมพึ่งพาหน้าร้านอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องแต่งกาย เพราะสินค้าเหล่านี้สำคัญต่อการอุปโภคและบริโภคในชีวิตประจำวัน
การขายของออนไลน์ คืออะไร?
Cr: https://integrio.net/blog/how-to-build-a-marketplace-platform-main-steps-and-challenges
การขายของออนไลน์ คือ การที่เจ้าของธุรกิจจัดเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับสต็อกสินค้า โดยไม่ได้อนุญาตให้ลูกค้าเข้าไปเยี่ยมชม แต่เปิดช่องทางสำหรับซื้อขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์แทน ไม่ว่าจะเป็น Social Media หรือเว็บไซต์ E-commerce ปัจจุบันการขายออนไลน์ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก และกลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง ทั้งเรื่องราคาสินค้า โปรโมชันลด แลก แจก แถม และการขนส่ง
ก่อนขายของมีหน้าร้าน ควรรู้อะไรบ้าง?
คนจำนวนมากสนใจขายของแบบมีหน้าร้าน มากกว่าขายออนไลน์ หากคุณเองก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้ มาดูกันว่ามีอะไรที่คุณควรรู้บ้าง
- รู้จักกลุ่มเป้าหมาย: เข้าใจลูกค้าของคุณว่าพวกเขาเป็นใคร ต้องการอะไร พฤติกรรมการซื้อของพวกเขาเป็นอย่างไร ข้อมูลนี้จะช่วยในการวางแผนการตลาดและการตั้งสินค้าที่เหมาะสมกับลูกค้า
- ทำเลที่ตั้งร้าน: เลือกทำเลที่ดี มีลูกค้าผ่านไปมาเยอะ หรืออยู่ในแหล่งที่กลุ่มเป้าหมายของคุณเข้าถึงได้ง่าย ทำเลเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย
- การจัดร้านและบรรยากาศ: การจัดร้านที่ดึงดูดและให้บรรยากาศที่ดีจะทำให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบาย การจัดแสง สี และเสียงในร้านสามารถช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น
- การบริหารสินค้าและสต็อก: ควรมีการจัดการสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้สินค้าหมดเร็วหรือค้างนานเกินไป และควรจัดวางสินค้าให้ดูน่าดึงดูดและสะดวกต่อการหยิบซื้อ
>> อ่านเพิ่มเติม: Target Audience คืออะไร พร้อม 5 ขั้นตอนการทำ Target Audience Analysis
ก่อนขายของออนไลน์ ควรรู้อะไรบ้าง?
หากวิธีการขายที่คุณสนใจ คือการขายออนไลน์ นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้!
- รู้จักกลุ่มเป้าหมาย: เช่นเดียวกับการขายแบบมีหน้าร้าน คุณต้องศึกษากลุ่มเป้าหมายก่อน เพราะในหลาย ๆ ธุรกิจ กลุ่มเป้าหมายที่ชอบซื้อของผ่านหน้าร้านอาจคนละกลุ่มกับผู้ที่ชอบซื้อของผ่านออนไลน์
- วิธีการสมัคร และค่าธรรมเนียมของ E-commerce: อย่าลืมทำการบ้านเรื่องวิธีสมัครเข้าร่วมแพลตฟอร์ม E-commerce และค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระต่อเดือน
- เทคนิคการถ่ายภาพ: แน่นอนว่าการขายของออนไลน์ไม่มีหน้าร้าน ลูกค้าจึงไม่สามารถเห็นสินค้าจริงได้ จำเป็นต้องดูผ่านภาพอย่างเดียว คุณจึงควรเรียนรู้วิธีการถ่ายภาพให้สวยงาม โชว์สินค้าอย่างโดดเด่น เห็นแล้วน่าซื้อ
- การบริหารสินค้าและสต็อก: ควรมีการจัดการสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้สินค้าหมดเร็วหรือค้างนานเกินไป เช่นเดียวกับการขายแบบมีหน้าร้าน
เปรียบเทียบข้อดี – ข้อเสีย ของการขายของแบบมีหน้าร้าน กับการขายของออนไลน์
ก่อนจะตัดสินใจว่าควรขายของผ่านออนไลน์ หรือควรเปิดพื้นที่ให้คนเข้ามาเลือกซื้อสินค้าได้อย่างจริงจัง Digital Tips แนะนำให้คุณลองศึกษาข้อดี – ข้อเสียเหล่านี้ก่อน
Cr: https://www.signs.com/online-vs-in-store/
การขายของแบบมีหน้าร้าน
ข้อดี
- มีตัวตนชัดเจน: ลูกค้าสามารถเข้ามาซื้อสินค้าได้โดยตรง ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น
- มีโอกาสได้ลูกค้าขาจร: ลูกค้าที่เดินผ่านหน้าร้านมีโอกาสเข้ามาซื้อสินค้าโดยที่อาจจะไม่ได้วางแผนล่วงหน้า และการจัดตกแต่งร้านให้ดูดีก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้
- การให้บริการลูกค้าแบบส่วนตัว: ช่วยให้คุณสามารถพูดคุยและให้บริการลูกค้าได้โดยตรง สร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์ที่ดี ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
- ประสบการณ์การทดลองสินค้า: ลูกค้าสามารถเห็นและสัมผัสสินค้าได้ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำหรับสินค้าที่ต้องการการทดลองก่อนซื้อ เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายสูง: หน้าร้านจำเป็นต้องอาศัยการบริหารจัดการอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งค่าจ้างพนักงาน ค่าบำรุงรักษา ค่าเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ตลอดจนค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ
- ความเสี่ยงจากทำเล: ทำเลที่ตั้งสำคัญมาก หากร้านอยู่ในทำเลที่ไม่ดี เช่น ไม่มีลูกค้าผ่านเข้ามาเพียงพอ หรือมีการแข่งขันสูงในพื้นที่เดียวกัน ยอดขายอาจไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่าย
- ข้อจำกัดด้านเวลา: ธุรกิจที่มีหน้าร้านต้องมีเวลาทำการที่ชัดเจน เช่น เปิด-ปิดในเวลาที่กำหนด ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้านอกเวลาทำการ ต่างจากร้านค้าออนไลน์ที่สามารถให้บริการได้ 24 ชั่วโมง
การขายของออนไลน์
ข้อดี
- ต้นทุนต่ำกว่า: ไม่ต้องเช่าที่หรือจ่ายค่าสาธารณูปโภคเหมือนการเปิดหน้าร้าน ช่วยลดต้นทุนเริ่มต้นและต้นทุนการดำเนินงาน
- เข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก: การขายออนไลน์ช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงลูกค้าได้ไม่จำกัดสถานที่ ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าของคุณจากที่ใดก็ได้ผ่านอินเทอร์เน็ต
- เปิดขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง: ลูกค้าสามารถเข้ามาดูสินค้าและทำการซื้อได้ตลอดเวลา ทำให้คุณมีโอกาสทำยอดขายได้มากขึ้น เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาทำการ
- เข้าถึงข้อมูลลูกค้าและวิเคราะห์ได้ง่าย: การขายออนไลน์สามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าและวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
- การแข่งขันสูง: การขายออนไลน์มีการแข่งขันที่สูงมาก เนื่องจากผู้ค้าออนไลน์รายอื่นสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเดียวกันได้ง่าย ทำให้ต้องใช้กลยุทธ์และนวัตกรรมเพื่อดึงดูดลูกค้า
- ลูกค้าไม่เห็นสินค้าก่อนซื้อ: ลูกค้าไม่สามารถสัมผัสหรือทดลองสินค้าก่อนที่จะทำการซื้อ ทำให้มีความลังเลใจและอาจตัดสินใจไม่ซื้อ โดยเฉพาะสำหรับสินค้าที่ต้องการการสัมผัสหรือการทดลอง เช่น เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- ค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง: แม้ว่าการขายออนไลน์จะลดต้นทุนในการเช่าที่ แต่ค่าใช้จ่ายในการจัดส่งสินค้าอาจเป็นภาระ โดยเฉพาะถ้าต้องจัดส่งฟรีหรือเสนอค่าจัดส่งต่ำเพื่อแข่งขันกับร้านอื่น
สรุป
เราไม่สามารถกำหนดตายตัวได้ว่าธุรกิจนี้ควรมีหน้าร้าน ธุรกิจนั้นไม่ควรมี เพราะเราต้องดูองค์ประกอบอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุน กำไร ชื่อเสียง ประเภทสินค้าบริการ รวมทั้งจุดประสงค์ของเจ้าของร้านเอง แต่บทความนี้จะสามารถเป็นแนวทาง