Aggressive Marketing

แต่ละธุรกิจย่อมมีวิธีการหาลูกค้าที่แตกต่างกัน บ้างก็ใช้วิธียิงโฆษณาแบบ Lead Generation ติดโปสเตอร์ ทำคลิป หรือติดต่อผ่าน Connection ที่รู้จักกัน แต่สิ่งที่เจ้าของธุรกิจทุกคนควรรู้ไว้ คือเทคนิคการหาลูกค้าในสมัยนี้จะเน้น ‘เชิงรุก’ มากกว่า ‘เชิงรับ’ และหนึ่งในเทคนิคเหล่านั้น ก็คือการใช้กลยุทธ์แบบ Aggressive Marketing หรือการตลาดเชิงรุกนั่นเอง รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันเลยค่ะ

>> อ่านเพิ่มเติม: 5 วิธีหาลูกค้าจาก Facebook ที่ทุกธุรกิจควรรู้ (อัปเดต 2024)

Aggressive Marketing คืออะไร

Cold Call Aggressive Marketing

ที่มา: https://2bcompany.com.br/diferencas-entre-telemarketing-e-inside-sales/

Aggressive Marketing หรือ การตลาดเชิงรุก คือ การทำการตลาดแบบเน้นสื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับผู้บริโภค เข้าหาผู้บริโภคก่อน เพื่อดึงดูดให้พวกเขาสนใจในตัวแบรนด์ ด้วยการมอบข้อเสนอที่ทรงพลัง กลยุทธ์การตลาดประเภทนี้ เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายภายในระยะเวลาอันสั้น หรือแบรนด์ที่อยู่ภายใต้ตลาดที่ต้องแข่งขันกันสูง

Aggressive Marketing มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘การตลาดเชิงรุก’ อย่างจริงจังเป็นครั้งแรก แต่อันที่จริงแล้วนี่คือเทคนิคที่ใช้กันมาช้านาน และถือเป็นวิธีการแรก ๆ ที่นักขายจะนึกถึง อาทิ การยืนแจกใบปลิวตามบูธ การเสนอขายเครื่องกรองน้ำตามบ้าน หรือแม้แต่การโทรศัพท์เสนอขายโปรโมชันต่าง ๆ เป็นต้น อย่างไรก็ดี เราสามารถจัดกลุ่มการตลาดเชิงรุกออกได้กว้าง ๆ 4 กลุ่มดังนี้

1. การเสนอขายทางโทรศัพท์

การเสนอขายสินค้า/บริการทางโทรศัพท์ หรือที่ในวงการเซลส์รู้จักกันดีในนาม Cold Call มักใช้กับการทำธุรกิจแบบ B2B เพราะเบอร์ที่ต้องติดต่อเสนอขายมักเป็นเบอร์กลางขององค์กรต่าง ๆ

2. Email Marketing

การทำ Aggressive Marketing ที่ง่ายที่สุดก็คือการส่งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า/บริการ โปรโมชัน และงานอีเวนต์สำคัญต่าง ๆ ไปหาลูกค้าเป้าหมายผ่านอีเมล ซึ่งมักจะพบในธุรกิจแบบ B2B เช่นกัน

3. การเข้าหาลูกค้าแบบตัวต่อตัวผ่านตัวแทนขาย

วิธีนี้หลาย ๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดี เช่น การที่เซลส์ยืนแจกใบผลิวในห้างสรรพสินค้า การออกร้าน หรือการให้คำแนะนำตามบูธต่าง ๆ ข้อดีคือสามารถพูดคุยกับลูกค้าแบบเห็นหน้าได้ แต่ข้อเสียก็คือเสี่ยงต่อการเกิดความรู้สึกในแง่ลบ

4. การทำ Aggressive Marketing บนออนไลน์

คุณสามารถทำการตลาดเชิงรุกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ เพียงยิงโฆษณาโดยตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับความต้องการ

Aggressive Marketing มีข้อดี – ข้อเสีย อย่างไร

Aggressive Marketing Benefits

ที่มา: https://www.marketexpress.in/2022/11/aggressive-vs-discrete-marketing-best-for-generation-z.html

ข้อดี

  • เพิ่ม Brand Awareness: การใช้ Aggressive Marketing ช่วยให้แบรนด์มีการปรากฏตัวที่แข็งแกร่งในตลาด ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงแบรนด์และผลิตภัณฑ์ได้เร็วขึ้นและชัดเจนยิ่งขึ้น
  • เร่งกระบวนการตัดสินใจซื้อ: กลยุทธ์นี้มักมีการนำเสนอข้อเสนอพิเศษหรือแคมเปญที่ดึงดูดใจซึ่งทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
  • ขยายส่วนแบ่งตลาด: Aggressive Marketing ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ และขยายฐานลูกค้าได้เร็วกว่าวิธีการปกติ
  • เพิ่มยอดขายระยะสั้น: ด้วยการส่งเสริมการขายที่ทรงพลังและการเสนอข้อเสนอพิเศษ ยอดขายมักจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น ๆ
  • สร้างเอกลักษณ์แบรนด์ที่เด่นชัด: การใช้กลยุทธ์ที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาช่วยให้แบรนด์สร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและจดจำได้ง่ายในตลาด

ข้อเสีย

  • อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์แบรนด์ในระยะยาว: หากใช้ Aggressive Marketing บ่อยเกินไป อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าถูกครอบงำและไม่พึงพอใจ ซึ่งสามารถทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาว
  • ความรู้สึกลบจากลูกค้า: การโฆษณาที่หนักหน่วงหรือข้อความที่ดูบีบบังคับอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกถูกทำร้ายจากการขายหนัก ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การตอบสนองที่เป็นลบจากลูกค้า
  • เพิ่มความเสี่ยงในการเผชิญคดีกฎหมาย: การตลาดแบบ Aggressive Marketing โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับการอ้างอิงคู่แข่ง อาจนำไปสู่การดำเนินคดีทางกฎหมายจากคู่แข่งหรือผู้บริโภค

Aggressive Marketing เหมาะกับลูกค้าแบบไหน

แน่นอนว่า Aggressive Marketing คือกลยุทธ์ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้น จึงไม่ได้เหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม และนี่คือตัวอย่างของกลุ่มลูกค้าที่เรามองว่า สามารถเข้าถึงด้วยกลยุทธ์การตลาดเช่นนี้ได้

  • ลูกค้าที่มีความต้องการเร่งด่วน: ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการในเวลาอันรวดเร็ว เช่น สินค้าที่เกี่ยวกับฤดูกาลหรือต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์ปัญหาทันที
  • ลูกค้าที่ชอบแสวงหาข้อเสนอดี ๆ: ลูกค้าที่ต้องการข้อเสนอพิเศษ ส่วนลด หรือโปรโมชั่นที่ดึงดูด เพราะ Aggressive Marketing มักใช้วิธีการลดราคาหรือข้อเสนอพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้า
  • ลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูง: ในตลาดที่มีแบรนด์หลายรายแข่งขันกัน การใช้ Aggressive Marketing อาจช่วยให้แบรนด์สามารถโดดเด่นและเข้าถึงลูกค้าได้ก่อนคู่แข่ง
  • ลูกค้าที่ตอบสนองต่อการกระตุ้นทางอารมณ์: ลูกค้าที่มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อโดยอิงตามอารมณ์หรือแรงกระตุ้นในช่วงเวลานั้น ๆ เป็นลูกค้าที่ตอบสนองต่อการตลาดเชิงรุกได้ดี

แชร์ 4 เทคนิคการใช้ Aggressive Marketing เพื่อเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายให้ได้ผล!

อ่านมาจนถึงตรงนี้ หากผู้ประกอบการท่านใดพิจารณาแล้วว่า สินค้า/บริการของท่านเหมาะแก่การหาลูกค้าด้วย Aggressive Marketing หรือการตลาดเชิงรุก ลองทำตาม 4 เทคนิคเหล่านี้

Aggressive Marketing Tactics

ที่มา: https://fastercapital.com/content/Ultimate-FAQ-Direct-marketing-strategy–What–How–Why–When.html

1. สร้างความสัมพันธ์กับเหล่า Influencer ให้มาก ๆ เข้าไว้

ลอง Research ดูว่า กลุ่มเป้าหมายของคุณมักเสพสื่อจาก Influencer กลุ่มใด แล้วพยายามเข้าไปสร้างความสัมพันธ์ หรือหาโอกาสร่วมงานกับพวกเขาเหล่านั้น เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายจดจำแบรนด์ของคุณได้ และเปิดรับคุณ เมื่อกระบวนการเสนอขายเชิงรุกเริ่มต้นขึ้น

2. จุดความรู้สึกเร่งด่วนให้เกิดขึ้นในใจลูกค้า

แคมเปญการตลาดจำนวนมากมีองค์ประกอบของความกลัว ตัวอย่างเช่น โฆษณาอาจสื่อเป็นนัยว่าคุณจะไม่น่าดึงดูดเท่ากับนางแบบ เว้นแต่คุณจะซื้อโคโลญจน์ที่นางแบบใช้ นอกจากนี้ โฆษณายังอาจเตือนด้วยว่าบ้านของคุณจำเป็นต้องมีระบบรักษาความปลอดภัย เนื่องจากมีการโจรกรรมเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งนี่ก็คือเทคนิคที่ใช้เข้าหาลูกค้าแบบเชิงรุกนั่นเอง

3. พยายามเน้นย้ำเรื่องความรู้สึกมากกว่าเหตุผล

ลูกค้ามักตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อจากความรู้สึก ดังนั้น แทนที่จะมุ่งอธิบายเพียงว่าสินค้า/บริการของคุณมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร แนะนำให้พยายามพุ่งเป้าไปที่เรื่องของอารมณ์เป็นหลัก เช่น การเสนอขายเครื่องซักผ้าที่มีพลังซักดีเยี่ยม ทำให้แม่บ้านเหลือเวลาว่างสำหรับครอบครัวมากขึ้น เป็นต้น

4. สร้างความแตกต่างระหว่างคุณกับคู่แข่งให้ชัดเจน

ลองทำ Competitor Analysis ดูว่า แบรนด์ของคุณและคู่แข่งมีข้อแตกต่างกันในเรื่องใดบ้าง และมีคุณสมบัติใดที่แบรนด์ของคุณทำได้ดีกว่า แล้วนำเรื่องนั้นมาเป็นจุดขาย เปรียบเทียบให้ผู้บริโภคเห็นชัดเจน

สรุป

Aggressive Marketing คือหนึ่งในกลยุทธ์การขายที่มีมาช้านาน แม้จะปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามยุคสมัย แต่ใจความสำคัญก็ยังคงเดิม คือการทำการตลาดเชิงรุก วิ่งเข้าหาลูกค้าก่อน เพื่อสร้างการจดจำและคว้าโอกาสให้ได้ก่อนคู่แข่ง อย่างไรก็ดี หากใช้กลยุทธ์นี้อย่างไม่รู้จังหวะเวลา ก็อาจส่งผลเสียในระยะยาวได้

 

อ้างอิง

business.com. Turn It Up: Aggressive Marketing Strategies for Startups in Any Industry

Available from: https://www.business.com/articles/5-aggressive-marketing-strategies-for-startups-in-any-industry/

LinkedIn. The Power of Aggressive Marketing: Why It Works (Whether We Like It or Not)

Available from: https://www.linkedin.com/pulse/power-aggressive-marketing-why-works-whether-we-like-kaizentechbd-jm7dc

10 body languages for presentation
Marketing Psychology
ลิสต์ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน สำหรับพนักงานมือโปร 

Topic Summary คนทำงานเตรียมแชร์ไว้ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน เพิ่มสกิลการเป็นมือโปร และทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวคุณ! ในบรรดาความรู้เรื่อง Body Language ทั้งหมด ภาษากายที่ใช้ในการพรีเซนต์งาน…

body languages
Marketing Psychology
เช็กก่อนใคร! ตำแหน่งของ Body Language ตัวช่วยอ่านพฤติกรรมคนจากภาษากาย

Topic Summary อยากรู้ไหม? เวลาอ่านใจคนจากภาษากาย ตำแหน่งของ Body Language ส่วนใดบ้างที่คุณต้องดู และแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญอย่างไร ใคร ๆ ก็อยากเชี่ยวชาญการอ่านใจคนด้วยภาษากาย…

what is psychology of pricing
News
เข้าใจจิตวิทยาราคา พร้อมแจกกลยุทธ์การตั้งราคา ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วกว่าที่เคย

เพิ่งเปิดธุรกิจใหม่ ควรตั้งราคาอย่างไรดี Digital Tips แชร์เทคนิคการตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา พร้อมเคลียร์ชัดความหมายของจิตวิทยาราคา อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที! Content Summary  จิตวิทยาราคา คือ การกำหนดราคาสินค้าโดยอ้างอิงจากการรับรู้ทางจิตวิทยา…