Performance Marketing คืออะไร ต่างกับการตลาดทั่วไปอย่างไร

ในอดีตการตลาด (Marketing) เป็นเพียงศาสตร์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ แต่ไม่สามารถวัดผลให้เห็นชัดเจนเป็นตัวเลขได้ ว่าเทคนิคไหนสามารถเพิ่มยอดขายได้กี่เปอร์เซ็นต์ หรือเทคนิคไหนได้ผลดีที่สุด กระทั่งมาถึงยุคแรกเริ่มของ Digital Marketing การถือกำเนิดของ Website และ Social Media ก็มาพร้อมกับ Metrics ต่าง ๆ สำหรับนับจำนวนผู้เข้าชม ซึ่งเป็นก้าวแรกของการตลาดแบบวัดผลได้

ในบทความนี้ Digital Tips จะพาคุณไปรู้จักกับ Performance Marketing พัฒนาการขั้นล่าสุดของการตลาด ที่มุ่งเน้นการแสดงผลลัพธ์ให้ชัดเจน รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ไปดูกัน!

Performance Marketing คืออะไร?

Performance Marketing คือ การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยผลลัพธ์ ซึ่งหมายความว่า ทุกการดำเนินการของคุณจะต้องสามารถวัดผลออกมาเป็นตัวเลขได้ ด้วยเหตุนี้ Performance Marketing จึงสัมพันธ์กับการซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น โฆษณา Google หรือ การยิงแอด Facebook ซึ่งจะเก็บค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อมีคนมองเห็นโฆษณาของคุณเท่านั้น ทำให้นักการตลาดสามารถนำราคาโฆษณาที่ต้องจ่าย มาใช้ในการวัดผลประสิทธิภาพของกลยุทธ์การตลาดได้

Performance Marketing แตกต่างกับ Digital Marketing อย่างไร?

Performance Marketing vs. Digital Marketing

ที่มา: https://mountain.com/blog/performance-marketing-vs-digital-marketing-whats-the-difference/ 

ความหมายของ Digital Marketing คือ การทำการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์, Email, Social Media รวมถึง Electronics Billboard ตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้จำกัดว่า การโฆษณาผ่านช่องทางเหล่านี้จะต้องวัดผลได้หรือไม่ 

ดังนั้น ข้อแตกต่างของ Performance Marketing กับ Digital Marketing จึงอยู่ที่ “นิยาม” กล่าวคือ Digital Marketing พูดถึง “ช่องทางการทำการตลาด” ในขณะที่ Performance Marketing พูดถึง “กระบวนการทำการตลาด” นั่นเอง

Performance Marketing สามารถทำผ่านช่องทางใดได้บ้าง?

อันที่จริงแล้ว ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่า Performance Marketing ต้องทำผ่านช่องทางใด เพียงแต่ช่องทางที่คุณเลือกนั้นจะต้องสามารถวัดผลออกมาเป็นตัวเลขได้ ดังเช่น 4 ช่องทางยอดนิยมต่อไปนี้

Google Search Ads

ที่มา: https://www.businessinsider.com/ryanair-calls-on-google-to-drop-its-misleading-search-ads-2015-10 

โฆษณา Google (บนหน้า Google Search)

Google Search Ads คือ หนึ่งในช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด เพราะคิดราคาเป็นต้นทุนต่อคลิก (Cost per Click: CPC) ซึ่งหมายความว่า Google จะเรียกเก็บเงินก็ต่อเมื่อมีคนคลิกชมโฆษณาเท่านั้น อย่างไรก็ดี ราคาต่อหนึ่งคลิกจะถูกหรือแพง ขึ้นอยู่กับว่า Keyword ที่คุณเลือกใช้ได้รับความนิยมมากแค่ไหน หากเป็น Keyword ที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ราคาต่อหนึ่งคลิกก็จะสูงตามไปด้วย คุณจึงสามารถวางแผนก่อนซื้อโฆษณาได้ และวัดผลโฆษณาว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่จากค่า CPC ที่คุณต้องจ่ายนั่นเอง

Google Display Network

ที่มา: https://noblestudios.com/digital-marketing-services/paid-media/google-display-network-gdn-vs-programmatic-advertising/ 

โฆษณา Google (Google Display Network)

Google Display Network หรือ GDN คือ การซื้อพื้นที่โฆษณาบนแบนเนอร์ของเว็บไซต์ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google สามารถเลือกจ่ายค่าโฆษณาได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ จ่ายเป็น Cost per Click เช่นเดียวกับ Google Search Ads หรือจ่ายเป็น Cost-per-thousand-viewable-Impression: vCPM ซึ่งจะเก็บค่าบริการเมื่อมีคนมองเห็นโฆษณาครบ 1,000 ครั้ง (แม้จะไม่มีคนคลิกชมโฆษณา) 

>> ศึกษาเรื่อง Google Display Network เพิ่มเติม รับชมผ่านคลิป: Google Display Network basics EXPLAINED in under 5 minutes

Facebook Ads

ที่มา: https://clipchamp.com/en/blog/make-facebook-video-ads/ 

การยิงแอด Facebook

ข้อดีของการซื้อโฆษณาบน Facebook คือ คุณสามารถเลือกรูปแบบโฆษณาได้หลากหลาย และเช็กประสิทธิภาพของโฆษณาแต่ละตัวได้ตลอดผ่าน Ads Manager และยังสามารถกำหนดปริมาณการใช้งบโฆษณาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอน Create Campaign ได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี สำหรับการทำ Performance Marketing แนะนำให้เลือกใช้งานโฆษณาแบบ Lead Generation เพราะจะสามารถเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างละเอียด

Affiliate Marketing

ที่มา: https://affise.com/blog/affiliate-program-management/ 

การใช้ Affiliate Marketing

Affiliate Marketing คือ การโปรโมทสินค้าและบริการผ่านช่องทางของบุคคลอื่น ซึ่งมักจะเป็น Influencer โดยจ่ายค่า Commission ที่ได้จากการขายสินค้าเป็นค่าตอบแทน ดังจะเห็นได้จาก โพสต์แนะนำสินค้าของ Influencer ตาม Facebook Fanpage และ Twitter ที่จะแนบลิงก์สำหรับซื้อสินค้าไว้ใต้โพสต์นั้น ๆ ด้วย และลิงก์เหล่านั้นเอง ที่ทำให้เราสามารถนำมาวัดผลทางการตลาดได้ ว่ามีคนสั่งซื้อสินค้าผ่านลิงก์นั้นทั้งหมดกี่คน 

ประโยชน์ของ Performance Marketing 

Performance Marketing เปลี่ยนแปลงโลกการตลาดไปแบบพลิกฝ่ามือ และสร้างคุณูปการมากมายต่อธุรกิจที่เชื่อมั่นในกลยุทธ์นี้ และนี่คือประโยชน์ที่คุณจะได้รับเมื่อตัดสินใจทำ Performance Marketing 

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการวางกลยุทธ์สำหรับเพิ่มยอดขายในอนาคต
  • มองเห็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจ ที่ก่อนหน้านี้อาจไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน
  • บริหารงบประมาณอย่างคุ้มค่า เพิ่มผลกำไรสุทธิให้มากขึ้น
  • เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละกลุ่มมากขึ้น
  • เข้าใจสถานการณ์ของธุรกิจ และมองเห็นหนทางพิชิตคู่แข่งทางการตลาดได้

วางแผน Performance Marketing ใน 5 ขั้นตอน

เมื่อทราบแล้วว่า Performance Marketing มีประโยชน์อย่างไร หากคุณอยากเริ่มต้นทำการตลาดด้วยกลยุทธ์นี้ นี่คือ 5 ขั้นตอนที่คุณต้องเรียนรู้!

วางแผน Performance Marketing

ที่มา: https://www.linkedin.com/pulse/building-components-comprehensive-digital-marketing-strategy-business-?trk=organization_guest_main-feed-card_feed-article-content 

1. กำหนดเป้าหมายของการโฆษณา

ก่อนจะเริ่มต้นกระบวนการ คุณควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าจะสร้างโฆษณาเพื่ออะไร เช่น เพิ่มยอดขาย (ให้คนมองเห็นโฆษณาแล้วสั่งซื้อสินค้า) เพิ่ม Conversion (ให้คนมองเห็นโฆษณาแล้วกดสั่งซื้อสินค้า หรือกดลงทะเบียนสมัครสมาชิก ฯลฯ) หรือ คาดหวังเพียงจะเพิ่ม Engagement ให้กับทุกช่องทางออนไลน์ เป็นต้น

2. ระบุกลุ่มเป้าหมาย

คุณจำเป็นต้องตอบคำถามให้ได้ว่า “โฆษณาชิ้นนี้ทำเพื่อใคร” เพื่อการตั้งกลุ่มเป้าหมาย (Audience) ที่มีประสิทธิภาพในขั้นตอนของการสร้างโฆษณา 

>> ศึกษาเรื่องการค้นหากลุ่มเป้าหมาย อ่านเพิ่มเติมได้ที่: มัดรวม 7 วิธีค้นหา Target Audience ที่สร้างยอดขายได้ทะลุเป้า!

3. เลือกช่องทางโฆษณา

ช่องทางที่ใช้ในการโฆษณา เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ชี้วัดว่า การทำ Performance Marketing ของคุณจะได้ผลดีหรือไม่ ทั้งนี้ แนะนำให้เลือกช่องทางที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย และสามารถวัดผลได้ชัดเจน

4. เตรียมชิ้นงานโฆษณา

เช่นเดียวกับการทำโฆษณาด้วยกลยุทธ์อื่น ๆ คุณจะต้องเตรียมชิ้นงานที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและแพลตฟอร์มที่คุณเลือกใช้ โดยศึกษาทั้งเรื่อง Size ขนาดตัวอักษรที่เหมาะสม รวมถึงภาพและคำต้องห้าม ที่ละเมิดกฎชุมชนของแต่ละแพลตฟอร์ม

5. ประเมินประสิทธิภาพและพัฒนาให้ดีขึ้น!

หัวใจสำคัญของการทำ Performance Marketing คือ การวัดประสิทธิภาพของโฆษณาจาก Metrics ต่าง ๆ ของแต่ละแพลตฟอร์ม ตัวอย่างเช่น ราคาต้นทุนต่อคลิก (Cost per Click: CPC), Engagement Rate, Cost per Result หรือ Cost per Reach เป็นต้น เพื่อพัฒนาคุณภาพโฆษณาให้ดีขึ้น

เริ่มทำ Performance Marketing ได้เลยวันนี้!

คุณเองก็เริ่มวางแผนทำ Performance Marketing ให้กับธุรกิจของตัวเองได้! เพียงทำการตลาดโดยมีเป้าหมายและกระบวนการที่แน่ชัด พร้อมทั้งศึกษากลุ่มเป้าหมายและคู่แข่งมาเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การทำ Performance Marketing จะไร้ความหมาย หากขาดการวางแผนงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ และพึงระลึกไว้เสมอว่า การใช้งบโฆษณาที่มากเกินไป อาจมีผลต่อกำไรโดยรวมของธุรกิจได้

อ้างอิง

Simplilearn. What is Performance Marketing: How it Works, Channels, and Benefits

Available from: https://www.simplilearn.com/what-is-performance-marketing-article 

tinuiti. What is Performance Marketing?

Available from: https://tinuiti.com/blog/ecommerce/performance-marketing/

 

ไอคอนแจ้งเตือน บนแอป Social Media ต่าง ๆ
Marketing Psychology
ไอคอนแจ้งเตือน วงกลมสีแดงที่ทรงพลังในการกระตุ้นการมีส่วนร่วม!

จุดสีแดงเล็ก ๆ บนแอป ไม่ได้ทำหน้าที่แค่แจ้งข่าวสารให้คุณทราบ แต่ยังสร้างผลกระทบทางจิตวิทยา ที่ช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมได้อย่างดีเยี่ยม มาเจาะลึกเบื้องหลังของไอคอนแจ้งเตือนไปพร้อมกัน! เคยมั้ย? เวลาเห็นตัวเลขแจ้งเตือนบนมุมขวาของแอป ต้องรีบกดเข้าไปดู ไม่ว่าจะเข้าไปเช็กรายละเอียด หรือแค่กดเพื่อให้จุดสีแดงนั้นหายไปก็ตาม…

Pop-up Advertising สามารถเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นลูกค้าได้
Marketing
โฆษณา Pop-ups กลยุทธ์เด็ดในการสร้าง Conversion บนเว็บไซต์

Pop-ups Ads บนเว็บไซต์ เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้มาอย่างช้านาน เพราะช่วยส่งเสริมการขายได้อย่างดีเยี่ยม แต่จะเป็นอย่างนั้นต่อเมื่อคุณใช้มันอย่างถูกวิธี และแสดงผลในเวลาที่เหมาะสม ถ้าพูดถึงกลยุทธ์เพื่อสร้างยอดขายและการมีส่วนร่วมบนเว็บไซต์ ปัจจุบันก็มีให้เลือกใช้หลากหลายวิธี เช่น การทำ SEO…

IKEA Effect อคติทางความคิดที่ผู้บริโภคให้คุณค่ากับสิ่งลงมือทำด้วยตัวเอง
Marketing
ส่องกรณีศึกษาจาก IKEA Effect เทคนิคเพิ่มคุณค่าให้สินค้าแบบเท่าตัว!

เคยรู้สึกไหมว่าอะไรที่ลงมือทำด้วยตัวเอง ต้องใช้แรงกายมากมายกว่าจะสร้างสรรค์มันออกมาได้ จะยิ่งรู้สึกคุ้มค่าที่ทำลงไป และภูมิใจในตัวเองมาก ๆ สิ่งนี้เรียกว่า IKEA Effect ที่มีที่มาจากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านสัญชาติสวีเดน หลายคนอาจจะรู้จักในฐานะสินค้าสไตล์มินิมอล แต่รู้ไหมว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวของอิเกีย ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของนักการตลาดอย่างมาก…