สวัสดีเหล่า Content Creator ทุกคนรู้ไหมว่าแท้จริงแล้วต้นกำเนิดของแฮชแท็ก คือ การใช้กำหนดสัญลักษณ์ เพื่อบ่งบอกน้ำหนักเป็นปอนด์เมื่อวางไว้หลังตัวเลข ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศอเมริกา นอกจากนี้ แฮชแท็ก ยังแสดงถึงหมายเลขเมื่อวางไว้ข้างหน้าตัวเลขได้อีกต่างหาก แต่ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่เรียกว่า Social Media สามารถสร้างบริบทหน้าที่ใหม่ให้กับ Hashtag ขึ้นมาได้! และในบทความนี้ Digital Tips จะพาทุกคนไปรู้จักความหมายที่แท้จริง และต้นกำเนิดของเจ้าเครื่องหมาย “# (Hashtag)” ว่าเป็นมาอย่างไร ถ้าพร้อมแล้ว มาลุยกันเลย
แฮชแท็ก (Hashtag) คืออะไร
“เครื่องหมายแฮชแท็ก” หรือที่หลาย ๆ คนนิยมเรียกว่า “เครื่องหมายสี่เหลี่ยม” หรือ “กากบาท” เดิมทีเป็นเพียงสัญลักษณ์สำหรับใช้ร่วมกับตัวเลข ดังที่เราได้กล่าวถึงไปแล้วในช่วงต้น นอกจากนี้ ยังเป็นสัญลักษณ์สำหรับใช้บนแขนเสื้อของทหารในกองทัพอเมริกัน เพื่อแสดงถึงจำนวนปีที่รับราชการอีกด้วย
เวลาผ่านไป เมื่อโลก Social Media ถือกำเนิดขึ้น ก็มีผู้คิดค้นคำว่า Hashtag (แฮชแท็ก) และนำสัญลักษณ์ดังกล่าวมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นหาประเด็นทางสังคมต่าง ๆ ที่มีคนพูดถึงกันเป็นจำนวนมากบนโลกโซเชียล และสำหรับคนที่กำลังสงสัยว่า Hashtag แปลว่าอะไร และแฮชแท็กเขียนยังไง – คำตอบคือ
“Hash (แฮช) มาจากการเรียกสัญลักษณ์ # ส่วนคำว่า Tag (แท็ก) อ้างอิงมาจากการแท็กคำหรือKeyword ที่ช่วยจัดหมวดคำให้ทุกคนหาสิ่งที่ต้องการเจอได้ง่าย ๆ” นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เดิมที แฮชแท็ก คือ เครื่องหมายที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้ใน Twitter เท่านั้น แต่หลังจากได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก แฮชแท็ก จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ Social Media ทุก ๆ แพลตฟอร์มขาดไม่ได้ และมีบทบาทในการสร้างคอนเทนต์บน Social Media ในที่สุด
จะเห็นได้ว่าแฮชแท็ก คือ คำนิยามใหม่ที่เราใช้งานบนโลกโซเชียลกันมาตลอด และไม่ต้องกังวลเลยว่า แฮชแท็ก เขียนยังไง ด้วยความเคยชินจากการใช้งานของชาวโซเชียล รูปแบบที่คุณเห็นอยู่ในบทความนี้ทั้งหมด ล้วนเป็นการเขียนที่ถูกต้องอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย แฮชแท็ก หรือภาษาอังกฤษ Hashtag ฉะนั้นสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจว่าถูกต้องแน่นอนค่ะ
ความสำคัญของแฮชแท็ก
หลังจากคุณได้รู้แล้วว่า Hashtag มีความเป็นมาอย่างไร และเรามักจะใช้เครื่องหมายแฮชแท็กกันในบริบทไหน ในหัวข้อนี้ Digital Tips ขอสรุปความสำคัญของแฮชแท็ก ที่มีต่อการใช้งานบน Social Media ซึ่งผู้ที่อยู่ในสายงานด้าน Social Media Marketing คงเข้าใจเป็นอย่างดี จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน!
- เพิ่มการมีส่วนร่วมกับผู้ติดตาม: การติดแฮชแท็กประกอบโพสต์บน Social Media เพื่อร่วมสนทนาเรื่องราวใด ๆ ก็ตามที่กำลังอยู่ในกระแส จะช่วยให้ผู้คนที่กำลังสนใจในเรื่องเดียวกัน เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นไปกับคุณได้จากการคลิกที่เครื่องหมายแฮชแท็ก และทำให้ Engagement เพิ่มขึ้นได้ในที่สุด
- สร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์: เมื่อเราใช้งานแฮชแท็ก โดยมีชื่อแบรนด์อยู่ในแฮชแท็กด้วย จะช่วยให้ผู้คนสามารถจดจำชื่อแบรนด์หรือสโลแกนของแบรนด์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งหากวางแผนแคมเปญโดยใช้แฮชแท็กได้อย่างสร้างสรรค์ ก็จะมีผู้คนเข้ามารับชมคอนเทนต์ หรือร่วมสร้าง User Generated Content ได้เป็นจำนวนมาก
- แสดงการสนับสนุนประเด็นทางสังคม: การใช้ Hashtag เพื่อขับเคลื่อนประเด็นสังคม ช่วยให้ผู้คนสามารถมองเห็นข้อความได้อย่างเด่นชัด และนำเสนอประเด็นเดียวกันได้อย่างทรงพลัง
- เพิ่มบริบทใน Social Media: ในบาง Social Media อาจมีการจำกัดปริมาณตัวอักษรในหนึ่งโพสต์ ดังเช่นบน Twitter ที่มีการกำหนดจำนวนตัวอักษรเอาไว้เพียง 280 ตัว (ยกเว้นบัญชีแบบ Twitter Blue ซึ่งสามารถทวีตได้ถึง 10,000 ตัวอักษร) การติดแฮชแท็ก จะทำให้เราสื่อสารได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องสื่อสารไปมาแบบซ้ำซาก
- ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายพบเจอง่ายขึ้น: โดยเฉพาะการใช้งาน Hashtag ที่ได้รับความนิยมสูง เพราะจะทำให้คุณมีโอกาสเข้าถึงผู้คนจำนวนมาก
- เผยความร่วมมือหรือการสนับสนุน: การนำ Hashtag มาใช้เป็นตัวสื่อสารผ่านโพสต์ หรือข้อความต่าง ๆ ว่าแคมเปญที่คุณเห็นเป็นการโฆษณา หรือได้รับการสนับสนุน จะทำให้ Message ของคุณชัดเจนขึ้น ซึ่งวิธีนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในบรรดาแบรนด์ขนาดใหญ่
กฎการติดแฮชแท็ก
- การใช้ Hashtag สามารถใช้เฉพาะตัวอักษรพิมพ์ตามหลังเครื่องหมายแฮชแท็ก (#) เท่านั้น ไม่สามารถแทรกอิโมจิหรือเครื่องหมายวรรคตอนอื่น ๆ ได้
- ทำให้ Hashtag ของคุณสั้น และเข้าใจง่ายมากที่สุด เพื่อที่ผู้คนจะได้เข้าใจจุดประสงค์การใช้งานอย่างแท้จริง ก่อนเลื่อนผ่านไปโดยไม่สนใจ
- อย่าติดแฮชแท็กมากเกินความจำเป็น เพราะแพลตฟอร์มอาจมองว่าเป็นสแปมได้
- แฮชแท็ก คืออีกปัจจัยหนึ่งที่จะมีผลต่อ Eangagement คุณจึงควรวิเคราะห์หรือสืบค้นแฮชแท็ก ที่มีประสิทธิภาพต่อธุรกิจ ก่อนเลือกไปใช้งานจริง
- ไม่ควรติดแฮชแท็กเหมือนกันทุกแพลตฟอร์ม เพราะบริบทของแต่ละแพลตฟอร์มไม่เหมือนกัน เช่น Instagram หรือ Facebook อาจเน้นความสนุกสนาน ตลกเฮฮาได้มาก แต่ถ้าเป็น LinkedIn อาจต้องมองหาคำที่ดูเป็นมืออาชีพ เป็นต้น
- เลี่ยงคำย่อหรือศัพท์เฉพาะที่ทำความเข้าใจยาก เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนสับสนว่า แฮชแท็กที่คุณใช้เกี่ยวข้องกับอะไรกันแน่
- สำคัญที่สุดคือคอนเทนต์ที่ Launch ออกไปโดยมีการติดแฮชแท็กด้วยนั้นต้องโพสต์ในรูปแบบสาธารณะ (Public) เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย และสามารถแชร์ต่อได้
- ปัจจุบันบนหน้าไทม์ไลน์ของแอปพลิเคชันไลน์ หรือ LINE Voom สามารถติดแฮชแท็กได้แล้ว แต่สำหรับการสร้าง LINE Broadcast บน LINE Official Account ยังไม่สามารถใช้แฮชแท็กได้
8 เคล็ดลับการเลือกแฮชแท็กที่ถูกต้อง
ถ้าคุณได้อ่านเนื้อหาสำคัญในเรื่องของกฎการติดแฮชแท็กไปแล้ว จะเห็นว่ามีอยู่ข้อหนึ่งที่เรานำเสนอถึงการวิเคราะห์ และสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับแฮชแท็กก่อนนำมาใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึง หรือการเพิ่มโอกาสสร้างยอด Engagement ให้สูงขึ้นจากการใช้งานแฮชแท็กเหล่านั้นด้วย และในหัวข้อนี้ เราขอแนะนำ 8 เคล็ดลับการใช้แฮชแท็กที่เหล่านักการตลาดไม่ควรพลาด ดังนี้
1. หาข้อมูลแฮชแท็กเพิ่มเติมจาก Influencers
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ปัจจุบัน Influencers มีอิทธิพลต่อการสร้างแบรนด์ค่อนข้างมาก เราจึงสามารถศึกษาการใช้งานเครื่องหมายแฮชแท็ก จากหลาย ๆ แบรนด์ได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากบางแบรนด์อาจใช้ Influencers เป็นตัวดึงดูดเพื่อสร้างแคมเปญโฆษณา และคิดค้นแฮชแท็กขึ้นมา เพื่อผลักดันแคมเปญหรือสโลแกนจนเป็นไวรัล และแน่นอนว่า แฮชแท็กที่ถูกนำมาใช้ได้อย่างถูกเป้าหมายและวัตถุประสงค์ จะช่วยสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว
2. ใช้เครื่องมือบน Social Media สำหรับการหาแฮชแท็ก
Hashtag แปลว่า Keyword ที่ช่วยจัดหมวดคำให้ทุกคนหาสิ่งที่ต้องการเจอได้ง่าย ๆ ซึ่งเราสามารถค้นหา Hashtag เกี่ยวกับเรื่องที่เราต้องการได้ผ่าน Social Media ต่าง ๆ โดยเฉพาะใน Twitter แพลตฟอร์มที่ให้กำเนิดความนิยมของแฮชแท็ก ทั้งนี้ หากคุณต้องการสืบค้นแฮชแท็กยอดนิยมในแต่ละช่วงเวลา ก็เพียงแค่ล็อกอินเข้าไปในแพลตฟอร์ม คลิกไปที่ช่องค้นหา ระบบจะแสดงแฮชแท็กยอดนิยมแบบเรียลไทม์ ทั้ง Hashtag ยอดนิยมในไทย และ Hashtag ยอดนิยมที่เชื่อมโยงกับเรื่องที่คุณกำลังสนใจ
3. ใช้ Tools ช่วยรวบรวมและวิเคราะห์แฮชแท็ก
ในตอนนี้การค้นหา Hashtag ที่ได้รับความนิยมจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ บนโลก Social Media ใช้เวลาเพียงไม่กี่คลิกเท่านั้น โดยเฉพาะถ้าคุณมีโอกาสรู้จักและเข้าใช้งาน Tools ที่เรียกว่า Social Listening เครื่องมือที่ทำให้เราสามารถฟังเสียงผู้คนบนโลกออนไลน์ได้กว้างขวาง รวมถึงการมองเห็น Hashtag ที่มีการใช้งานมากที่สุดในช่วงเวลานั้น ซึ่งเครื่องมือที่น่าสนใจเรามีมาแนะนำให้ทั้งหมด 3 ตัวด้วยกันค่ะ
- Trend Wisesight: เครื่องมือที่ติดตามเรื่องราวเทรนด์ปัจจุบันได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มไหน และยังสามารถดู Hashtag Facebook และทุก ๆ Social Media ยอดฮิตในแต่ละวัน 7 วัน หรือ 1 เดือนได้ด้วย
- Mandala AI: เครื่องมือที่ใช้ติดตามเทรนด์ได้ง่าย ๆ ทุกแพลตฟอร์ม พร้อมวิเคราะห์ตัวเลขของแต่ละเทรนด์ให้ด้วย ยิ่งถ้าเป็น Hashtag ก็สามารถเช็กง่าย ๆ ได้เช่นกัน
- Brand24: เครื่องมือค้นหา Hashtag ยอดฮิตของต่างประเทศ มีฟีเจอร์ครบทั้งการวิเคราะห์ การค้นหา และการติดตาม สามารถทดลองใช้งานฟรีได้ 14 วัน
4. รู้จักแฮชแท็กให้ดีก่อน
บางครั้งเราเห็นแฮชแท็กที่กำลังได้รับความนิยมมาก ไม่ได้หมายความว่าเราจะนำแฮชแท็กนั้น มาใช้กับแบรนด์หรือธุรกิจของเราได้ทันที หากแต่ต้องเชื่อมโยงก่อนว่ามีสินค้า บริการ หรือข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ด้านไหนบ้าง ที่พอจะเชื่อมโยงเรื่องราวกับแฮชแท็กที่เราสนใจได้อย่างเหมาะสม เพราะถ้าเราใช้งานแบบขาดการวิเคราะห์ อาจทำให้แบรนด์เสียภาพลักษณ์ ไม่มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และขาดความเชื่อถือได้
5. ลองสร้างแฮชแท็กที่เป็นของตัวเองขึ้นมา
เพื่อให้การสนทนาต่อจากนี้ราบรื่น และมีเอกลักษณ์ของความเป็นแบรนด์อยู่ครบถ้วน แนะนำให้คิดลองคิดแฮชแท็กที่เข้ากับตัวเองมากที่สุดขึ้นมา โดยห้ามลืมกฎการใช้งานทั้งหมด 7 ข้อที่เราแนะนำไว้ เพื่อเป็นการเริ่มต้นการสนทนาใหม่ที่เกี่ยวกับเราเพียงคนเดียว แต่ที่สำคัญอย่าลืมลองใช้งาน Social Listening Tools เพื่อตรวจสอบดูว่าแฮชแท็ก ที่คุณเพิ่งคิดขึ้นมาใหม่ มีผู้ใช้งานไปแล้วหรือยัง
6. เลือกใช้แฮชแท็กที่มีความชัดเจน
เพราะนอกจากเอกลักษณ์ที่เกิดขึ้นผ่านการสื่อสารโดยใช้ แฮชแท็กแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความชัดเจนกับข้อความที่พร้อมส่งต่ออีกด้วย ทั้งนี้ ข้อความที่อยู่ในแฮชแท็กควรตรงกับแคมเปญหรือ Content Marketing ที่คุณเลือกใช้ อย่าปล่อยให้เกิดความคลุมเครือ หรือความสงสัย มิเช่นนั้นอาจเกิดการส่งต่อข้อความแบบผิด ๆ จนทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่มีประสิทธิภาพ และเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย
7. สร้างแฮชแท็กที่สั้นและเรียบง่าย
ยิ่งสั้น ยิ่งเรียบง่าย ยิ่งจำง่าย นี่คือเหตุผลสั้น ๆ ที่ทำให้เครื่องหมายแฮชแท็กลักษณะตามที่กล่าวมา มีโอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง ดังนั้น ลองพยายามเลือกใช้คำมาใส่ในแฮชแท็กโดยไม่ให้เกิน 10 ตัวอักษร ถือว่าเป็นค่ากลางที่ค่อนข้างเหมาะสมแล้ว
8. ตรวจสอบอีกครั้งว่าแฮชแท็กเกี่ยวข้องกับประเด็นที่อยากสื่อสาร
เคล็ดลับสุดท้ายการเลือกติดแฮชแท็กนั้นต้องเน้นย้ำว่าสำคัญมาก เพราะการเลือกแฮชแท็กที่มีความเกี่ยวข้อง จะทำให้เราสามารถขยายการเข้าถึงของผู้ชม สร้างการรับรู้ การสนทนาที่มีวงกว้างมากขึ้นแบบที่คาดการณ์ไม่ได้ ลองคิดภาพว่าถ้าแฮชแท็กที่เราใช้ได้รับความนิยมสูงมาก แต่กลับไม่มีความเกี่ยวข้องต่อแบรนด์เลย นั่นถือว่าเป็นการเสียประโยชน์อย่างใหญ่หลวง จนไม่อาจย้อนเวลาหรือแก้ไขได้ทัน
เราจะเพิ่มการเข้าถึงแบบ Organic Reach จากแฮชแท็กได้อย่างไร
อยากให้ผู้คนค้นพบแบรนด์ของคุณแบบง่าย ๆ เพื่อเพิ่ม Organic Reach ต้องเริ่มต้นด้วยการใช้เครื่องหมายแฮชแท็กที่ผู้คนกำลังค้นหา เพื่อส่งต่อข้อมูลเพิ่มเติมในสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดของการใช้ แฮชแท็ก คือ การเลือก Hashtag ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือธุรกิจโดยตรง เมื่อผู้คนสนใจในสินค้าและบริการของคุณ พวกเขาจะเริ่มค้นหาจากคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องภายใต้แฮชแท็ก เพราะจะได้ทราบความเห็น พร้อมกับข้อมูลจากคนอื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ประเด็นสุดท้ายที่ควรใส่ใจและระวังเป็นพิเศษ คือ การใช้ Hashtag มากเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ยอด Reach ลดลงได้ อยากเพิ่มเติมความรู้ในการหาข้อมูลแบบเข้มข้น เน้นตรงที่ Insights ของกลุ่มเป้าหมายเพื่อมาสร้างแฮชแท็กต่อ ลองอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้เลยค่ะ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: Data Science หรือ วิทยาการข้อมูล แตกต่างจาก Data Analytic อย่างไร
เคล็ดลับการติดแฮชแท็กในแต่ละแพลตฟอร์ม
นอกเหนือจากเคล็ดลับการติดแฮชแท็กโดยทั่วไปแล้ว เรายังสามารถสรุปเทคนิคการใช้เครื่องหมายแฮชแท็กที่สอดคล้องกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละแพลตฟอร์มได้อีกด้วย โดยสามารถแยกออกได้เป็น 7 แฮชแท็ก ดังนี้
Twitter hashtags
เคล็ดลับการติดแฮชแท็กสำหรับ Social Media แพลตฟอร์มแรกที่ให้กำเนิดคำนิยามใหม่ขึ้นมาอย่าง Twitter นั้น แนะนำว่าควรใช้ไม่เกิน 1-2 แท็ก ต่อการทวีตหนึ่งครั้ง แม้ในความเป็นจริง Twitter จะกำหนดโควตาให้สูงสุด 280 ตัวอักษร และคุณสามารถใช้ทั้งหมดตัวอักษรทั้งหมดนั้นเพื่อติดแฮชแท็ก ได้ แต่อาจให้ผลลัพธ์การสื่อได้ไม่ดีมากเท่าที่ควร ทั้งนี้ ก่อนที่จะคิดค้น แฮชแท็กใหม่ขึ้นมา ให้ตรวจสอบดูว่ามีการใช้งานไปหรือยัง จะได้ไม่สื่อสารทับกันกับ แฮชแท็กอื่นที่มีอยู่แล้ว
Instagram hashtags
การปรับ Hashtag เพื่อใช้งานบน Instagram มีเคล็ดลับพื้นฐานในขั้นต้นว่า ควรใช้ประมาณ 3-5 Hashtag ต่อโพสต์ และแนะนำให้ลองใช้ Hashtag ขึ้นต้นแคปชัน เพื่อให้ผู้คนสนใจคำบรรยายใต้ภาพก่อนเป็นจุดแรก จากนั้นทุกคนก็จะสังเกตเห็นและจดจำได้ พยายามลดการแทรก Hashtag ระหว่างเนื้อหา หรือในคอมเมนต์ เพราะอาจขัดขวางการทำงานของ User ที่ใช้ฟีเจอร์อ่านข้อความเป็นคำพูดออกเสียง แล้วอย่าลืมลองใช้บัญชี Instagram Business เพื่อเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก เอาไว้วิเคราะห์ผลลัพธ์ของการใช้งาน Hashtag โดยเฉพาะ
Facebook hashtags
ความแตกต่างของการใช้ Hashtag Facebook นั้นไม่เหมือนกับแพลตฟอร์มอื่น เนื่องด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่มากกว่า ทำให้การติดตามดูแฮชแท็ก หรือการโต้ตอบค่อนข้างยาก ทั้งนี้ แนะนำให้ติดตามแฮชแท็กผ่าน URL คือ facebook.com/hashtag/_____ โดยแฮชแท็กที่เราต้องการค้นหา เพื่อติดตาม Performance ภาพรวม ส่วนจำนวนแฮชแท็กต่อโพสต์ ไม่ควรเกิน 2-3 แท็กเท่านั้น
YouTube hashtags
แม้ YouTube จะเป็นแพลตฟอร์มที่มีเนื้อหาคอนเทนต์เกี่ยวกับวิดีโอเป็นหลัก แต่ก็มีการใช้งานเครื่องหมายแฮชแท็กที่ค่อนข้างจำเป็น โดยปริมาณแฮชแท็กที่เหมาะสมต่อการใช้งานจะอยู่ที่ 3-5 แท็ก ซึ่งแฮชแท็กแรกที่เราใช้จะไปปรากฏอยู่ด้านบนชื่อวิดีโอด้วย ในขณะที่แต่ละแฮชแท็กของ YouTube ยังมีการอธิบายเนื้อหาแตกต่างกันออกไป ดังนั้น แนะนำให้พิจารณาให้ดีก่อนใช้งาน สุดท้าย หากต้องการค้นหาแฮชแท็กยอดนิยม ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงพิมพ์เครื่องหมาย #Hashtag ลงในช่องค้นหาเท่านั้น
LinkedIn hashtags
ในเนื้อหาหัวข้อกฎการติดแฮชแท็ก เรากล่าวถึงแพลตฟอร์ม LinkedIn ไว้เป็นนัย ๆ ว่านี่คือแพลตฟอร์มมืออาชีพ ที่อาจต้องการความจริงจังเพิ่มเล็กน้อย ดังนั้น ปริมาณแฮชแท็กที่เหมาะสมจึงมีเพียง 1-5 แท็กเท่านั้น และในแพลตฟอร์มนี้ยังมีแถบค้นแฮชแท็กเป็นของตัวเอง ทำให้ติดตามแบบเรียลไทม์ได้ง่ายนั่นเอง
Pinterest hashtags
จำนวนแฮชแท็กที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์ม Pinterest จะอยู่ที่ประมาณ 2-5 แฮชแท็ก โดยมีหน้าที่เข้ามาช่วยเป็นคีย์เวิร์ดในการค้นหา และยังเป็นการอธิบายเพิ่มเติมให้กับเนื้อหาได้อีกด้วย ซึ่งเครื่องมือการค้นหาแฮชแท็กของแพลตฟอร์มนี้มีความเจาะจงเป็นพิเศษ และคำเตือนที่สำคัญ “ห้ามใช้แฮชแท็กมากกว่า 20 รายการในคำอธิบายพิน” เด็ดขาด
Tiktok hashtags
เราเดินทางมาถึงแอปพลิเคชันสายบันเทิงที่มาแรงที่สุดแห่งยุค ซึ่งมีการใช้งานแฮชแท็กกวน ๆ เพิ่มอารมณ์สนุกสนานไม่น้อยกว่าแพลตฟอร์มไหน ๆ โดยจำนวนแฮชแท็กที่เหมาะสมต่อ 1 คอนเทนต์ ควรอยู่ที่ 3-5 แท็ก ทั้งนี้ ให้ลองเลือกใช้แฮชแท็กเฉพาะกลุ่มที่มีเทรนด์ร่วมกัน จะได้เกาะกระแสคอนเทนต์ไปในทางเดียวกันหมด เว้นช่องว่างในคำบรรยายสำหรับแฮชแท็กด้วย สุดท้ายแนะนำให้ลองสร้างแคมเปญที่มีความท้าทาย ผ่านการใช้งานแฮชแท็ก เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมรับรู้ถึงแบรนด์ และเข้าร่วมแฮชแท็กเพื่อสร้างคอนเทนต์ต่อไปเรื่อย ๆ
ตัวอย่างการใช้แฮชแท็กใน Social Network
ตัวอย่างที่ 1 การใช้งาน Hashtag บนแพลตฟอร์ม Instagram ว่า #travel ซึ่งหากมีผู้ใช้งานคนไหนที่อัปโหลดภาพโดยใช้ Hashtag นี้ ผู้คนที่ติดตามหรือร่วมใช้ Hashtag ก็จะมองเห็นโพสต์ใหม่เพิ่มขึ้นมา
ตัวอย่างที่ 2 มาจาก Twitter จาก User ที่มีชื่อว่า BTP Lancashire ที่ติดแฮชแท็กทั้งหมด 2 แท็ก เกี่ยวข้องกับ #WorldEmojiDay ในปี 2021 เพื่อเป็นการพูดถึงวันอีโมจิโลก และได้ทวีตข้อความทั้งหมดโดยใช้อีโมจิสร้างเป็นภาพเมืองดังที่เห็น
ตัวอย่างที่ 3 มาจากการติดแฮชแท็กบน TikTok ภายใต้แคมเปญ #JifRapChallenge โดยในคลิปดังกล่าวจะเป็นแรปเปอร์ Ludacris แร็ปรัวในขณะที่มีเนยถั่วเต็มปาก ซึ่งเป็นการ Challenge ต่อ User คนอื่น ๆ ซึ่งผลลัพธ์ออกมายอดเยี่ยมมาก เพราะมียอดไลก์กว่า 200,000 และมีวิดีโอจาก UGC (User Generated Content) อีกกว่า 600 คลิปที่แตกต่างกัน ในตัวอย่างนี้เราเห็นได้ชัดว่ากลุ่มลูกค้าของ Jif มีหลายรูปแบบ จึงทำการคาดการณ์ วิเคราะห์ และจำลองความชื่นชอบออกเป็นแคมเปญสนุก ๆ ให้เราได้เห็น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: Persona คืออะไร ทำไมเราควรสร้างผู้ใช้จำลองในการทำการตลาด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการติดแฮชแท็ก
1. ทำไมบางครั้งติดแฮชแท็กในทวิตแล้วไม่ขึ้น?
อาการติดแฮชแท็ก ไม่ขึ้นบน Twitter อาจมีปัญหามาจากการถูกแบนในบางกรณี ที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “ติดเงา (Shadow Ban)” ซึ่งทำให้การค้น User ของเราไม่สามารถปรากฏต่อผู้อื่นได้ ดังนั้น เมื่อติดแฮชแท็กในทวีต นอกจากจะไม่ขึ้นแล้ว ผู้คนยังอาจจะค้นหา User ของเราไม่เจออีกด้วย สำหรับวิธีการเช็กว่าเราติดเงาหรือไม่นั้น สามารถเข้าไปเช็กได้ผ่าน URL shadowban.eu โดยสถานะ Account จะขึ้นโชว์ทั้งหมด 4 ระดับด้วยกัน
- Search Suggestion Ban: ค้นหาไม่เจอ หรือข้อความที่ติดแฮชแท็กก็จะไม่ขึ้นในหน้า Latest
- Search Ban: ทวีตถูกซ่อนจากการค้นหาทั้งหมด ติดแฮชแท็กไปก็จะถูกซ่อนทั้งหมด และจะส่งผลเสียต่อการเทรนด์แฮชแท็กอีกด้วย
- Ghost Ban: การแบนหลายกรณีทั้งแบนการค้นหา คนอื่นที่ไม่ได้ฟอลจะมองไม่เห็นทวีต ถูกซ่อนทวีตตอบกลับ Reply ใครไปก็ไม่เห็น และหนักสุดอาจโดนล็อค Account ชั่วคราว
- Reply Deboosting: แบน Reply คนอื่นมองไม่เห็นการตอบกลับ
วิธีแก้อาการติดเงาที่ทำให้ติดแฮชแท็กไม่ได้ และตอบโต้ไม่ได้อีกหลายทาง สามารถทำได้ด้วยตัวเองเพียงทางเดียว คือ การติดต่อ Support Twitter โดยตรงทั้งผ่านเว็บไซต์ในหมวด Contact us we can help. หรือจะเป็นการติดต่อโดยตรงที่ Account Official Twitter ช้าเร็วขึ้นอยู่กับระดับการแบนของแต่ละคน บางคนก็แก้แล้วหายเลยทันที แต่บางคนอาจรอเป็นเดือนก็มี ดังนั้นการสมัคร Account ใหม่ ยืนยันตัวตน กรอกข้อมูล สร้างโปรไฟล์ให้ถูกต้อง ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วในการเริ่มต้นใช้งาน Twitter
2. เราสามารถติดแฮชแท็กในไลน์ได้หรือไม่?
ดังที่คุณทราบว่าแฮชแท็ก คือ เครื่องหมายที่จะช่วยให้คุณสามารถค้นหาโพสต์ ทวีต หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ตัวเองสนใจได้ ดังนั้น เครื่องหมายแฮชแท็กจึงจำเป็นต้องใช้กับ Social Media ที่สามารถแสดงผลเป็นสาธารณะ (Public) ได้ การติดแฮชแท็กในไลน์ เช่น ข้อความบรอดแคสต์, LINE Shopping, LINE Rich Menu หรือ LINE LIFF ไม่ได้ แต่สามารถติดแฮชแท็กบน LINE Voom ซึ่งใช้งานแบบเดียวกับหน้าไทม์ไลน์ขอแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้
ข้อสรุปของแฮชแท็ก (Hashtag)
แม้ว่าในอดีตแฮชแท็ก คือ สิ่งที่มีอยู่แล้ว แถมถูกใช้งานมาอย่างยาวนานในหลาย ๆ แพลตฟอร์ม Social Media ผ่านยุคสมัยแห่งการพัฒนามาตลอด แต่บริบทการใช้งานและวัตถุประสงค์ของแฮชแท็ก ไม่เคยเปลี่ยนไป และยังคงใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอมา นักการตลาดทั้งหลายยังคงเลือกสร้างแคมเปญ โดยที่มีแฮชแท็กเป็นตัวช่วยเชื่อมต่อการสื่อสาร ระหว่างผู้ค้นกับแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ ถ้าคุณผู้อ่านมีแบรนด์หรือธุรกิจเป็นของตัวเอง ลองใช้ความรู้ที่ได้จากบทความนี้ สร้างแคมเปญที่มีแท็กเป็นของตัวเองดู เผื่อมีโอกาสขยาย Community กับลูกค้าให้แน่นแฟ้นขึ้นไปได้อีก