คนที่เคยมีโอกาสได้ใช้โปรแกรมแชตบอต AI เช่น ChatGPT รวมทั้งนักการตลาดที่เคยอาศัย AI ช่วยคิดคอนเทนต์ หรือวางแผนทำ Social Media Marketing คงทราบดีว่า Generative AI คืออะไร เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะมีบทบาทมากในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะมีเครื่องมือ Generative ใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ดี หากคุณเป็นมือใหม่ในวงการนี้ และอยากรู้จักกับเจ้า Generative AI ให้มากขึ้น มาติดตามบทความนี้ไปพร้อม ๆ กัน!
>> อ่านเพิ่มเติม: เทรนด์การตลาด 2024 – คืนชีวิตให้ธุรกิจติดลมบน
Generative AI คืออะไร?
Generative AI คือ เครื่องมือที่ทำงานภายใต้ Model AI ขนาดใหญ่แบบพื้นฐาน ถูกคิดค้นมาเพื่อการสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ เช่น ข้อความ รูปภาพ 2 มิติ 3 มิติ เพลง ฯลฯ โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่เคยป้อนไว้ นอกจากนี้ Generative AI ยังสามารถทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกันในคราวเดียวได้ เช่น การตอบข้อสงสัย พร้อม ๆ กับการสรุปหมวดหมู่ของข้อมูล จึงได้รับความนิยมค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในวงการนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ต้องออกแบบโค้ดยาก ๆ และวงการทำการตลาดออนไลน์
Generative AI ต่างกับ AI ทั่วไปอย่างไร?
อันที่จริงแล้ว เราสามารถกล่าวได้ว่า Generative AI คือ Subset ของคำว่า AI ซึ่งเป็นร่มใหญ่ แต่หากคำว่า AI ในที่นี้หมายถึง Traditional AI เราก็พอที่จะอธิบายความแตกต่างของทั้ง 2 คำได้ดังนี้
Generative AI จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ ผ่านโมเดลพื้นฐานหรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโครงข่ายประสาทเทียมที่ถูกฝึกให้วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล เหมาะกับงานให้คำแนะนำ หรืองานเชิงสร้างสรรค์ เช่น งานเขียนคอนเทนต์ งานออกแบบโค้ด งานสร้างภาพกราฟิก ฯลฯ ในขณะที่ Traditional AI ทำได้เพียงทำนายอนาคตโดยอ้างอิงจากข้อมูลเก่าในคลัง ไม่สามารถรังสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเองได้ เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้การจดจำรูปแบบ และหลักตรรกะเหตุผล เช่น AI ในเกมหมากรุก หรือ AI ในโปรแกรมช่วยวินิจฉัยโรค เป็นต้น
Generative AI สามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง? พร้อมตัวอย่างการใช้งาน
ปัจจุบัน Generative AI คือ เครื่องมือที่เข้ามาแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานเกี่ยวกับการตลาดหรืองานเชิงสร้างสรรค์ ดังจะยกตัวอย่างต่อไปนี้
Generative AI ช่วยตอบคำถามที่คุณสงสัย ได้เร็วกว่า Search Engine
ในอดีตการพิมพ์ Keyword หรือประโยคคำถามลงในช่องค้นหาของ Search Engine คือวิธีการหาคำตอบที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด แต่เมื่อมี Generative AI การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ก็ง่ายขึ้น เพียงพิมพ์คำถามที่สงสัย (จะเรียงข้อความเป็นภาษาพูดก็ได้) Model AI ก็จะวิเคราะห์ถ้อยคำเหล่านั้น แล้วตอบคำถามให้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี วงการ Search Engine เองก็กำลังพัฒนาเพื่อรองรับเทคโนโลยีนี้ ดังเช่นการถือกำเนิดของ Google SGE ที่นำเอา Gen AI มาช่วยในการค้นหาข้อมูลบนหน้า Search ด้วย
Generative AI ช่วยให้การทำคอนเทนต์ง่ายขึ้น
บางครั้ง Content Creator ก็ต้องการผู้ช่วยในการแปลภาษา หรือแนะนำถ้อยคำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีความหมายเหมือนกับคำเดิม (Synonym) แต่สละสลวยกว่า ซึ่ง Generative AI คือ เครื่องมือที่สามารถช่วยแบ่งเบาในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี และบ่อยครั้งยังมีส่วนช่วยในการแนะนำไอเดียการเขียนใหม่ ๆ อีกด้วย
ย่นระยะเวลาในการปรับแก้ไขงาน
หลังจากทำงานเสร็จแล้ว บางครั้งอาจมีข้อผิดพลาดที่ผู้สร้างสรรค์งานคิดไม่ถึง เช่น ประโยคที่เขียนผิดแกรมม่า ภาพที่จัดวางคู่สีไม่เข้ากัน หรือคำที่ใช้แล้วชวนให้สับสน ซึ่งเราสามารถใช้ Generative AI ช่วยปรับแก้ไขงานตรงส่วนนี้ได้ในเบื้องต้น ทำให้ลดเวลาที่ใช้ในการทำงานไปได้ค่อนข้างมาก
ช่วยออกแบบภาพกราฟิกดีไซน์ใหม่ ๆ
วงการนักออกแบบในปัจจุบันก็นิยมใช้ Generative AI เช่น Dellgenerator, Midjourney NightCafe หรือ Bard ช่วยออกไอเดียสร้างสรรค์งานกราฟิก โดยป้อน Prompt และ Mood&Tone ตามที่ต้องการ เพื่อให้โปรแกรม Generate ภาพที่ตรงกับความต้องการมาให้ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระวัง คือไม่ควรนำงานที่สร้างโดย AI ไปใช้งานเลยโดยตรง เพราะอาจถูกโจมตีเรื่องการใช้งานเชิงพาณิชย์ได้ ควรนำมาใช้เป็นเพียง Reference เพื่อผลิตชิ้นงานขึ้นใหม่ต่อไป
ช่วยปรับปรุงคุณภาพ Customer Experience
ไม่เพียงการสร้างสรรค์ชิ้นงานใหม่ ๆ ขึ้นมาเท่านั้น แต่ Gen AI ยังสามารถช่วยคุณจำลองสถานการณ์ใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ด้วย โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการปรับปรุง Customer Experience ให้ดีขึ้น คุณสามารถป้อนคำสั่งให้โปรแกรมแชตบอตต่าง ๆ เล่นบทเป็นลูกค้า แล้วสร้างสถานการณ์จำลองถาม – ตอบ เพื่อเช็กว่า ลูกค้ามีโอกาสจะถามคำถามในประเด็นใดบ้างกับแบรนด์ และแบรนด์ควรตอบกลับอย่างไร
สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Generative AI ช่วยเขียนโค้ดได้
หนึ่งในความสามารถที่น่าทึ่งของ Generative AI คือ การช่วยนักพัฒนาเขียนโค้ดสำหรับออกแบบเว็บไซต์ใหม่ ๆ เพียงกรอก Prompt ตามที่ต้องการลงไป อย่างไรก็ดี แนะนำให้ใช้ Gen AI ที่มีโมเดลภาษาฉบับอัปเดต เช่น GPT-4 หรือ Gemini Advance เพราะจะมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลมากกว่า และมีฐานข้อมูลที่ใหม่กว่า
Generative AI คือ เวอร์ชันใหม่ของ Traditional AI ที่ไฉไลกว่าเดิม
Generative AI คือ โปรแกรม AI เวอร์ชันพัฒนามาจาก Traditional AI ที่มุ่งเน้นเพียง “เรียนรู้จากสิ่งเดิม” มาเป็นคลังสมองที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และให้คำแนะนำที่ซับซ้อนแก่มนุษย์ได้ อย่างไรก็ดี ชิ้นงานหรือข้อมูลที่สร้างโดย Generative AI ยังคงจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบซ้ำจากมนุษย์ เพราะยังคงไม่สมบูรณ์แบบ 100% คุณจึงควรตรวจทานข้อมูลทุกครั้ง ก่อนนำไปใช้จริง
ทั้งนี้ อย่างที่เราทราบกันดีว่า ปัจจุบัน Generative AI กลายเป็นหนึ่งในอาวุธชิ้นสำคัญของวงการทำการตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะการทำ Content Marketing หากคุณอยากเรียนรู้วิธีการใช้ Generative AI เพื่อทำการตลาดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าลืมติดตามสารพัดคอร์สเรียนจาก Digital Tips ผ่านทาง Facebook: Digital Tips Acadamy และหน้ารวมคอร์สบนเว็บไซต์นี้ คลิกเลย!
อ้างอิง
Google Cloud. Generate text, images, code, and more with Google Cloud AI
Available from: https://cloud.google.com/use-cases/generative-ai
NVIDIA. What is Generative AI?
Available from: https://www.nvidia.com/en-us/glossary/generative-ai/
Yellow.AI. Leverage the power of Generative AI to drive creativity and innovation
Available from: https://yellow.ai/blog/benefits-of-generative-ai/