สำหรับเจ้าของธุรกิจ E-commerce มือใหม่ คุณอาจรู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินคำว่า “Sale Page” และ “Landing Page” เนื่องจากทั้งสองต่างก็เป็นชื่อเรียกหน้า ๆ หนึ่งบนเว็บไซต์เหมือนกัน แล้ว Sale Page คืออะไร ต่างกับ Landing Page อย่างไร Digital Tips จะชวนคุณมาไขข้อข้องใจนี้ พร้อมแนะนำเทคนิคดี ๆ สำหรับการสร้างหน้า Sale Page
Sale Page คืออะไร
ที่มา: https://www.seedprod.com/best-sales-page-examples/
Sale Page คือหน้า ๆ หนึ่งบนเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มยอดขายโดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องรวมเอาทุก ๆ องค์ประกอบที่จำเป็นต่องานขาย อาทิ ภาพสินค้า ราคา โปรโมชัน วิธีสั่งซื้อ ตะกร้าสินค้า การรับประกัน การชำระเงิน ฯลฯ ไว้ภายในหน้าเดียว อย่างไรก็ดี Sale Page ไม่ได้มีในทุก ๆ เว็บไซต์ แต่จะมีเฉพาะบนเว็บไซต์ที่รองรับระบบซื้อขายและชำระเงินผ่านเว็บไซต์โดยตรงเท่านั้น
Sale Page มีกี่ประเภท
จุดเด่นของ Sale Page คือการขาย เราจึงนิยมแบ่งประเภทของ Sale Page ตามลักษณะของการขายบนเว็บไซต์นั้น ๆ ซึ่งจะแบ่งออกได้กว้าง ๆ 2 แบบ ได้แก่
Long-form Sale Page
ที่มา: https://business.tutsplus.com/tutorials/how-to-structure-a-successful-long-form-sales-page–cms-26665
Long-form Sale Page หรือ การทำ Sale Page แบบยาว จะนิยมใช้กับการขายที่ต้องอธิบายรายละเอียดเต็มรูปแบบ เนื่องจากสินค้าที่ขายราคาสูง หรือมีข้อมูลจำเพาะค่อนข้างซับซ้อน ต้องอ่านทำความเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ อาหารเสริม เครื่องจักร หรือมอเตอร์ เป็นต้น ข้อดีของ Sale Page รูปแบบนี้ คือจะมีรายละเอียดทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ จึงขจัดความสงสัยและความกังวลในใจลูกค้าได้ และเมื่อปราศจากความกังวลใจ ลูกค้าก็มีแนวโน้มจะตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
Short-form Sale Page
ที่มา: https://www.wpbeaverbuilder.com/building-sales-page-tips/
Short-form Sale Page หรือ การทำ Sale Page แบบสั้น เหมาะสำหรับการขายสินค้าทั่วไป เช่น เครื่องสำอาง เสื้อผ้า หรือสินค้าเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ โดยภายใน Sale Page จะมีเฉพาะข้อมูลที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น โปรโมชัน คุณสมบัติ ข้อความรีวิว หรือคำถามที่พบบ่อย ข้อดีของ Sale Page รูปแบบนี้ คือการจัดวางที่น่าดึงดูด น่าสนใจ และทำให้ลูกค้าสนุกกับการเลือกสินค้าลงตะกร้าได้มากกว่า
แล้ว Landing Page คืออะไร ต่างกับ Sale Page อย่างไร
Landing Page หมายถึง หน้าแรกบนเว็บไซต์ที่ผู้คนจะสามารถคลิกเข้ามาชมได้ จากการสืบค้นข้อมูลบน Search Engine หรือคลิกชมแอดบน Social Media อย่างไรก็ดี โดยปกติแล้ว Landing Page จะเป็นหน้าที่รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่น่าสนใจไว้ ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่เจ้าของเว็บไซต์อยากให้คนอื่นเห็น อาทิ ภาพที่โดดเด่น บริการของธุรกิจ ผลงานที่ภาคภูมิใจ หรือช่องทางการติดต่อ เป็นต้น
ที่มา: https://www.storydoc.com/blog/landing-page-vs-sales-landing-page
แล้ว Landing Page ต่างกับ Sale Page อย่างไร?
เราสามารถกล่าวได้ว่า Sale Page คือ Landing Page ประเภทหนึ่ง เพราะถ้าแบรนด์เจ้าของเว็บไซต์ต้องการเพิ่ม Conversion โดยให้ผู้ชมคลิกเข้ามาเจอหน้ารวมสินค้า พวกเขาก็สามารถกำหนดรันโฆษณา หรือพยายามใส่ Keyword SEO ลงไปบนหน้า Sale Page เพื่อให้ผู้ชมคลิกมาเจอ Sale Page เป็นหน้าแรกได้
หากต้องการเพิ่มยอดขายให้ทะลุเป้า ควรสร้าง Sale Page อย่างไร?
Sale Page คืออาวุธชั้นดีสำหรับเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ E-commerce เพราะยังมีนักช้อปจำนวนมากที่นิยมซื้อของผ่าน Official Website ด้วยเชื่อมั่นว่าจะได้ของเกรดดี มีคุณภาพ จัดส่งได้มาตรฐาน ดังนั้น หากคุณอยากกวาดยอดขายให้ได้จากช่องทางนี้ นี่คือคุณสมบัติที่ Sale Page ของคุณต้องมี!
1. ใช้ภาพสินค้าที่ชัดเจน และสามารถคลิกชมภาพสินค้าได้ทุก ๆ มุม
ลองนึกดูว่า หากคุณต้องการจะสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือสักเครื่องผ่านเว็บไซต์ คุณจะเลือกซื้อผ่านเว็บไซต์ไหน ระหว่างเว็บไซต์ A ที่มีภาพมุมตรง เห็นหน้าจอ ให้ดูเพียงภาพเดียว กับเว็บไซต์ B ที่คุณสามารถกดชมภาพ Zoom In ดีเทลของโทรศัพท์มือถือได้ทุกมุม และนั่นก็คือสิ่งที่ลูกค้าของคุณต้องการเช่นเดียวกัน ดังนั้น เราแนะนำให้คุณพิถีพิถันกับการเลือกภาพ และพยายามถ่ายภาพสินค้าให้ได้หลายมุมมากที่สุด
2. เน้น Call to action ให้ชัดเจน
ปุ่ม Call to action (CTA) คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำ Sale Page แนะนำให้วาง Call to action ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยใช้ตัวอักษรที่ใหญ่และหนา ฟอนต์อ่านง่าย และใช้สีให้ตัดกับองค์ประกอบอื่น ๆ บนหน้าเพจอย่างชัดเจน
3. จัดวางองค์ประกอบให้อ่านง่าย ดูทันสมัย ใช้สีสบายตา
การจัดวางองค์ประกอบศิลป์ภายใน Sale Page นอกจากจะมีผลต่อการใช้งานของลูกค้าแล้ว ยังมีผลต่อภาพลักษณ์ที่ลูกค้าจะมองแบรนด์ด้วย ดังนั้น เราแนะนำให้หาคนที่เชี่ยวชาญเรื่อง UX และ UI มาออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้เรียบง่าย แต่น่าดึงดูด น่าสนใจ คลิกอ่านง่าย ไม่เต็มไปด้วยปุ่ม รูปภาพ หรือแบนเนอร์ที่รกรุงรัง และชวนให้สับสน
4. หลีกเลี่ยงการร้องขอข้อมูลส่วนบุคคลที่มากเกินไป
อย่าลืมว่าลูกค้าพร้อมจะกดออกจากหน้าได้ทุกเมื่อ หากพวกเขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย แบรนด์เจ้าของเว็บไซต์จึงต้องระมัดระวังการร้องขอข้อมูลส่วนบุคคลที่มากเกินไป เช่น การขอให้กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขบัตรเครดิต เพียงเพราะจะใช้ยืนยันการลงทะเบียนทดลองใช้ฟรี เป็นต้น
สรุป
โดยสรุปแล้ว Sale Page คือ ประตูด่านสำคัญในการช่วงชิงยอดขายออนไลน์ของเว็บไซต์ที่ทำธุรกิจ E-commerce ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบัน Marketplace จะได้รับความนิยมแค่ไหน แต่การซื้อ – ขายผ่าน Official Website ก็ยังได้รับความเชื่อใจจากลูกค้าบางกลุ่มอยู่ ดังนั้น การปรับ Sale Page ให้ตอบโจทย์ลูกค้า จึงสามารถช่วยคุณเพิ่มยอดขายออนไลน์ได้นั่นเอง
อ้างอิง
Story Doc. Landing Page vs. Sales Page: Which One Do You Need?
Available from: https://www.storydoc.com/blog/landing-page-vs-sales-landing-page
Seed Prod. Landing Page vs Sales Page: Which One Is Right for You?
Available from: https://www.seedprod.com/landing-page-vs-sales-page/