FOMO Marketing การใช้ความกลัวตกกระแส กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ!

FOMO Marketing เป็นการตลาดเชิงจิตวิทยาที่เล่นกับกระแสและความรู้สึกของผู้ซื้อ

หนึ่งในกลยุทธ์ยอดฮิตของนักการตลาดสำหรับการสร้างยอดขายคือ FOMO Marketing เพราะเป็นการตลาดชั้นดีในการโน้มน้าวใจผู้บริโภค และกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะชาว Gen Z ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของแบรนด์ บทความนี้ Digital Tips จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก FOMO Marketing แล้วเทคนิคช่วยให้ยอดขายของคุณออกมาปัง จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

รู้จัก FOMO Marketing อะไรมาใหม่ก็ไม่อยากตกเทรนด์

FOMO Marketing คือ การตลาดเชิงจิตวิทยาที่เล่นกับการตกกระแส หรือกลัวพลาดโอกาสสำคัญ (Fear of Missing Out) ต้องตามเทรนด์ใหม่ ๆ ให้ทัน เพราะกลัวคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง ตัวอย่างเช่น ขนมที่กำลังเป็นกระแส อินฟลูฯ รีวิวกันทั่วบ้านทั่วเมือง ต้องซื้อมากินตาม แบรนด์จัดโปร Flash Sale ก็รีบกดสั่งซื้อทันที เป็นต้น

ซึ่งทางวารสาร Computers in Human Behavior ได้นิยามคำว่า FOMO เอาไว้ว่า “ความรู้สึกกังวลที่ผู้อื่นได้รับประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ ขณะที่ตัวเองไม่เคยได้สัมผัส” จึงยิ่งกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมแห่ตามกระแส ประเด็นอะไรมาแรงรู้หมด อะไรกำลังฮิตต้องแห่ไปซื้อตาม เพราะอยากรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม

 

FOMO Marketing ประกอบด้วย Social Proof, Scarcity และ Sense of Urgency

อะไรที่ทำให้ FOMO Marketing ถึงยัง Impact กับการตลาดปัจจุบัน 

ข้อมูลจาก Expedia เผยว่านักท่องเที่ยวกว่า 67% กดจองทริป เพราะได้รับอิทธิพลจากการตลาด FOMO ซึ่งเป็นตัวเลขยอดขายที่น่าสนใจ มาดูกันว่าเพราะอะไร ทำไม FOMO Marketing ถึงช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

Social Proof สังคมทำอะไร เราทำตามด้วย

Social Proof ได้แก่ คอนเทนต์จากลูกค้าตัวจริง (User-Generated Content) รีวิวจากอินฟลูเอนเซอร์หรือ KOL รวมถึงการได้ยินคนพูดถึงแบรนด์นี้บ่อย ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น เพราะหากไม่ทำตามก็จะรู้สึกพลาด หรือล้าหลังกว่าคนอื่น

Scarcity การดึงดูดความสนใจด้วยความหายาก

มนุษย์จะถูกดึงดูดเข้าหาสิ่งที่มีจำนวนจำกัดโดยไม่รู้ตัว ยิ่งสินค้าหายาก ข้อเสนอจำกัดเวลาเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ลูกค้ารีบตัดสินใจ เพราะหากพลาดครั้งนี้ก็อาจไม่ได้ซื้อในราคานี้อีก เช่น Flash Sale จำกัดระยะเวลา การแจกส่วนลดที่ระบุวันเริ่มและหมดโปรโมชัน พร้อมระบุคำโปรยอย่าง “เหลืออีก 10 ชิ้นสุดท้าย” “หมดแล้วหมดเลย!” และ “ข้อเสนอนี้ใกล้หมดแล้ว” เป็นต้น

Sense of Urgency ใช้ความเร่งด่วนกดดันลูกค้า

การทำ FOMO Marketing ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษแต่จำกัดระยะเวลา จะยิ่งทำให้พวกเขาอยากครอบครองมากยิ่งขึ้น สามารถใช้ประโยคที่แสดงให้ถึงความผิดพลาด หากไม่ซื้อสินค้านี้ไป เช่น “ราคานี้เฉพาะวันนี้เท่านั้น” “สั่งซื้อตอนนี้ รับของแถมพิเศษเฉพาะคุณ” หรือ “มีคนกำลังสนใจสินค้าชิ้นนี้ 10 คน อย่ารอช้า!”

อัปเดต 5 เทคนิคปิดการขายฉับไวด้วย FOMO Marketing ฉบับปี 2025

ถ้าอยากทำ FOMO Marketing ให้เกิดประสิทธิภาพ ต้องเล่นกับความรู้สึกของลูกค้าให้มากขึ้น หรือจะตอกย้ำโอกาสที่พวกเขาเคยพลาดไปในอดีต เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้ตัดสินซื้อในครั้งนี้ ขอยกตัวอย่างวิธีใช้ FOMO สำหรับทำคอนเทนต์หรือจัดโปรโมชันทั้งหมด 5 เทคนิคด้วยกัน ได้แก่

Booking.com ใช้ FOMO Marketing ในการโปรโมตห้องพักที่ยังว่างอยู่

1. เน้นย้ำว่าสินค้ามีจำนวนเหลือเท่าไหร่

เว็บไซต์ Booking.com แพลตฟอร์มออนไลน์เกี่ยวกับการจองโรงแรมและเที่ยวบิน หลังจากที่ผู้ใช้ค้นหาที่พัก ก็จะปรากฏข้อเสนอที่น่าสนใจ เช่น “ยกเลิกฟรี” และ “ราคานี้เหลืออีก 4 ห้องเท่านั้น!” รวมไปถึงการบอกว่ามีคนกำลังสนใจห้องนี้อยู่เท่าไหร่ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกดจองห้องทันทีที่เห็นข้อความ

Countdown Timer เป็นกลยุทธ์ยอดฮิตสำหรับการทำ FOMO Marketing

2. Countdown Timer เร่งให้ซื้อเร็วขึ้นอีก!

เคยมั้ย? เห็นเวลานับถอยหลังว่าโปรโมชันนี้กำลังจะหมด ก็จะรีบกดสั่งซื้อและโอนเงินเลยทันที เพราะเป็นเทคนิคที่เร่งการตัดสินใจซื้อแบบหุนหันพลันแล่น ซึ่งจะแสดงผลแบบโฆษณา Pop-ups หรือทำเป็นไอคอนเวลานับถอยหลังก็ได้ แนะนำให้สีที่โดดเด่น และเห็นเวลาที่ค่อย ๆ ลดแบบชัดเจน สะดุดตา

Exit-intent Pop-ups ก็เป็นหนึ่งในการทำ FOMO Marketing

3. ใช้ Exit-intent Pop-ups

ปัญหาที่ธุรกิจ E-Commerce ต้องเคยเผชิญคือ ลูกค้ากดออกจากเว็บไปโดยไม่ซื้อสินค้าในตะกร้า ดังนั้น ควรใช้ Exit-intent Pop-ups ป๊อปอัปขึ้นมาในหน้าชำระเงินหรือขณะที่จะกดออกจากเว็บไซต์ เนื่องจากเป็นข้อเสนอที่ลูกค้าไม่ได้คาดคิดมาก่อน จึงเหมาะกับสินค้าที่ตัดสินใจซื้อได้ง่าย ใช้เวลาคิดไม่นาน

FOMO Marketing สามารถเร่งการตัดสินใจซื้อได้ด้วยข้อเสนอส่งฟรีแบบจำกัด

4. จำกัดข้อเสนอส่งฟรี

ผู้บริโภคกว่า 90% เลือกให้การจัดส่งฟรีเป็นเหตุผลสำคัญในการซื้อสินค้าออนไลน์ นอกจากนี้ การจัดโปรโมชันส่งฟรีแบบจำกัดเวลา จะไม่ได้ทำให้ลูกค้ารู้สึกถูกกดดัน เพราะว่าเป็นข้อเสนอที่พวกเขาต้องการอยู่แล้ว จึงมีแนวโน้มที่ตอบสนองกับ FOMO และกดสั่งซื้อสินค้าโดยไม่ลังเล

5. สิทธิพิเศษสำหรับ “ลูกค้า 100 แรก”

เป็นเทคนิคที่นิยมในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ หรือเปิดตัวแบรนด์ เพื่อดึงดูดความสนใจ ด้วยการแจกของฟรี ของสมนาคุณ หรือส่วนลดพิเศษในคำสั่งซื้อถัดไป ยิ่งกำหนดจำนวนผู้ได้รับสิทธิประโยชน์ ก็จะยิ่งกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อ และรู้สึกพิเศษเมื่อได้เป็น 100 คนแรกอีกด้วย

สรุป

FOMO Marketing มีข้อดีคือช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าได้ในระยะสั้น ๆ ทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียที่หากใช้กลยุทธ์นี้ถี่จนเกินไป จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เล่นกับความรู้สึกมากเกินไป และไม่ได้มองว่าโปรโมชันนี้คือความพิเศษ ดังนั้น จึงควรวางแผนการตลาดอย่างรอบคอบ ทำให้ผู้บริโภคเห็นโอกาสที่พวกเขาจะได้รับมาจริง ๆ และเป็นการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง ไม่ได้ถูกแบรนด์ยัดเยียด

อ้างอิง

optinmonster. FOMO Marketing Explained + 17 FOMO Marketing Examples

Available from: https://optinmonster.com/fomo-marketing-examples-to-boost-sales/ 

Startup Stockpile. FOMO Marketing Stats, Phrases, & Tactics That’ll Boost Your Sales in 2025 — Don’t Miss Out!

Available from: https://startup.unitelvoice.com/fomo-marketing 

Dream Local. The FOMO Factor: Creating Urgency and Excitement in Your Marketing

Available from: https://dreamlocal.com/the-fomo-factor-creating-urgency-and-excitement-in-your-marketing/ 

nudgify. 15 Best FOMO Marketing Techniques in September – With Examples\

Available from: https://www.nudgify.com/fomo-marketing/

Edits แอปพลิเคชันตัดต่อออกใหม่โดย Instagram
Instagram
ไอจีเปิดตัวแอป Edits ตัดต่อวิดีโอได้ฟรี ไม่มีลายน้ำ พร้อมฟีเจอร์เจ๋ง ๆ จัดเต็ม!

Instagram เปิดตัวแอปพลิเคชันตัดต่อ “Edits” ที่ไม่เหมือนกับแอปทั่วไป เพราะงัดฟีเจอร์เด็ด ๆ มาให้นักตัดต่อใช้เพียบ ครบจบได้ตั้งแต่การหาไอเดีย ถ่ายคลิปและตัดต่อในแอปเดียว ถ้าพูดถึงโปรแกรมตัดต่อบนสมาร์ทโฟน หลายคนต้องนึกถึง “CapCut”…

FOMO คือเบื้องหลังของการเกิด Bandwagon Effect
Marketing
ล่อใจลูกค้าด้วย “Bandwagon Effect” เมื่อกระแสสังคมกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ

ถ้าคุณเคยตกเป็นเหยื่อของคำว่า “ใคร ๆ เขาก็ซื้อกัน” ตัดสินใจซื้อด้วยความรวดเร็วเพราะกระแสสังคม แปลว่าคุณกำลังได้รับผลกระทบของ Bandwagon Effect โดยไม่รู้ตัว! เวลาไปชอปปิงเคยรู้สึกถูกดึงดูดจากร้านค้า เพียงเพราะมีคนรุมซื้อกันเยอะ ๆ…

ของมือสองเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์กับกระแส YONO เพราะราคาถูกและยังอยู่ในสภาพดี
Money Tips
รู้จัก YONO (You Only Need One) เมื่อความฟุ่มเฟือยไม่ใช่เทรนด์ในหมู่วัยรุ่นอีกต่อไป!

เมื่อสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยให้เราอู้ฟู่ งั้นก็ควรหันมาประหยัดกันได้แล้ว! รู้จักกับเทรนด์ YONO (You Only Need One) จากวัยรุ่นเกาหลีใต้ ชวนทุกคนลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในชีวิต เมื่อพูดถึงมุมมองในการใช้ชีวิต วัยรุ่นหลายคนคงเลือกทำทุกวันให้เหมือนกับวันสุดท้าย…