มิจฉาชีพเกิดขึ้นใหม่รายวัน และมักใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ พัฒนากลโกง ให้ไปถึงจุดที่ภาครัฐยากจะจัดการได้ หนึ่งในคือเทคโนโลยี AI Deepfake หรือ เทคโนโลยีปลอมแปลงใบหน้า ที่เป็นข่าวรายวันในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา เรามารู้จักเทคโนโลยีนี้กันให้ลึกซึ้งกันอีกสักนิด เพื่อป้องกันไม่ให้คุณหลงตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพเหล่านี้กัน!
>> อ่านเพิ่มเติม: AI คืออะไร แบ่งเป็นกี่ประเภท มีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันอย่างไร
AI Deepfake คืออะไร ทำงานอย่างไร
ที่มา: https://medium.com/@techforgood51/ai-deep-fake-technology-740a0a056189
AI Deepfake คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แขนงหนึ่งที่ใช้สร้างภาพ วิดีโอ และเสียงบันทึกปลอม เพื่อเลียนแบบลักษณะการพูดคุยของมนุษย์ โดยทำงานในลักษณะ Deep Learning หรือเรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่ เช่น ให้ AI เรียนรู้และจดจำลักษณะใบหน้าของบุคคลเป้าหมายในหลาย ๆ มุมมอง เพื่อให้ AI จดจำการเคลื่อนไหวของใบหน้า รวมถึงอากัปกิริยาต่าง ๆ เช่น การยิ้ม การขยับปากพูด การแสดงอารมณ์ หรือการใช้ Machine Learning ประเภท Generative Adversarial Network เข้ามาช่วยให้ AI Deepfake ทำงานได้ดีขึ้น เลียนแบบได้เนียนขึ้น
AI Deepfake มีกี่ประเภท
อันที่จริง AI Deepfake มีหลายประเภท แล้วแต่การจัดหมวดหมู่ แต่หากแบ่งตามลักษณะการเลียนแบบ สามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภท ดังนี้
Face Swaps
ที่มา: https://remaker.ai/video-face-swap-online/
การสร้าง AI Deepfake ขึ้นจากสื่อ 2 ชุด เช่น คลิปวิดีโอ 2 คลิป ที่ถ่ายใบหน้าของคน 2 คนในองศาเดียวกัน โดย AI จะเรียนรู้จากชุดข้อมูล 2 ชุดนี้ ประเมินความเหมือนและความแตกต่าง ก่อนปลอมแปลงเป็นใบหน้าใหม่ขึ้นมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิธีการยอดนิยมของมิจฉาชีพ
Re-enactments
ที่มา: https://www.researchgate.net/figure/Facial-Re-enactment-DeepFake-attack_fig1_362277216
การทำงานของ AI Deepfake ประเภทนี้ให้ความรู้สึกเหมือนการชมตุ๊กตาหุ่นมือ ที่จะขยับท่าทาตามการบังคับของมือคนเล่น เนื่องจากการแสดงสีหน้า การขยับปาก และท่าทางของบุคคลปลอมแปลงในวิดีโอ จะถูกควบคุมโดยบุคคลในวิดีโอต้นทาง
Voice Cloning
แปลตรงตัวว่า ‘การปลอมแปลงเสียง’ หมายถึง การใช้ AI บันทึกเสียงพูดของคน ๆ หนึ่ง และสร้างเสียงพูดเลียนแบบเสียงของคน ๆ นั้นขึ้นมา เพื่อเผยแพร่สิ่งที่เจ้าของเสียงไม่เคยพูดจริง ๆ
Synthetic Media Generation
Synthetic Media Generation คือ การสร้างเนื้อหาเทียม ไม่ว่าจะเป็น ภาพปลอม เสียงปลอม วิดีโอปลอม เพลงปลอม มักนำมาใช้เพื่อสร้างหลักฐานเท็จ
Text-based Deep Fakes
AI Deepfake แบบ Text-based คือ การสร้างข้อความที่เลียนแบบสไตล์การเขียนหรือวิธีการสื่อสารของบุคคลหนึ่ง ทำให้ข้อความที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้เขียนหรือพูดเอง ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้เป็นการสื่อสารจากบุคคลนั้นโดยตรง
รู้จักเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการพัฒนา AI Deepfake
หากคุณอยากทำความรู้จักกับ AI Deepfake ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แน่นอนว่าคุณต้องรู้จักกับเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อ AI ประเภทนี้ก่อน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 5 ประเภท ดังนี้
- Generative Adversarial Network (GAN): ใช้เครื่องสร้างและอัลกอริธึมตัวแยกแยะเพื่อพัฒนาเนื้อหา Deepfake ทั้งหมด
- เครือข่ายประสาทเทียมแบบ Convolutional: การวิเคราะห์รูปแบบในข้อมูลภาพ ใช้ในการจดจำใบหน้าและการติดตามการเคลื่อนไหว
- Autoencoders: เทคโนโลยีเครือข่ายประสาทที่ระบุคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องของเป้าหมาย เช่น การแสดงออกทางสีหน้าและการเคลื่อนไหวร่างกาย จากนั้นจึงนำคุณลักษณะเหล่านี้ไปปรับใช้กับวิดีโอต้นทาง
- Natural Language Processing: การประมวลผลภาษาธรรมชาติ คือสาขาของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ วิเคราะห์ และประมวลผลภาษามนุษย์ (เช่น ภาษาเขียนหรือภาษาพูด) ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- High-performance Computing: การใช้คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เพื่อการประมวลผลและคำนวณที่ซับซ้อนในระดับที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่สามารถทำได้
จะรู้ได้อย่างไร ว่าภาพที่เห็นเป็นคนจริงหรือ AI Deepfake
Digital Tips รวบรวมวิธีสังเกตคลิปวิดีโอที่ทำโดย AI Deepfake มาฝากคุณทั้งหมด 4 วิธี ดังนี้
ที่มา: https://www.thesun.ie/tech/10095113/deepfake-ai-generated-people-impossible-detect/
ดวงตาที่ผิดปกติ
ไม่ว่า AI Deepfake จะพัฒนาไปมากแค่ไหน แต่จุดหนึ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่ก็คือ ความสมจริงของดวงตา วิธีสังเกตก็ง่าย ๆ หากดวงตาของบุคคลในคลิปวิดีโอเคลื่อนไหวอย่างไม่เป็นปกติ เช่น กะพริบตาน้อยครั้งมาก ๆ หรือหันไปในทิศทางที่ไม่จำเป็น ให้สันนิษฐานไว้เลยว่า…นั่นไม่ใช่คนแต่เป็น AI
ผมและผิวหนังไม่สมจริง
ภาพหรือวิดีโอที่สร้างด้วย AI Deepfake มักจะมีส่วนของผมและผิวหนังที่เบลอ มองไม่เห็นขอบ หรือนวลเนียนเกินความเป็นจริง
เสียงพูดไม่ตรงกับปาก
นี่คือข้อบกพร่องที่สังเกตได้ง่ายที่สุด และมักทำให้คลิปหลอกลวงของมิจฉาชีพกลายเป็นวิดีโอขำขัน เพราะคำที่พูดออกมากับลักษระการขยับปากจะไม่ตรงกัน หรือมองออกว่าเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์อย่างชัดเจน
แสงที่ไม่เป็นธรรมชาติ
การทำ AI Deepfake ชนิดที่นำใบหน้าของอีกคนมาสวมทับบนใบหน้าของอีกคนหนึ่งมักจะมีปัญหาเรื่องแสงและเงาเสมอ ดังนั้น แนะนำให้สังเกตดี ๆ หากบนใบหน้ามีเงาตกกระทบมากเกินไป หรือมีแสงเงาดูแตกต่างจากภาพรวมในคลิป นั่นอาจเป็นภาพที่สร้างโดย AI
ระวัง! AI Deepfake สร้างความเสียหายในเรื่องอะไรได้บ้าง
- AI Deepfake สามารถสร้างวิดีโอหรือเสียงที่จำลองบุคคลขึ้นมาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและกฎหมายความเป็นส่วนตัว เช่น การใช้ใบหน้าและเสียงของบุคคลเพื่อสร้างเนื้อหาที่บิดเบือน
- สามารถถูกนำไปใช้ในการสร้างข่าวปลอม หรือเนื้อหาที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น การสร้างวิดีโอที่นักการเมืองหรือบุคคลสำคัญพูดหรือทำสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ซึ่งสามารถทำลายชื่อเสียงและสร้างความสับสนให้กับสังคม
- เมื่อผู้คนเริ่มตระหนักถึงความสามารถในการสร้างเนื้อหา Deepfake อาจทำให้ความเชื่อมั่นในวิดีโอหรือภาพที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ลดลง ผู้คนอาจสงสัยในความจริงของเนื้อหาทั้งหมด ทำให้เกิดปัญหาในความน่าเชื่อถือของข้อมูล
สรุป
AI Deepfake ที่มิจฉาชีพชอบใช้ บางคนอาจสบประสาทว่าดูออกได้ง่าย และไม่ค่อยมืออาชีพ แต่อย่าลืมว่าเทคโนโลยีเหล่านี้พัฒนาได้ค่อนข้างเร็วและไกล หากวันใดประมาท ไม่สังเกตให้ดี คุณเองก็อาจตกเป็นเหยื่อของ AI Deepfake เวอร์ชันที่พัฒนาแล้วก็ได้ ดังนั้น แนะนำให้สังเกตความผิดปกติให้ละเอียด โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสวิดีโอคอลกับคนแปลกหน้า
อ้างอิง
BBC. Deepfake technology: What is it, how does it work, and what can it be used for?
Available from: https://www.bbc.co.uk/newsround/69009887
Techtarget. What is deepfake technology?
Available from: https://www.techtarget.com/whatis/definition/deepfake
KYCAML Guide. Understanding the Different Types of Generative AI Deepfake Attacks
Available from: https://kycaml.guide/blog/understanding-the-different-types-of-generative-ai-deepfake-attacks/