|

เทียบชัด! โฆษณา Meta ต่างกับ โฆษณา Google อย่างไร เลือกแบบไหนดีกว่า?

เทียบชัด! โฆษณา Meta ต่างกับ โฆษณา Google อย่างไร เลือกแบบไหนดีกว่า?

สำหรับคนทำการตลาดออนไลน์ สิ่งที่สำคัญรองจากคอนเทนต์ก็คือการซื้อโฆษณา เพราะช่วยให้คนเข้าถึงโปรโมชันหรือรู้จักสินค้าได้มากกว่า และนำมาซึ่งยอดสั่งซื้อในที่สุด อย่างไรก็ดี ทุก ๆ แพลตฟอร์มออนไลน์ล้วนมีรูปแบบการยิงแอดที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะโฆษณา Meta (Facebook กับ Instagram) และโฆษณา Google สองแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุด หากคุณกำลังลังเลว่าควรจะโฆษณาสินค้าบนแพลตฟอร์มไหนดี ลองศึกษาความแตกต่างจากคอนเทนต์นี้ก่อนตัดสินใจ!

โฆษณา Meta และ โฆษณา Google – ตำแหน่งการแสดงโฆษณา

แพลตฟอร์มโฆษณา-Meta

ที่มา: https://www.sokynewsgh.com/general-news/news/2023/02/20/meta-will-launch-a-premium-membership-service-on-facebook-and-instagram 

ความแตกต่างแรกคงหนีไม่พ้น “ตำแหน่งการแสดงโฆษณา” เพราะโฆษณา Meta และโฆษณา Google มาจากต่างแพลตฟอร์มกัน เมื่อคุณซื้อโฆษณา Meta นั่นหมายความว่าคุณต้องการให้โฆษณาแสดงบน Facebook, Instagram, Messenger หรือ Whatsapp ในขณะเดียวกัน เมื่อคุณซื้อโฆษณา Google คุณจะสามารถตั้งค่าให้โฆษณาปรากฏบนพื้นที่ต่าง ๆ ของ Google ได้แก่ หน้า Google Search, Youtube, Google Maps, Gmail, หน้า Discover บนแอปพลิเคชัน Google และเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google

โฆษณา Meta และ โฆษณา Google – การตั้งค่าวัตถุประสงค์ของโฆษณา

Meta-Ads-Objective

ที่มา: https://www.jonloomer.com/meta-campaign-objectives-best-practices/ 

ทั้งโฆษณา Meta และโฆษณา Google ต่างกำหนดให้ผู้ใช้งานตั้งค่าวัตถุประสงค์ (Objective) ตั้งแต่ระดับแคมเปญเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่รายละเอียด กล่าวคือ ในโฆษณา Meta (อัปเดตส.ค. 2023) จะมีให้เลือกเพียง 6 วัตถุประสงค์หลัก ๆ เท่านั้น ได้แก่ Awareness, Traffic, Engagement, Leads, App Promotion และ Sales ในขณะที่โฆษณา Google จะกำหนดให้เลือกวัตถุประสงค์ของแคมเปญ ซึ่งมีให้เลือกมาถึง 8 วัตถุประสงค์ ได้แก่ Sales, Leads, Website Traffic, Product and Brand Consideration, Brand Awareness and Reach, App Promotion, Local store visits and promotion และการไม่กำหนด Objective และเมื่อกำหนดวัตถุประสงค์เรียบร้อยแล้ว ระบบจะยังไม่ให้คุณตั้งค่าโฆษณาทันที แต่จะให้เลือก Campaign Type ก่อน ซึ่งนั่นทำให้การตั้งค่าวัตถุประสงค์ของโฆษณา Google จัดว่าละเอียดกว่าเล็กน้อย

โฆษณา Meta และ โฆษณา Google – เนื้อหาโฆษณา

หากคุณเคยลองยิงแอด Facebook ด้วยตนเองมาบ้าง คุณจะทราบว่า Facebook Ads หรือก็คือโฆษณา Meta จะมีการตั้งค่าอยู่ 3 ระดับ ได้แก่ Campaign (ตั้งค่าวัตถุประสงค์ในการยิงแอด), Ad Set (ตั้งค่างบประมาณ เวลา และกลุ่มเป้าหมาย) และ Ad (การตั้งค่าชิ้นงานโฆษณา) โดยในขั้นตอนสุดท้ายนี้ ระบบจะกำหนดให้คุณใส่รูปภาพหรือวิดีโอ และแคปชันเพียงชุดเดียว หมายความว่า ไม่ว่าคุณจะตั้งค่าให้โฆษณา ชิ้นนั้นแสดงบนตำแหน่งใด ๆ ก็ตาม ผู้คนจะเห็นรูปภาพและแคปชันชุดเดียวกันหมด

Google-Responsive-Ads

ที่มา: https://www.wordstream.com/blog/ws/2018/07/10/responsive-search-ads 

แตกต่างกับโฆษณา Google ที่จะให้คุณตั้งค่าโฆษณาผ่าน Responsive Ads หรือ ระบบการตั้งค่าโฆษณาที่ปรับเปลี่ยนตามอุปกรณ์ ซึ่งในการตั้งค่าโฆษณาทุกครั้ง คุณจะต้องคิด Headline และ Description มากกว่า 1 แบบ (สำหรับ Search Ads กำหนดให้ใส่ 3-15 Headline และ 2-4 Description) เพื่อให้ระบบสุ่มใช้ได้ตามความเหมาะสม หมายความว่า ผู้ที่มองเห็นโฆษณา Google ของคุณแต่ละคน มีโอกาสมองเห็นคำโฆษณาที่แตกต่างกัน 

โฆษณา Meta และ โฆษณา Google – งบประมาณ

ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดของโฆษณาทั้งสองแพลตฟอร์มก็คือเรื่องงบประมาณ โดยเราสามารถจำแนกให้เห็นความแตกต่างแบบย่อย ๆ ได้ทั้งหมด 3 ส่วน

การกำหนดงบประมาณ

สำหรับโฆษณา Meta คุณสามารถตั้งค่างบประมาณได้ที่ระดับ Ad Set (ชุดโฆษณา) อย่างไรก็ดี ในหนึ่งแคมเปญสามารถสร้าง Ad Set ไว้มากกว่า 1 ชุดได้ นั่นหมายความว่า คุณสามารถกำหนดงบประมาณในแต่ละชุดโฆษณาให้แตกต่างกันได้ แต่สำหรับโฆษณา Google การตั้งค่างบประมาณจะเกิดขึ้นตั้งแต่ระดับแคมเปญ ไม่มีการแบ่งแยกย่อยออกเป็น Ad Set แต่อย่างใด

การใช้งบประมาณ

ในโฆษณา Meta คุณสามารถกำหนดได้ว่า จะแบ่งงบโฆษณาให้เท่า ๆ กันในแต่ละวัน หรือกำหนดให้ระบบใช้งบก้อนเดียวตลอดอายุการโฆษณา เพื่อจัดสรรงบประมาณให้คุ้มค่ามากที่สุดในแบบของคุณได้ ในขณะที่โฆษณา Google จะกำหนดให้คุณตั้งค่างบโฆษณาเป็นรายวันเท่านั้น (ยกเว้นแคมเปญวิดีโอ) 

สรุป: เลือกโฆษณา Meta หรือ โฆษณา Google แบบไหนดีกว่ากัน?

การตัดสินใจว่าจะเลือกใช้โฆษณา Meta หรือโฆษณา Google นั้น ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่มีอยู่ในมือคุณ หากคุณเน้นโปรโมทแบรนด์ผ่านเว็บไซต์หรือ YouTube ก็ควรเลือกโฆษณา Google แต่หากเน้นโปรโมทผ่าน Facebook Fanpage หรือ Instagram ก็ควรเลือกโฆษณา Meta อย่างไรก็ดี หากแบรนด์ของคุณมีครบทุก ๆ ช่องทาง ก็สามารถทำโฆษณาทั้งสองแพลตฟอร์มควบคู่กันได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นเจอลูกค้าจากทุก ๆ แพลตฟอร์ม

อ้างอิง

Wordstream. Meta Ads vs. Google Ads: 6 Key Differences (+Which Is Better?)

Available from: https://www.wordstream.com/blog/ws/2023/08/15/meta-ads-vs-google-ads 

Shopify. Google Ads vs. Facebook Ads: Comparison for Small Business

Available from: https://www.shopify.com/blog/google-ads-vs-facebook-ads 

IKEA Effect อคติทางความคิดที่ผู้บริโภคให้คุณค่ากับสิ่งลงมือทำด้วยตัวเอง
Marketing
ส่องกรณีศึกษาจาก IKEA Effect เทคนิคเพิ่มคุณค่าให้สินค้าแบบเท่าตัว!

เคยรู้สึกไหมว่าอะไรที่ลงมือทำด้วยตัวเอง ต้องใช้แรงกายมากมายกว่าจะสร้างสรรค์มันออกมาได้ จะยิ่งรู้สึกคุ้มค่าที่ทำลงไป และภูมิใจในตัวเองมาก ๆ สิ่งนี้เรียกว่า IKEA Effect ที่มีที่มาจากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสัญชาติสวีเดน หลายคนอาจจะรู้จักในฐานะสินค้าสไตล์มินิมอล แต่รู้ไหมว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวของอิเกีย ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของนักการตลาดอย่างมาก…

FOMO Marketing เป็นการตลาดเชิงจิตวิทยาที่เล่นกับกระแสและความรู้สึกของผู้ซื้อ
Marketing
FOMO Marketing การใช้ความกลัวตกกระแส กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ!

หนึ่งในกลยุทธ์ยอดฮิตของนักการตลาดสำหรับการสร้างยอดขายคือ FOMO Marketing เพราะเป็นการตลาดชั้นดีในการโน้มน้าวใจผู้บริโภค และกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะชาว Gen Z ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของแบรนด์ บทความนี้ Digital Tips…

Edits แอปพลิเคชันตัดต่อออกใหม่โดย Instagram
Instagram
ไอจีเปิดตัวแอป Edits ตัดต่อวิดีโอได้ฟรี ไม่มีลายน้ำ พร้อมฟีเจอร์เจ๋ง ๆ จัดเต็ม!

Instagram เปิดตัวแอปพลิเคชันตัดต่อ “Edits” ที่ไม่เหมือนกับแอปทั่วไป เพราะงัดฟีเจอร์เด็ด ๆ มาให้นักตัดต่อใช้เพียบ ครบจบได้ตั้งแต่การหาไอเดีย ถ่ายคลิปและตัดต่อในแอปเดียว ถ้าพูดถึงโปรแกรมตัดต่อบนสมาร์ทโฟน หลายคนต้องนึกถึง “CapCut”…