แชร์ด่วน! 6 วิธีวัดผลสัมฤทธิ์ของการทำ Content Marketing

แชร์ด่วน! 6 วิธีวัดผลสัมฤทธิ์ของการทำ Content Marketing

เริ่มทำ Content Marketing มาตั้งนาน แต่ยังจับจุดไม่ได้ว่าสำเร็จไปถึงขั้นไหน ต้องปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมอย่างไร บทความนี้ Digital Tips จัดให้! รวมวิธีวัดผลสัมฤทธิ์ของการทำ Content Marketing ฉบับเห็นผลชัดเจนจริง วัดแล้วเข้าใจเลย มาฝากทุกท่าน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกัน!

>> อ่านเพิ่มเติม: 10 Content Checklist ที่ต้องทำ ถ้าอยากให้แคมเปญปังในปี 2024

1. ดูจากปริมาณการเข้าชม

วิธีวัดความสำเร็จจากการทำ Content Marketing ที่ทำได้ง่ายที่สุด ก็คือการสังเกตจากปริมาณการเข้าชม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชมเว็บไซต์ การเข้าชมวิดีโอ หรือการเข้าชมโพสต์บน Social Media ของคุณ โดยที่ยังไม่ต้องไปโฟกัสว่า คุณได้ Conversion จากการเข้าชมเหล่านั้นหรือไม่ ทั้งนี้ Metrics ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าชม จะมีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 3 ตัว ได้แก่ 

Google Analytics

ที่มา: https://plausible.io/blog/remove-google-analytics 

Website Traffic

Website Traffic คือ จำนวนการเข้าถึงเว็บไซต์ สามารถวัดได้จากหลายปัจจัย เช่น จำนวนผู้เข้าชม (Users), จำนวนการเข้าชม (Sessions), จำนวนครั้งที่เปิดหน้าเว็บไซต์ (Pageviews), ระยะเวลาโดยเฉลี่ยของการเยี่ยมชมเว็บไซต์ในแต่ละครั้ง (Avg. Session Duration), อัตราที่มีคนเข้ามาในเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวแล้วออกไป (Bounce Rate) เป็นต้น โดยเครื่องมือที่ดู Website Traffic ได้ง่ายที่สุดก็คือ Google Analytics

Reach/Impression

Reach คือ จำนวนบัญชีที่เข้าถึงโพสต์หรือโฆษณาชิ้นนั้น ๆ ของคุณ โดยไม่นับจำนวนการดูซ้ำ ส่วน Impression คือ จำนวนครั้งที่มีการเข้าถึงโพสต์หรือโฆษณาของคุณ ซึ่งทั้ง 2 นี้มักจะต้องดูควบคู่กันไปเสมอ

Video View

Video View คือ จำนวนครั้งที่ผู้ใช้งานเปิดดูวิดีโอจนครบตามระยะเวลาที่กำหนด โดยระยะเวลาที่กำหนดนี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น Facebook กำหนดว่า Video View จะต้องดูครบ 3 วินาทีขึ้นไปจึงนับเป็น 1 วิว, TikTok นับเป็น 1 วิวทันทีที่ไถฟีดผ่าน หรือ YouTube ที่กำหนดว่า Video View จะต้องดูครบ 30 วินาทีจึงนับเป็น 1 วิว เป็นต้น

>> อ่านเพิ่มเติม: รวมวิธีนับยอดวิวของ Social Media ทุกแพลตฟอร์ม อัปเดต 2023 

2. ดูปริมาณการโต้ตอบ (Engagement)

แน่นอนว่าผลสัมฤทธิ์ของการทำ Content Marketing ไม่อาจวัดได้จากปริมาณการเข้าชมเพียงอย่างเดียว คุณยังต้องดูต่อไปด้วยว่า ในบรรดาคนที่คลิกชมเว็บไซต์หรือโพสต์ของคุณนั้น พวกเขามีปฏิกิริยาตอบกลับหรือไม่ อย่างไร 

Social Media Engagement

ที่มา: https://www.sketchbubble.com/en/presentation-social-media-engagement.html 

  • หากคอนเทนต์ของคุณอยู่บน Facebook, Instagram หรือ TikTok แนะนำให้ดูว่ามียอดไลก์ (หรือกดหัวใจ) และยอดคอมเมนต์มากแค่ไหน รวมถึงคอนเทนต์แบบไหนที่มักจะมียอดไลก์และยอดแชร์ค่อนข้างสูง 
  • หากคอนเทนต์ของคุณอยู่บน YouTube แนะนำให้ดูว่าแต่ละคลิปมียอดไลก์ ยอดดิสไลก์ และยอดคอมเมนต์มากน้อยแค่ไหน
  • หากคุณเน้นทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์ สามารถดูปริมาณ Engagement ได้ที่เมนู Behavior บน Google Analytics

3. ดูยอดแชร์ (Share)

อันที่จริงแล้ว ยอดแชร์ก็ถือว่าเป็น Engagement ประเภทหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่สาเหตุที่เราแนะนำให้พิจารณาแยกออกมา เพราะยอดแชร์คือค่า Engagement ที่มีน้ำหนักมากที่สุด และเพิ่มโอกาสในการเชื่อมต่อกับผู้ชมใหม่ ๆ ได้มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อใดก็ตามที่คอนเทนต์ถูกแชร์ผ่านบัญชีของ Influencer หรือคนดัง Engagement โดยรวมของคอนเทนต์นั้นก็จะพุ่งขึ้นสูงจนเห็นได้ชัด ดังนั้น แนะนำให้คุณลองเปรียบเทียบยอดแชร์ของแต่ละคอนเทนต์ และดูว่าคนมักจะแชร์คอนเทนต์ประเภทไหนมากที่สุด หากพบว่าเริ่มมียอดแชร์มากขึ้นเรื่อย ๆ ก็นับได้ว่าคุณกำลังมาถูกทาง และอาจจะเน้นทำคอนเทนต์ที่มียอดแชร์มาก ๆ ให้บ่อยขึ้น

4. สังเกตจากปริมาณ Conversion

หากที่ผ่านมาคุณยิงแอดโพสต์แบบ Conversion หรือทำ E-commerce บนเว็บไซต์มาสักระยะหนึ่งแล้ว แนะนำให้ลองวัดผลสัมฤทธิ์ของการทำ Content Marketing โดยเก็บข้อมูล Conversion ว่ามีจำนวนยอดสั่งซื้อมากน้อยแค่ไหน หรือมียอดคลิกสินค้าใส่ตะกร้า ยอดลงทะเบียนสมาชิกมากขึ้นกว่าปีก่อน ๆ หรือถึงเกณฑ์ KPI ที่กำหนดไว้หรือไม่

Facebook Conversion

ที่มา: https://www.megalytic.com/blog/how-to-set-up-facebook-ads-conversion-tracking 

อย่างไรก็ดี หากเป้าหมายของการทำ Content Marketing ของคุณไม่ใช่การเพิ่มยอดขาย แต่เป็นการทำคอนเทนต์เพื่อเพิ่ม Brand Awareness และ Engagement ก็ไม่จำเป็นต้องวัดผลจาก Conversion

5. สำรวจว่ามีคนพูดถึงชื่อแบรนด์บ้างหรือไม่

คุณสามารถวัดผลการทำ Content Marketing จาก User-generated Content หรือคอนเทนต์ที่สร้างโดยผู้ใช้ได้ วิธีเช็กก็ง่าย ๆ เพียงพิมพ์ชื่อแบรนด์ลงในช่องค้นหาของ Social Media ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok หรือ X (Twitter) แล้วดูว่า นอกจากโพสต์ของคุณเองแล้ว มีใครโพสต์อะไรเกี่ยวกับแบรนด์บ้าง ทั้งนี้ แพลตฟอร์มที่คุณควรเน้นสังเกตการณ์มากที่สุด ก็คือ TikTok และ X เพราะผู้บริโภคมักจะมาแบ่งปันฟีดแบคทั้งด้านบวกและด้านลบให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้ผ่าน 2 แพลตฟอร์มนี้

6. เก็บข้อมูลจากลูกค้า

วิธีวัดผลการทำ Content Marketing วิธีสุดท้าย คือการเก็บข้อมูลจากลูกค้า แนะนำให้บันทึกทั้งสายสนทนาที่ลูกค้าพูดถึงคอนเทนต์ของแบรนด์ คอมเมนต์ใน Social Media ต่าง ๆ ของแบรนด์ ร่วมกับการส่งแบบสำรวจสั้น ๆ ผ่านทางช่องแชท แอปพลิเคชัน LINE OA หรือช่องทางอื่น เพื่อส่งให้ลูกค้ากรอกข้อมูลว่า พวกเขาเคยเห็นคอนเทนต์บน Social Media ของแบรนด์หรือไม่ หากเคยเห็น มีคอนเทนต์ใดบ้างที่ดึงดูดให้พวกเขาตัดสินใจซื้อ

อยากเพิ่มประสิทธิภาพการทำ Content Marketing เรามีตัวช่วย!

หากคุณลองวัดผลการทำ Content Marketing ด้วย 6 วิธีนี้ แล้วพบว่าผลสัมฤทธิ์ที่ได้ยังไปไม่ถึงเป้าที่คุณวางไว้ Digital Tips ช่วยคุณได้! ด้วยคอร์ส “Content Marketing Mastery” คอร์สออนไลน์สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการทำ Content Marketing จัดเต็มเทคนิคการเขียนคอนเทนต์อย่างมีกลยุทธ์ พร้อมวิธีดู Insights ใน Social Media ทุกแพลตฟอร์ม สมัครครั้งเดียว เรียนซ้ำได้ตลอดชีพ อัปเดตเนื้อหาทุกปี!

ดูรายละเอียดได้ที่: คอร์สออนไลน์ เรียน Content Marketing Mastery ทบทวนได้ตลอดชีพ

อ้างอิง

Digital Marketing Institute.How to Measure Your Content Marketing

Available from: https://digitalmarketinginstitute.com/blog/how-to-measure-your-content-marketing 

LinkedIn. 5 Ways to Measure the Success of Your Content Marketing Efforts

Available from: https://www.linkedin.com/pulse/5-ways-measure-success-your-content-marketing-efforts- 

 

ส่องไฮไลต์เด็ดจากงาน Adobe MAX 2025 ว่ามีฟีเจอร์อะไรน่าสนใจ
News
ส่องไฮไลต์จากงาน Adobe MAX 2025 กับการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด

เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เชื่อว่าสายกราฟิกและครีเอทีฟหลายคนตื่นตาตื่นใจกับงาน Adobe MAX 2025 ที่จะได้รับฟังแนวคิด ทักษะ และรับแรงบันดาลใจจากคนเก่ง ๆ ในวงการ พร้อมทั้งการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในเครื่องมือ Adobe…

ChatGPT Atlas จาก OpenAI คืออะไร มีฟีเจอร์อะไรบ้าง
AI Marketing
ChatGPT Atlas เบราว์เซอร์น้องใหม่จาก OpenAI มีฟีเจอร์อะไรน่าสนใจบ้าง

ChatGPT Atlas เป็นเบราว์เซอร์ AI ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้ และสร้างความน่าสนใจไม่น้อยให้กับวงการ Search Engine เพราะสิ่งนี้จะเข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์ค้นหาแบบเดิม ๆ ของผู้ใช้ ช่วยให้สะดวก…

แนะนำ 7 AI สรุปประชุมที่ช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร็ว
News
บอกต่อ 7 AI สรุปประชุมแบบเรียลไทม์ จดครบทุกรายละเอียดสำคัญ

การประชุมบริษัทในยุคปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก ๆ เพราะเรามี AI สรุปการประชุมจากเสียงเข้ามาช่วยสรุปรายงานการประชุม หรือถอดเทปสัมภาษณ์ได้อย่างแม่นยำ แทนที่เราจะเสียเวลาจดและนั่งฟังคลิปเป็นชั่วโมง ไหนจะต้องโฟกัสกับคำถามจากผู้เข้าร่วมประชุมอีก จะดีกว่าไหมถ้ามีเครื่องมือนี้มาช่วยประหยัดแรงทำงานได้มากขึ้น และในบทความนี้ Digital Tips…