SWOT

ท่ามกลางเทรนด์การตลาด 2024 ที่ย้ำเตือนให้เราทราบว่าโลกธุรกิจกำลังหมุนไปข้างหน้าเร็วขึ้นทุกวัน อาจทำให้เจ้าของธุรกิจหลายท่านละเลยการวิเคราะห์ธุรกิจขั้นพื้นฐานที่มักทำกันเป็นประจำ นั่นคือการทำ SWOT Analysis แท้จริงแล้ว SWOT Analysis มีขั้นตอนอย่างไร และยังสำคัญต่อธุรกิจอยู่หรือไม่ มาเคลียร์ความเข้าใจไปด้วยกันกับ Digital Tips

SWOT คืออะไร

คำว่า SWOT คือ Framework ที่ใช้ประเมินประสิทธิภาพขององค์กร โดยนำตัวอักษรตัวแรกจากแต่ละองค์ประกอบมารวมกันเป็นคำ ได้แก่ S จาก Strengths, W จาก Weaknesses, O จาก Opportunities และ T จาก Threats ทั้งนี้ การนำทั้ง 4 องค์ประกอบมาปรับใช้เราจะเรียกว่า SWOT Analysis เพื่อประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน และหาหนทางพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้ทัดเทียมกับคู่แข่งในแวดวงเดียวกัน

SWOT หมายถึงอะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง?

ดังที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า SWOT คือ คำที่เกิดจากการนำอักษรตัวหน้าของทั้ง 4 องค์ประกอบที่จำเป็นต่อการประเมินศักยภาพขององค์กรมารวมกัน ซึ่งทั้ง 4 องค์ประกอบนี้ สามารถจัดกลุ่มได้ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก 

>> อ่านเพิ่มเติม: รู้ครบ Digital Marketing คืออะไร การตลาดดิจิทัล ต้องทำอะไรบ้าง

ปัจจัยภายใน (Internal Factors)

ปัจจัยภายใน หมายถึง สิ่งที่องค์กรของคุณเองสามารถควบคุมได้ ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ ได้แก่ จุดแข็ง (Strengths) และ จุดอ่อน (Weaknesses)

จุดแข็ง (Strengths)

จุดแข็ง (Strength) คือ ความสามารถในการสร้างสินค้าหรือบริการ ซึ่งโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นบริษัทรับสกรีนเสื้อยืด จุดแข็งของคุณคือ เครื่องมือสกรีนที่ทันสมัย และระบบจัดส่งที่สามารถจัดส่งสินค้าได้ทั่วประเทศโดยไม่ผ่านบริษัทขนส่งเอกชน เป็นต้น

จุดอ่อน (Weaknesses)

จุดอ่อน (Weakness) คือ จุดที่ทรัพยากรขององค์กรยังขาดแคลน ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นบริษัทรับสกรีนเสื้อยืด จุดอ่อนของคุณคือยังไม่สามารถดีลงานกับโรงงานผลิตเสื้อยืดจากต่างประเทศได้โดยตรง ต้องผ่านคนกลางในประเทศจึงต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำเข้าก่อน เป็นต้น

ปัจจัยภายนอก (External Factors)

ปัจจัยภายนอก หมายถึงสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมขององค์กร ขึ้นอยู่กับแนวโน้มทางเศรษฐกิจ สภาพสังคม และอื่น ๆ  ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ ได้แก่ โอกาส (Opportunities) และ อุปสรรค (Threats)

โอกาส (Opportunities)

โอกาส (Opportunity) คือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วจะส่งผลดีต่อองค์กร ตัวอย่างเช่น นโยบายลดภาษีนำเข้า นโยบายการจัดหางาน การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ หรือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าของธุรกิจคุณเพิ่มขึ้นจากกระแสต่าง ๆ เป็นต้น

อุปสรรค (Threats)

อุปสรรค (Threat) คือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วส่งผลเสียต่อการทำธุรกิจ ตัวอย่างเช่น มาตรการล็อกดาวน์ช่วงโควิด 19 ที่ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถออกจากบ้านไปซื้อสินค้าได้ เป็นต้น 

ประโยชน์ของการทำ SWOT Analysis

การที่จะผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้ นอกจากจะต้องเข้าใจสถานการณ์ภายนอกแล้ว คุณยังจำเป็นต้องวิเคราะห์สถานการณ์ภายใน ซึ่งหนึ่งในหนทางที่จะทำเช่นนั้น ก็คือการทำ SWOT Analysis นั่นเอง และนี่คือตัวอย่างประโยชน์ที่คุณจะได้รับหลังการทำ SWOT Analysis

  • รู้จักธุรกิจของตัวเองมากขึ้น และได้ทำความเข้าใจจุดอ่อน – จุดแข็งของตัวเอง
  • ได้โอกาสในการใช้ STP Marketing เข้ามาวิเคราะห์ธุรกิจ และมอง Brand Positioning ของตัวเองออก
  • สามารถหาหนทางกำจัดจุดอ่อนหรือบรรเทาความเสี่ยงได้
  • วิเคราะห์อุปสรรคที่อาจจะต้องเจอ และหาหนทางป้องกันได้
  • ทำให้ธุรกิจมองเห็น Customer Journey ของลูกค้าชัดเจนขึ้น

ข้อจำกัดของ SWOT Analysis 

อย่างไรก็ดี SWOT Analysis ก็ไม่ใช่แนวคิดที่สามารถวิเคราะห์ทุกอย่างได้อย่างแม่นยำเสมอไป เพราะมีข้อจำกัดบางประการ อาทิ

  • ปัญหาที่สำคัญก่อนหลังจะไม่ได้ถูกจัดลำดับ 
  • ไม่ได้เสนอวิธีการแก้ปัญหาหรือแนวทางในการช่วยขจัดปัญหา
  • อาจจะช่วยให้คุณมีไอเดียมากขึ้น แต่ไม่สามารถจำแนกสิ่งที่สำคัญที่สุดได้
  • ข้อมูลที่ได้อาจเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ ไม่ใช่ข้อมูลเชิงคุณภาพ
  • แม้จะได้ข้อมูลในเชิงภาพรวมมา แต่ก็เป็นปัจจัยที่คุณควบคุมไม่ได้อยู่ดี

อย่างไรก็ตาม SWOT Analysis ก็ยังถือว่าจำเป็นต่อการสร้างธุรกิจในช่วงเริ่มต้นอยู่ดี เพราะจะทำให้คุณเข้าใจธุรกิจของตัวเองได้ในภาพรวม และวางแผนแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

ตัวอย่างการทำ SWOT Analysis [อัปเดต 2024]

ในส่วนนี้เราจะขอยกตัวอย่างการทำ SWOT Analysis แต่ละองค์ประกอบมาให้ทุกท่านได้ศึกษา ลองดูแล้ววิเคราะห์ธุรกิจของคุณไปพร้อม ๆ กันได้เลย

การวิเคราะห์จุดแข็ง (Strengths)

  • อะไรบ้างที่เป็นข้อได้เปรียบที่องค์กรหรือธุรกิจของคุณมี เช่น ความรู้และความเชี่ยวชาญของทีม ชื่อเสียง ประสบการณ์ คอนเนคชั่นของธุรกิจ
  • ปัจจัยที่จะสามารถช่วยให้องค์กรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่มีมากกว่าคู่แข่งของคุณมีอะไรบ้าง  

การวิเคราะห์จุดอ่อน (Weakness)

  • ลักษณะการทำงานที่อาจก่อให้เกิดข้อบกพร่องในการทำงาน มีอะไรบ้าง  
  • ทีมของคุณยังคงขาดบุคลากรในตำแหน่งที่สำคัญอยู่หรือไม่
  • อะไรบ้างที่คุณมองว่า ธุรกิจของคุณยังเสียเปรียบหรือยังทำได้ไม่ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่ง 

การวิเคราะห์โอกาส (Opportunities)

  • ตลาดที่คุณกำลังอยู่มีโอกาสเติบโตและมีแนวโน้มให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการซื้อขายมากขึ้นหรือไม่ 
  • อะไรบ้างที่มีในสังคมที่คุณสามารถนำมาใช้ประโยชน์ เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ 

การวิเคราะห์อุปสรรค (Threats)

  • คู่แข่งรายใหม่ที่จะเข้ามาสู่ตลาดในอนาคตมีจำนวนมากน้อยแค่ไหน 
  • การพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตจะเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจของคุณในอนาคตได้หรือไม่ 
  • มีแนวโน้มของตลาดหรือการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่จะทำให้คุณได้รับความเสียหายทางธุรกิจในอนาคตหรือไม่ 

ขั้นตอนการวิเคราะห์ SWOT

1. กำหนดเป้าหมายในการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน 

กำหนดเป้าหมายให้แน่ชัดก่อนว่า จุดประสงค์ในการทำ SWOT Analysis ของคุณคืออะไร เพื่อที่จะสามารถวิเคราะห์ SWOT ในแต่ละปัจจัยได้อย่างชัดเจน และเห็นภาพมากขึ้น

2. รวบรวมทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง 

การวิเคราะห์ SWOT แต่ละครั้งจะมีความแตกต่างกันไป และนั่นอาจทำให้คุณต้องอาศัยชุดข้อมูลใหม่ ๆ ทุกครั้งที่ตัดสินใจเริ่มวิเคราะห์ ดังนั้น ลองลิสต์ออกมาให้ชัดเจนว่า คุณต้องการข้อมูลอะไรบ้าง และจะรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นได้จากที่ไหน

3. ตั้งคำถามพร้อมจัดหมวดหมู่ในตาราง SWOT Analysis 

วิธีการที่จะทำให้คุณสามารถตั้งคำถาม พร้อมจัดหมวดหมู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็คือการแบ่งปัจจัยในการตั้งคำถามเป็น 2 แบบ ได้แก่ ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังนี้

  • การประเมินสภาพแวดล้อมภายใน (Internal Factors) – คือการประเมินสภาพแวดล้อมภายในธุรกิจของคุณเองซึ่งเป็นสิ่งที่คุณสามารถควบคุม ดูแล และปรับปรุงได้ เช่น งบประมาณ เทคโนโลยี เครื่องจักรในการผลิต ฯลฯ

 

ตัวอย่างคำถาม: 

จุดแข็ง – อะไรบ้างที่เป็นข้อได้เปรียบมีในองค์กรหรือธุรกิจของคุณ  

จุดอ่อน – ลักษณะการทำงาน กระบวนการทางธุรกิจที่อาจทำให้เกิดข้อบกพร่องในการทำงาน มีอะไรบ้าง  

  • การประเมินสภาพแวดล้อมภายนอก (External Factors) –  คือการประเมินสภาพแวดล้อมภายนอกที่คุณไม่สามารถควบคุมได้หรือเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถคาดเดาได้เลย เช่น สภาพเศรษฐกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค เทรนด์ของสังคม ฯลฯ

ตัวอย่างคำถาม: 

โอกาส – โอกาสในการเปลี่ยนแปลงภายนอกใดบ้างที่มีผลกระทบต่อธุรกิจ  

อุปสรรค – พฤติกรรมของผู้บริโภคมีแนวโน้มเกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ลบต่อธุรกิจของคุณหรือไม่ 

4. วิเคราะห์ SWOT 

ขั้นตอนต่อมาก็คือการวิเคราะห์ SWOT หรือการใส่สิ่งที่คุณวิเคราะห์ลงไปให้ครบทั้ง 4 ปัจจัย ซึ่งต้องมีความสัมพันธ์กับการตั้งเป้าหมายของคุณในข้อแรกด้วย และต้องสำรวจข้อมูลให้ครบถ้วนทุกมุมของธุรกิจก่อน จึงค่อยใส่คำตอบจากการวิเคราะห์ลงไปในแต่ละปัจจัยอย่างละเอียด

>> อ่านเพิ่มเติม:  Data Analytic คืออะไร 

5. ปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์

เมื่อมองเห็นจุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และอุปสรรคที่สัมพันธ์กับธุรกิจของคุณแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนของการนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ เช่น ใช้ความรู้ด้าน Digital Marketing และ Social Media Marketing แขนงต่าง ๆ มาปรับปรุงธุรกิจของคุณ หรือวางแผนรับสมัครผู้ที่มีศักยภาพในด้านต่าง ๆ เข้าทีมเพิ่มเติม 

>> อ่านเพิ่มเติม:  4P คืออะไร  

กรณีศึกษา TOWS Matrix 

หากพูดถึง SWOT Analysis แล้วอีกแนวคิดหนึ่งที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือการวิเคราะห์ TOWS Matrix กรณีศึกษาที่เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ต่อยอดมาจาก SWOT ที่จะทำให้คุณได้เห็นภาพรวมของการทำธุรกิจมากขึ้น 

TOWS Matrix คือเครื่องมือวิเคราะห์ภาพรวมของธุรกิจที่นำข้อมูลจากการทำ SWOT Analysis มาต่อยอดโดยใช้ปัจจัยที่เป็นจุดแข็งภายในและภายนอกเพื่อใช้ในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่สามารถปฏิบัติตามได้ ส่วนประกอบของ TOWS มีดังนี้ (T) Threats, (O) Opportunities, (W) Weaknesses, (S) Strengths

โดยการวิเคราะห์ TOWS Matrix จะสามารถแบ่งออกเป็นกลยุทธ์ได้ทั้งหมด 4 รูปแบบ โดยจะเป็นการประกอบจุดแข็งและจุดอ่อนให้เข้ากับโอกาสและอุปสรรค

  1. กลยุทธ์เชิงรุก (SO)

เป็นการจับคู่ระหว่าง Strength และ Opportunity (ใช้จุดแข็งร่วมกับโอกาส) มีความสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของธุรกิจ เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่เน้นสร้างผลลัพธ์ที่ให้ประโยชน์สูงสุด ผ่านการวิเคราะห์จุดแข็งของธุรกิจร่วมกับโอกาสที่เกิดขึ้น

  1. กลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO)

เป็นการจับคู่ระหว่าง Weakness และ Opportunity (ใช้โอกาสลดจุดอ่อน) การใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มีเพื่อลดจุดอ่อนในองค์กร เช่น หากธุรกิจไม่ได้เป็นผู้ครองตลาดในด้านใด ๆ แต่เห็นโอกาสในการเป็นพันธมิตรกับธุรกิจที่แข็งแกร่งเพื่อร่วมกันทำให้อะไรบางอย่างที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายไปด้วยกันทั้งคู่

  1. กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST)

เป็นการจับคู่ระหว่าง Strength และ Threat (ใช้จุดแข็งรับมืออุปสรรค) คือ การใช้ประโยชน์จากจุดแข็งภายในทั้งหมดเพื่อเอาชนะอุปสรรค ที่อาจเกิดขึ้นซึ่งจะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จตามเป้าหมายและสร้างการเติบโตได้ดีกว่าที่เราคาดคิดไว้

  1. กลยุทธ์เชิงรับ (WT)

เป็นการจับคู่ระหว่าง Weakness และ Threat (แก้ไขจุดอ่อนและเลี่ยงอุปสรรค) เป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นต้องลดจุดอ่อน เพื่อเอาชนะหรือหลีกเลี่ยงภัยคุกคามหรืออุปสรรคภายนอกที่กระทบต่อธุรกิจ ด้วยการพยายามแก้ปัญหาหรือหลีกเลี่ยงไม่ให้ปัญหาเกิดเพิ่มขึ้น

การวิเคราะห์ TOWS แตกต่างจาก SWOT อย่างไร 

“ไม่ได้แตกต่างกันแต่เป็นการทำงานร่วมกัน” เพราะการทำงานของ TOWS Matrix จะต่อเนื่องมาจากการทำงานของ SWOT ซึ่ง SWOT นั้นมีหน้าที่วิเคราะห์สถานการณ์ภายในและภายนอกขององค์กรในการทำธุรกิจต่าง ๆ และเรียบเรียงข้อมูลเหล่านั้นเพื่อให้เห็นภาพรวมที่เป็นอยู่แล้วก็จบลงแต่ TOWS Matrix ก็คือหลักการที่นำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อสร้างกลยุทธ์และนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้ในอนาคตนั่นเอง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SWOT Analysis

การวิเคราะห์ SWOT เป็นหน้าที่ของใคร  

การวิเคราะห์ SWOT เป็นหน้าที่ที่สามารถเกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายภายในองค์กร โดยทั่วไปแล้ว หน้าที่นี้มักเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทีมงานหรือแผนกต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ อาทิ ผู้บริหารระดับสูง ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ (Business Development) ฝ่ายการตลาด หรือฝ่ายวิจัยและพัฒนา เป็นต้น

รุปเนื้อหา “SWOT คือ”

การวิเคราะห์ SWOT (SWOT Analysis) ช่วยให้ธุรกิจสามารถประเมินสภาพแวดล้อม และสถานการณ์ในการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี รวมถึงทำให้ทราบจุดแข็งและจุดอ่อนภายใน ตลอดจนมองเห็นโอกาสและอุปสรรคจากภายนอก ทุก ๆ ธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วงของการเติบโตจึงไม่ควรละเลยการวิเคราะห์ SWOT และควรจัดการประชุมภายในเพื่อหารือสิ่งนี้กันทุก ๆ ไตรมาส หรือทุก ๆ เดือน

 

อ้างอิง

Semrush. SWOT Analysis: What It Is & How to Do It [Examples + Template]

Available from: https://www.semrush.com/blog/swot-analysis-examples/ 

Investpedia. SWOT Analysis: How To With Table and Example

Available from: https://www.investopedia.com/terms/s/swot.asp 

10 body languages for presentation
Marketing Psychology
ลิสต์ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน สำหรับพนักงานมือโปร 

Topic Summary คนทำงานเตรียมแชร์ไว้ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน เพิ่มสกิลการเป็นมือโปร และทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวคุณ! ในบรรดาความรู้เรื่อง Body Language ทั้งหมด ภาษากายที่ใช้ในการพรีเซนต์งาน…

body languages
Marketing Psychology
เช็กก่อนใคร! ตำแหน่งของ Body Language ตัวช่วยอ่านพฤติกรรมคนจากภาษากาย

Topic Summary อยากรู้ไหม? เวลาอ่านใจคนจากภาษากาย ตำแหน่งของ Body Language ส่วนใดบ้างที่คุณต้องดู และแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญอย่างไร ใคร ๆ ก็อยากเชี่ยวชาญการอ่านใจคนด้วยภาษากาย…

what is psychology of pricing
News
เข้าใจจิตวิทยาราคา พร้อมแจกกลยุทธ์การตั้งราคา ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วกว่าที่เคย

เพิ่งเปิดธุรกิจใหม่ ควรตั้งราคาอย่างไรดี Digital Tips แชร์เทคนิคการตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา พร้อมเคลียร์ชัดความหมายของจิตวิทยาราคา อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที! Content Summary  จิตวิทยาราคา คือ การกำหนดราคาสินค้าโดยอ้างอิงจากการรับรู้ทางจิตวิทยา…