ดังที่บุคลากรสายการตลาดทราบกันดีว่า Influencer Marketing คือหนึ่งในเทคนิคการตลาดยอดนิยมแห่งยุค เนื่องจากความนิยมของคอนเทนต์ประเภทคลิปวิดีโอสั้น และวัฒนธรรมการเสพวิถีชีวิตของคนมีชื่อเสียง จึงทำให้ในช่วง 3 – 4 ปีมานี้มีสายงานใหม่ถือกำเนิดขึ้น นั่นคือ KOL Management หรือผู้ประสานงานติดต่อ Influencer หากคุณคือคนที่คลุกคลีอยู่ในสายงานนี้ ลองมาดูไปพร้อม ๆ กันว่ามี KPI อะไรที่สำคัญกับงานของคุณบ้าง!

หน้าที่ของ KOL Management มีอะไรบ้าง

ตำแหน่ง KOL Management แท้จริงแล้วมีหน้าที่ค่อนข้างครอบคลุมเรื่องการประสานงานและดูแล Influencer (หรือที่บางแห่งเรียกรวม ๆ ว่า KOL) ทั้งหมด โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

Influencer Management

ที่มา: https://promoty.io/influencer-management-tool/

  • เลือกบุคคลที่เหมาะสมซึ่งมีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ เพื่อสร้างความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ
  • สร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับ KOL ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
  • ออกแบบและดำเนินการแคมเปญที่ทำงานร่วมกับ KOL เพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์ สร้างการมีส่วนร่วม และขับเคลื่อนยอดขาย
  • ติดตามผลการทำงานของแคมเปญและ KOL เพื่อดูประสิทธิภาพและการปรับปรุงแผนการในอนาคต
  • จัดการงบประมาณสำหรับแคมเปญที่เกี่ยวข้องกับ KOLs รวมถึงการจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่าย
  • ทำงานร่วมกับทีมการตลาด การขาย และประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างข้อความและกลยุทธ์ที่สอดคล้องกัน

KPI ที่จำเป็นต่องาน KOL Management แบ่งได้เป็นกี่หมวด อะไรบ้าง

แน่นอนว่างาน KOL Management ไม่ได้สิ้นสุดแค่การเฟ้นหา Influencer ที่เหมาะสมมาทำคลิปรีวิวสินค้า แต่รวมไปถึงการวัดผลสัมฤทธิ์ของชิ้นงานของ Influencer แต่ละคนด้วย ซึ่งเราสามารถจัดหมวดหมู่ของ KPI ได้หลัก ๆ 5 หมวด ดังนี้

Reach and Impression

ที่มา: https://insights.vaizle.com/reach-vs-impressions-whats-the-difference/

1. Reach and Impression

คือการวัดผลขั้นพื้นฐานว่าคอนเทนต์ที่ Influencer ทำมีจำนวนคนเข้าถึงมากแค่ไหน หรือมีจำนวนครั้งในการเข้าถึงมากเพียงพอหรือไม่ โดยประกอบไปด้วย KPI 2 ตัว ได้แก่

  • Reach: จำนวนบัญชีที่เข้าถึงคอนเทนต์นั้น ๆ
  • Impression: จำนวนครั้งที่มีคนกดดูคอนเทนต์นั้น ๆ

2. Engagement

นอกจากจำนวนของคนที่มองเห็นจะสำคัญแล้ว คุณควรวัดผลว่ามีผู้คนมาแสดงความรู้สึก คอมเมนต์ หรือให้ความสนใจคอนเทนต์เหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน โดยมี KPI ที่อยู่ในหมวดนี้ทั้งสิ้น 2 แบบ ได้แก่

  • Likes (or Love), Comment, Share: บ่งบอกความสนใจที่ผู้คนมีต่อคอนเทนต์นั้น ๆ
  • CTR: ในกรณีที่มีการยิงโฆษณา หรือแม้ไม่ได้ยิงโฆษณา แต่ฝังลิงก์หน้า Landing Page ลงไปใน Caption ด้วย ค่า CTR จะเป็นตัวบ่งบอกว่ามีผู้คนตัดสินใจคลิกลิงก์เหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน

3. Conversion

ข้อนี้จะนำมาเป็น KPI ด้วยหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในสัญญา กล่าวคือ บ่อยครั้งที่การจ้าง Influencer รีวิวสินค้า เป็นไปเพื่อเพิ่ม Brand Awareness เท่านั้น จึงไม่อาจการันตียอดขายหรือ Conversion ได้ กลับกัน หากคุณต้องการให้ชิ้นงานเหล่านั้นสร้าง Conversion และระบุลงไปในสัญญาจ้างอย่างชัดเจนแล้ว มี KPI 2 แบบที่คุณต้องดู ได้แก่

  • Conversion Rate: อัตราของผู้ใช้งานที่กระทำการตามที่คุณต้องการ เช่น คลิกไปที่หน้า Landing Page แล้วหยิบสินค้าลงตะกร้า หรือสั่งซื้อผ่านโฆษณา
  • Attribution: แหล่งที่มาของแต่ละ Conversion

Brand Mention

ที่มา: https://locobuzz.com/blogs/best-brand-mention-tools/

4. Brand Awareness

คุณอาจใช้ Social Listening Tools เพื่อสำรวจข้อมูลเรื่อง Brand Awareness ให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น โดยวัดผลจาก KPI 2 แบบ ได้แก่

  • Brand Mention: จำนวนครั้งที่มีผู้คนกล่าวถึงแบรนด์บน Social Media ต่าง ๆ โดยมีที่มาจากการได้รับชมคอนเทนต์ของ Influencer ที่คุณจ้างมา
  • Sentiment Analysis: การวิเคราะห์ว่าในบรรดาผู้คนที่เอ่ยถึงแบรนด์ของคุณทั้งหมด พวกเขามี Perception หรือมุมมองต่อแบรนด์อย่างไร ในแง่บวก ลบ หรือกลาง ๆ

5. คุณภาพของคอนเทนต์

หนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด ก็คือคุณภาพของคอนเทนต์ โดยคุณสามารถตั้ง KPI เพื่อวัดผลในข้อนี้ได้ จากคุณสมบัติพื้นฐานที่สอดคล้องไปกับบรีฟของคุณ ตัวอย่างเช่น

  • เนื้อหาคอนเทนต์: ต้องเป็นไปตามบรีฟที่กำหนดไว้ ทั้งลักษณะสถานการณ์ การเปลี่ยนฉาก หรือใจความสำคัญในคอนเทนต์
  • Hashtag: มีการติด Hashtag ตามที่แบรนด์กำหนด ไม่ขาด ไม่เกิน
  • ข้อห้าม: อ่านบรีฟอย่างละเอียด และไม่ละเมิดข้อห้ามของแบรนด์

สรุป

การตั้ง KPI สำหรับงาน KOL Management เป็นเรื่องที่ควรทำ และควรกำหนดแนวปฏิบัติให้เป็นระเบียบของบริษัท เพื่อให้ผู้ที่รับหน้าที่ดูแลงานในส่วนนี้จัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถเก็บบันทึกผลลัพธ์ของงาน เพื่อนำไปจัดทำเป็นสรุปในรายงานประจำปีได้ อย่างไรก็ดี คุณอาจเพิ่มเติม KPI ข้ออื่น ๆ ได้ตามความเหมาะสม เช่น ระยะเวลาในการส่งงาน หรือจำนวนครั้งในการแก้ไข (Influencer คนไหนที่มักไม่ต้องแก้ไขงาน หรือแก้ไขในจำนวนที่น้อย อาจพิจารณาจ้างงานบ่อยครั้ง) เป็นต้น

 

อ้างอิง

kolsquare. Key Influencer Marketing KPIs

Available from: https://www.kolsquare.com/en/blog/key-influencer-marketing-kpis

Digital Marketing Institute. 6 Essential KPIs for Your Influencer Marketing Campaign

Available from: https://digitalmarketinginstitute.com/blog/5-essential-kpis-for-your-influencer-marketing-campaign

10 body languages for presentation
Marketing Psychology
ลิสต์ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน สำหรับพนักงานมือโปร 

Topic Summary คนทำงานเตรียมแชร์ไว้ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน เพิ่มสกิลการเป็นมือโปร และทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวคุณ! ในบรรดาความรู้เรื่อง Body Language ทั้งหมด ภาษากายที่ใช้ในการพรีเซนต์งาน…

body languages
Marketing Psychology
เช็กก่อนใคร! ตำแหน่งของ Body Language ตัวช่วยอ่านพฤติกรรมคนจากภาษากาย

Topic Summary อยากรู้ไหม? เวลาอ่านใจคนจากภาษากาย ตำแหน่งของ Body Language ส่วนใดบ้างที่คุณต้องดู และแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญอย่างไร ใคร ๆ ก็อยากเชี่ยวชาญการอ่านใจคนด้วยภาษากาย…

what is psychology of pricing
News
เข้าใจจิตวิทยาราคา พร้อมแจกกลยุทธ์การตั้งราคา ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วกว่าที่เคย

เพิ่งเปิดธุรกิจใหม่ ควรตั้งราคาอย่างไรดี Digital Tips แชร์เทคนิคการตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา พร้อมเคลียร์ชัดความหมายของจิตวิทยาราคา อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที! Content Summary  จิตวิทยาราคา คือ การกำหนดราคาสินค้าโดยอ้างอิงจากการรับรู้ทางจิตวิทยา…