7 เทคนิคการเพิ่ม Conversion บน Social Media อัปเดต 2023

7 เทคนิคการเพิ่ม Conversion บน Social Media อัปเดต 2023

เวลาทำคอนเทนต์บน Social Media แล้วยิงแอดออกไป แน่นอนว่าคุณก็ต้องอยากให้ลูกค้ามีปฏิกิริยามากกว่าแค่การคลิกชม กดไลก์ หรือคอมเมนต์ว่า “สนใจ” ทิ้งไว้ แต่พอ Inbox ไปก็อ่านไม่ตอบเสียอย่างนั้น ซึ่งเราสามารถอนุมานได้ว่า สิ่งที่ทุก ๆ ธุรกิจคาดหวังจากการทำการตลาดบน Social Media ก็คือ Conversion หรือปฏิกิริยาบางอย่างที่บ่งบอกว่ากลุ่มเป้าหมายได้กลายสถานะมาเป็นลูกค้าตัวจริงแล้ว และในบทความนี้ เราขอนำเสนอ 7 วิธีในการเพิ่ม Conversion บน Social Media จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน!

 1. ตั้งค่า Target Audience ให้ตรงกลุ่ม!

Target Audience

ที่มา: https://syspree.com/target-audience-comprehensive-guide/ 

ธุรกิจใหม่ ๆ จำนวนมาก เมื่อลองได้ยิงแอดบน Social Media ก็มักจะตั้งค่า Target Audience เอาไว้แบบกว้าง ๆ ด้วยความหวังว่าจะได้มีคนมองเห็นโฆษณาเป็นวงกว้าง และมีโอกาสที่เจอกับกลุ่มเป้าหมายทีละหลาย ๆ คน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งระยะเวลาที่ยิงแอด และขอบเขตของกลุ่มเป้าหมาย มีผลต่อการคิดเงินค่าโฆษณา ยิ่งยิงแอดนาน ๆ กลุ่มเป้าหมายกว้าง ๆ ก็ยิ่งใช้เงินเยอะ ดังนั้น หากคุณมีงบประมาณจำกัด และวางแผนการกำหนด Target Audience ไม่ดีพอ นอกจากกลุ่มเป้าหมายตัวจริงจะมองไม่เห็นโฆษณาของคุณแล้ว ยังต้องเติมงบโฆษณาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่ากว่าจะได้ Conversion ที่มีคุณภาพจริง ๆ ก็ขาดทุนล่วงหน้าจนยากที่จะประมาณไปแล้ว

2. ใส่ใจกับการเขียนคำโฆษณาบนภาพให้มากขึ้น

ไม่ใช่แค่ Mood&Tone และความคมชัดของภาพเท่านั้นที่สำคัญ แต่คำโฆษณาที่ประกอบบนภาพเหล่านั้นก็สำคัญไม่แพ้กันด้วย ดังจะเห็นได้จากโฆษณาบางชิ้นบน Social Media ที่กวาดทั้ง Engagement และ Conversion อย่างล้นหลาม มีคน Inbox ไปถามราคาและปิดการขายได้เป็นจำนวนมาก จากภาพโฆษณาที่ไม่ได้ออกแบบอย่างปราณีตมาก แต่กลับใช้คำที่เฉียบคม โดนใจ และเข้ากับเทรนด์ฮิตในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งทำให้ผู้บริโภครู้สึกตลก ขบขัน และประทับใจได้ภายในเวลาสั้น ๆ 

3. อย่าลืมเรื่อง Call-to-action

ตัวอย่าง Call to action

ที่มา: https://web.facebook.com/scasset/photos/pcb.6300426690035164/6300426596701840/?_rdc=1&_rdr 

การเขียน Call-to-action ที่ชัดเจน เข้าใจง่าย และเชื้อเชิญให้คนกดชมโฆษณาบน Social Media สำคัญกับการเพิ่ม Conversion เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการยิงแอดประเภท Lead Generation บน Facebook ที่มักจะมาในรูปแบบของแบบฟอร์มลงทะเบียน เช่น ลงทะเบียนจองสินค้าล่วงหน้า ลงทะเบียนสมาชิก หรือลงทะเบียนเข้าชมงาน ซึ่งโฆษณาประเภทนี้มักจะถูกผู้ชมเลื่อนผ่าน เพราะไม่มีใครอยากเสียเวลากรอกเอกสารเป็นเวลานาน ๆ แต่การใช้ Call-to-action สามารถช่วยกอบกู้สถานการณ์ได้ และมักจะเป็นคำสั้น ๆ ที่กระตุ้นความรู้สึก “ไม่อยากพลาด” ของคน เช่น “10 ที่นั่งสุดท้าย รีบจอง!”, “แจกฟรี เฉพาะวันนี้เท่านั้น!” หรือ “รับสิทธื์ก่อนใคร ลงทะเบียนเลย!” เป็นต้น

4. หมั่น Optimize หน้า Landing Page เป็นประจำ

บ่อยครั้งที่คนเรามักสนใจปลายทาง จนหลงลืมความสมบูรณ์ของต้นทาง เช่นเดียวกับการสร้าง Conversion ผ่าน Social Media ที่คนจำนวนมากมักสนใจเฉพาะการยิงแอด การเขียนคำโฆษณา หรือการสร้างสรรค์งานกราฟิก โดยที่ไม่ยอมตรวจเช็กหน้า Landing Page ว่ายังใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ มีส่วนใดที่คลิกเข้าไปแล้วเป็นหน้าเสีย หรือมีผลต่อประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้หรือไม่ ดังนั้น หากคุณไม่อยากพลาดเพราะเหตุผลนี้ อย่าลืม Optimize หน้า Landing Page ให้ดี ก่อน Copy ลิงก์ไปใช้

5. ทำ A/B Test ก่อนยิงแอดจริง

A/B Testing

ที่มา: https://hevodata.com/learn/facebook-ab-testing/ 

หากคุณต้องการทราบแน่ชัดว่า ตั้งค่าชิ้นงานโฆษณาแบบไหนจึงจะมีโอกาสได้ Conversion จริง (มีคนทักเข้ามาใน Inbox, มียอดการสั่งซื้อออนไลน์เพิ่มขึ้น, ยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือสมัคร Member เพิ่มขึ้น) แนะนำให้ทำ A/B Testing ก่อนทุกครั้ง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: A/B Testing คืออะไร ทำไมแคมเปญต้องทดสอบการคลิก

6. เสนอส่วนลดพิเศษแบบจำกัดเวลา

บางครั้งหากอยากเพิ่ม Conversion คุณก็ต้องดำเนินการเชิงรุกบ้าง ด้วยการยิงแอดโปรโมชันพิเศษที่จำกัดระยะเวลา เช่น 3 วัน, 7 วัน หรือ 10 วัน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าไม่ควรเลื่อนผ่านแอดชิ้นนี้ไป เช่น “คอมเมนต์สนใจใต้โพสต์ก่อนใคร ลุ้นรับส่วนลด 5% ภายใน xx นี้เท่านั้น!” หรืออาจใช้การ Broadcast ข้อความแบบ Rich Message ไปในไลน์ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงว่าเป็น Special Member มากขึ้นก็ได้

7. ลองทำการตลาดแบบ Retargeting ดูสักครั้ง!

หากคุณมีทั้งเว็บไซต์และ Social Media เป็นของตัวเอง แนะนำให้คุณติดโค้ด Pixel เช่น Facebook Pixel เพื่อ Tracking ข้อมูลการคลิกชมหน้า Landing Page ของคุณ ว่าคนที่คลิกเข้ามาชมเป็นใคร อายุเท่าไหร่ มีพฤติกรรมการใช้งานอย่างไร เยี่ยมชมถึงหน้าไหน และที่สำคัญ คลิกเข้ามาจากช่องทางใด ก่อนนำรายชื่อกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นมาทำ Retargeting เพื่อทำการตลาดกับคนกลุ่มนี้อีกครั้ง เมื่อพวกเขาเคยคลิกชมเว็บไซต์ของคุณแล้วครั้งหนึ่ง (หรือหลายครั้ง) และมองเห็นข้อเสนอใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ก็มีแนวโน้มสูงที่คนเหล่านั้นจะกลายเป็นลูกค้าตัวจริงได้ในที่สุด

สรุป

และทั้งหมดนี้ คือ 7 กลวิธีสำหรับผู้ที่ต้องการจะเพิ่ม Conversion บน Social Media เพื่อสร้างยอดขายให้เกิดขึ้นจริง ยกระดับการทำคอนเทนตืและการยิงแอดที่คาดหวังเพียงแค่ตัวเลข Engagement อย่างไรก็ดี พึงให้ความสำคัญกับการวางแผนงบประมาณการยิงแอด เพราะยิ่งคาดหวัง Conversion ก็มีแนวโน้มว่าจะต้องใช้งบประมาณการยิงโฆษณาที่สูงตามไปด้วย

 

อ้างอิง

Enterpreneur. 6 Hacks to Improve Your Facebook Ad Conversions

Available from: https://www.entrepreneur.com/growing-a-business/6-hacks-to-improve-your-facebook-ad-conversions/312766 

Hubspot. 20 Ways to Effectively Increase Your Conversion Rate

Available from: https://blog.hubspot.com/marketing/how-to-increase-conversion-rate

ไอคอนแจ้งเตือน บนแอป Social Media ต่าง ๆ
Marketing Psychology
ไอคอนแจ้งเตือน วงกลมสีแดงที่ทรงพลังในการกระตุ้นการมีส่วนร่วม!

จุดสีแดงเล็ก ๆ บนแอป ไม่ได้ทำหน้าที่แค่แจ้งข่าวสารให้คุณทราบ แต่ยังสร้างผลกระทบทางจิตวิทยา ที่ช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมได้อย่างดีเยี่ยม มาเจาะลึกเบื้องหลังของไอคอนแจ้งเตือนไปพร้อมกัน! เคยมั้ย? เวลาเห็นตัวเลขแจ้งเตือนบนมุมขวาของแอป ต้องรีบกดเข้าไปดู ไม่ว่าจะเข้าไปเช็กรายละเอียด หรือแค่กดเพื่อให้จุดสีแดงนั้นหายไปก็ตาม…

Pop-up Advertising สามารถเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นลูกค้าได้
Marketing
โฆษณา Pop-ups กลยุทธ์เด็ดในการสร้าง Conversion บนเว็บไซต์

Pop-ups Ads บนเว็บไซต์ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้มาอย่างช้านาน เพราะช่วยส่งเสริมการขายได้อย่างดีเยี่ยม แต่จะเป็นอย่างนั้นต่อเมื่อคุณใช้มันอย่างถูกวิธี และแสดงผลในเวลาที่เหมาะสม ถ้าพูดถึงกลยุทธ์เพื่อสร้างยอดขายและการมีส่วนร่วมบนเว็บไซต์ ปัจจุบันก็มีให้เลือกใช้หลากหลายวิธี เช่น การทำ SEO…

IKEA Effect อคติทางความคิดที่ผู้บริโภคให้คุณค่ากับสิ่งลงมือทำด้วยตัวเอง
Marketing
ส่องกรณีศึกษาจาก IKEA Effect เทคนิคเพิ่มคุณค่าให้สินค้าแบบเท่าตัว!

เคยรู้สึกไหมว่าอะไรที่ลงมือทำด้วยตัวเอง ต้องใช้แรงกายมากมายกว่าจะสร้างสรรค์มันออกมาได้ จะยิ่งรู้สึกคุ้มค่าที่ทำลงไป และภูมิใจในตัวเองมาก ๆ สิ่งนี้เรียกว่า IKEA Effect ที่มีที่มาจากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสัญชาติสวีเดน หลายคนอาจจะรู้จักในฐานะสินค้าสไตล์มินิมอล แต่รู้ไหมว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวของอิเกีย ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของนักการตลาดอย่างมาก…