MarTech (Marketing Technology)

MarTech หรือ Marketing Technology เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทุกวันนี้ไม่รู้ไม่ได้แล้ว เพราะนี่คือ เครื่องมือ (Tool) อันทรงพลังที่จะช่วยทำให้กลยุทธ์ทางการตลาดที่วางเอาไว้ มีโอกาสสำเร็จได้ตามที่ธุรกิจต้องการมากขึ้น
ทั้งการเข้าไปนั่งในใจของผู้บริโภค การขยายขีดความสามารถในการทำงาน และการบริหารจัดการธุรกิจ ทั้งหมดนี้สามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือได้ทั้งสิ้น

แต่สำหรับใครที่ยังเป็นมือใหม่ในวงการใช้เทคโนโลยี ไม่แน่ใจว่า MarTech คืออะไร? และ MarTech ที่เห็นว่ามีอยู่มากมายนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง? บทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับโลก MarTech อันแสนกว้างใหญ่กันให้มากขึ้น

MarTech (Marketing Technology) คืออะไร 

Marketing Technology หรือ MarTech คือ การทำ Digital Marketing รูปแบบใหม่ที่มีเทคโนโลยีใด ๆ ก็ตาม เช่น แพลตฟอร์ม ซอฟต์แวร์ โปรแกรม เครื่องมือต่าง ๆ เข้ามาเป็นตัวช่วย หรือเป็นส่วนหนึ่งในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยในการจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การติดตามข้อมูลของลูกค้าหรือข้อมูลของคู่แข่ง ไปจนถึงการปิดการขายได้ 

โดยในปัจจุบันนี้มี MarTech มากมายหลายระบบ (Platform) ให้เลือกใช้งาน เช่น Social Media Monitoring, Email Automation, Ad Fraud Detection, CRM และอื่น ๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า ธุรกิจของคุณต้องการใช้ MarTech Stack หรือเทคโนโลยีการตลาดในสายไหนร่วมกันบ้าง เพื่อเพิ่ม Customer Lifetime Value (CLV) หรือมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า และสร้างระบบอัตโนมัติให้กับการทำงานในแต่ละวันให้มีประสิทธิภาพได้อย่างยั่งยืนต่อไป

MarTech สำคัญต่อนักการตลาดอย่างไร 

การเติบโตของ MarTech ในตลาดมีเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี โดย Marketing Technology Trends 2021 ที่ผ่านมานี้ มีเทคโนโลยีที่เป็นเทรนด์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย เช่น เทรนด์การใช้ VR/AR, การทำ Big Data Platforms,
การใช้ Software as a service หรือระบบ Cloud Service ที่เป็นตัวช่วยให้ Developer สามารถพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้มากมาย, การใช้ Artificial intelligence (AI) ฯลฯ ซึ่งเทรนด์เหล่านี้ก็ยังได้รับความนิยมและถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในวงการนักการตลาด เพราะจะกลายเป็นกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญที่จะทำให้หลายธุรกิจเดินนำหน้าคู่แข่งแบบก้าวใหญ่ ๆ ได้เลยทีเดียว

และในเมื่อเทรนด์การใช้ MarTech ยังคงเดินหน้าพัฒนาต่อไป ความสำคัญของ MarTech Trend ย่อมเติบโตตามไปด้วย และนี่คือ 4 ความสำคัญที่นักการตลาดจะต้องหันมาใช้งาน MarTech กันให้มากขึ้น

1. เป็นตัวช่วยในการรับมือความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค

ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคหลากหลายด้าน ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจึงต้องปรับตัว และหากลยุทธ์ใหม่ในการเข้าถึงผู้บริโภค อ้างอิงจาก MarTech Report 2022 ซึ่งจัดทำโดยเอดีเอ เอเชียแปซิฟิก ที่พูดถึง
เทรนด์การใช้ MarTech ในด้านต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วยเหลือให้ธุรกิจรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น…

  • ผู้บริโภคใช้เงินดิจิทัลเพื่อการสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนมากขึ้น
  • ผู้บริโภคเลือกใช้ Mataverse คือ โลกเสมือนบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม เข้ามาเติมเต็มประสบการณ์ของผู้บริโภค 
  • ผู้บริโภคต้องการประสบการณ์ชอปปิงออนไลน์และโปรโมชันที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น
  • มีการใช้ AI ในบริการขนส่งสินค้าและบริการด้านการเดินทางมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม

จะเห็นว่าเทรนด์เหล่านี้สามารถนำ Martch มาเป็นตัวช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคได้ เช่น การออกแบบและวางกลยุทธ์ Omni Channel, การทำ Data Analytic เพื่อใช้ในการวางกลยุทธ์เชิงลึกที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคบนดิจิทัลแพลตฟอร์มได้มากขึ้น ฯลฯ

ทำความรู้จัก Data Analytic เพิ่มเติม : Data Analytic คืออะไร

2. ช่วยจัดการข้อมูลมหาศาลในโลกยุคดิจิทัล

ในยุคที่มีจำนวนข้อมูลมหาศาล MarTech คือ เครื่องมือสำคัญในการทำการตลาดที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ธุรกิจมีอยู่ เช่น Social Media, เว็บไซต์ ฯลฯ เพื่อให้เข้าใจความต้องการของผู้บริโภค และความต้องการของตลาดได้อย่างทันท่วงที จนนำไปสู่การวางแผนกลยุทธ์ในการสื่อสาร และให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

เช่น การทำ CRM ที่สามารถนำเทคโนโลยี Chatbot เข้ามาใช้ตอบคำถามแทนแอดมิน, การใช้ระบบเชื่อมโยงทุก Social Media Account ให้สามารถบริหารจัดการผ่านระบบเดียว เป็นต้น

3. ช่วยวางกลยุทธ์ Omni Channel

การเข้าถึงผู้บริโภคได้ในหลากหลายช่องทาง จะทำให้แบรนด์ใกล้ชิดกับผู้บริโภคและสามารถเพิ่มยอดขายให้ตัวเองได้มากขึ้น แต่การเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มีทั้งหมดอาจไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องใช้ MarTech
เข้ามาช่วยทั้งการจัดเก็บข้อมูลที่แม่นยำ การจัด Segment ผู้บริโภคให้แคบลง และการทำ Personalization อย่างตรงจุด

4. ช่วยให้การทำงานของนักการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น

MarTech สามารถเข้ามาตอบโจทย์การทำงานด้านการตลาด ช่วยลดงาน Process เดิม ๆ หรือช่วยทำงานที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ในด้านการวางแผนกลยุทธ์ สิ่งสำคัญที่นักการตลาดจำเป็นต้องวิเคราะห์หาเลยก็คือ Customer Journey คืออะไร การทำ SWOT คืออะไร แบบไหนที่จะประสบความสำเร็จ ดังนั้น ธุรกิจจึงต้องทำรีเสิร์ชสำหรับกลุ่มลูกค้า/คู่แข่ง/ตลาด/รวมถึงองค์กรตัวอย่าง ซึ่งในอดีตจำเป็นจะต้องทำการจ้างนัก Research มาทำ หรือลงมือสัมภาษณ์และทำวิจัยกันเอง แต่ปัจจุบันนี้มีเครื่องมือที่สามารถเข้ามาช่วยในการวางแผนการตลาดในหลากหลายมุมมากขึ้น ช่วยวิเคราะห์ให้งานมีน้ำหนักมากพอที่จะนำไปเสนอ และตัดสินใจใช้จริง

ประเภทของ MarTech

ปัจจุบัน Marketing Technology ทั่วโลกมีมากกว่า 8,000 Technologies* จึงมีการจัดประเภทของ MarTech ในหลากหลายรูปแบบ เช่น จัดตามเงื่อนไขการตลาด จัดตาม MarTech Map จัดตามรูปแบบการใช้งาน ฯลฯ

โดยถ้าหากจัดตามแบบ “เงื่อนไขการตลาด” จะสามารถจัดได้ 4 รูปแบบ คือ

1. Management : การจัดการ

เป็นประเภทเครื่องมือ MarTech ที่ช่วยให้องค์กรสามารถดึงเอกสารทางการตลาดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความต้องการทางธุรกิจด้วยการเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับกลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing Strategy) และรักษาความถูกต้องในด้านข้อมูล เครื่องมือที่อยู่ในหมวดหมู่นี้ เช่น Content Management, Vendor Organization, Product Management, Budgeting, Talent Management ฯลฯ

2. Social Optimization :  การเพิ่มประสิทธิภาพทางสังคม

เป็นประเภทเครื่องมือ MarTech ที่ใช้ในการจัดระเบียบและการวัดผลของกลยุทธ์ของโซเชียลมีเดีย การทำ CRM และอาจรวมถึงการจัดการอินฟลูเอนเซอร์ เครื่องมือที่อยู่ในหมวดหมู่นี้ เช่น Influencer Management, User-Generated Content (UGC), Customer Relationship Management (CRM) ฯลฯ

3. Campaign Reach : การเข้าถึงแคมเปญ

เป็นประเภทเครื่องมือ MarTech ที่ช่วยให้การดำเนินแคมเปญของแบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น เครื่องมือที่อยู่ในหมวดหมู่นี้ เช่น Brand Campaign , Business-to-business (B2B), Business-to-consumer (B2C) ฯลฯ

4. Insight Generation : การสร้างข้อมูลเชิงลึก

เป็นประเภทเครื่องมือ MarTech ที่ช่วยให้เข้าใจประสิทธิภาพของแคมเปญ การตลาดด้านเนื้อหา
และโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือที่อยู่ในหมวดหมู่นี้ เช่น Campaign, Content Marketing, Social Media Performance, Email Marketing ฯลฯ

MarTech

หรือถ้ายึดตาม MarTech Map แล้วจัดเป็นประเภทของ MarTech จะสามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้

1. Advertising & Promotion

Advertising & Promotion

Advertising & Promotion เป็น MarTech ที่ใช้เพื่อการโฆษณาและการโปรโมต เช่น

  • Display & Programmatic Advertising: เป็นการนำแบนเนอร์ไปติดไว้ในเว็บไซต์ต่าง ๆ หลังจากนั้นก็ใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์ดูความสอดคล้องของ Ad กับตำแหน่งที่ไปลงแบนเนอร์ได้ เช่น Apple
  • Mobile Marketing: เป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อแพลตฟอร์มโมบายโดยเฉพาะ เช่น Canva
  • Native/Content Advertising: เป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อทำโฆษณาทั้งในรูปแบบโฆษณาตรง ๆ และคอนเทนต์ที่เน้นให้ประโยชน์มากกว่าการขาย เช่น ​​Facebook Ads (ตัวจัดการโฆษณา Facebook)
  • PR: การใช้เทคโนโลยีเพื่อการประชาสัมพันธ์ เช่น Meltwater
  • Print: การใช้ซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือในการทำสิ่งพิมพ์โฆษณา เช่น Marketinginflection
  • Search & Social Advertising: เป็นการใช้เทคโนโลยีในด้านการทำโฆษณาบนช่องทางเสิร์ช
    และโซเชียลฯ (Google, Facebook, Twitter, LinkedIn, Pinterest) เช่น Google Search
  • Video Advertising: เครื่องมือในการทำวิดีโอหรือนำเสนอวิดีโอเพื่อการโฆษณา เช่น Observepoint

2. Content & Experience

Content & Experience

Content & Experience เป็น MarTech ที่ใช้ในการสร้างคอนเทนต์และมอบประสบการณ์ดิจิทัลให้กับผู้บริโภค เช่น

  • Content Marketing: เป็น MarTech ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคอนเทนต์ทุกชนิด เช่น เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ เครื่องมือสร้างมีเดีย เครื่องมือหาไอเดียคอนเทนต์ เครื่องมือเช็กการสะกดคำ เช่น Grammarly
  • CMS & Web Experience Management: เครื่องมือสร้างเว็บไซต์โดยเฉพาะ เพื่อการเผยแพร่
    คอนเทนต์และมีเดียต่าง ๆ เช่น wordpress.org
  • DAM & MRM & PIM: เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกลยุทธ์การทำ Go-To-Market เช่น istockphoto.com
  • Email Marketing: เป็น MarTech ที่ใช้ในการดูแลและจัดการอีเมลโดยเฉพาะ เช่น MailChimp
  • Interactive Content: เครื่องมือที่ช่วยสร้าง Rich & Interactive Content เช่น Surveymonkey
  • Marketing Automation & Campaign/Lead Management: เป็นการใช้เครื่องมือเพื่อการวางระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยจัดการรวบรวมข้อมูลลูกค้าไว้ในที่เดียว และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ เช่น Hubspot
  • Mobile Apps: เทคโนโลยีด้านการสร้างคอนเทนต์ หรือจัดการระบบการทำ Mobile Apps ให้มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย เช่น Google Play
  • Optimization Personalization & Testing: เทคโนโลยีที่ช่วยในการปรับปรุง พัฒนา และทดสอบในระดับบุคคล เช่น Google Optimize Tool 
  • SEO: เทคโนโลยีที่ช่วยในการทำ Search Engine Optimization บน Search Engine ทั้งการหา Keyword เช็กอันดับ และการปรับปรุงต่าง ๆ เพื่อทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ เช่น Ahrefs
  • Video Marketing: เทคโนโลยีที่ช่วยในการทำวิดีโอเพื่อการตลาด โดยเป็นทั้งเครื่องมือช่วยตัดต่อและเป็นช่องทางในการเผยแพร่ได้ด้วย เช่น Vimeo

3. Social & Relationships

Social & Relationships

Social & Relationships เป็น MarTech ที่ใช้ในการสานสัมพันธ์กับบุคคล เช่น

  • ABM: เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการทำการตลาดรูปแบบหนึ่งที่โฟกัสลูกค้าเป็นราย Account เช่น Eventbrite
  • Call Analytics & Management: เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยวิเคราะห์ ประเมิน จัดการด้านการโทร
    ให้สามารถเชื่อมต่อข้อมูลกันทั้งองค์กร เช่น Aircall
  • Customer Experience Service & Success: เครื่องมือที่จะมาช่วยบริหารจัดการประสบการณ์ลูกค้า เช่น Intercom
  • Influencers: เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์และติดตามการใช้ Influencer ในแคมเปญต่าง ๆ เช่น Klear
  • CRM: CRM คือ เครื่องมือที่ใช้ในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ทำให้สามารถแยกความต้องการของลูกค้า ประเภทของลูกค้า โดยจำแนกได้ว่า ลูกค้า B2B คือใคร B2C คือใคร มีการติดต่อเข้ามาในแต่ละช่องทางด้วยเรื่องอะไร จะดูแลต่อไปอย่างไร แน่นอนว่า เครื่องมือนี้จะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้ เช่น Pipedrive
  • Advocacy Loyalty & Referrals: เครื่องมือที่ช่วยในการสร้างลูกค้าที่ช่วยโปรโมตแบรนด์และช่วยให้ลูกค้าอยากแนะนำแบรนด์ต่อ เช่น Sendoso
  • Community & Review: MarTech ที่ช่วยในการรับฟังเสียงของลูกค้า ทำให้แบรนด์เข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น เช่น Trustpilot
  • Event , Meeting & Webinars: ตัวช่วยในการจัดประชุม สัมมนา และการทำอีเวนต์ออนไลน์ เช่น Zoom Video
  • Social Media Marketing & Monitoring: เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทำ Social Listening เช่น Hootsuite
  • Live Chat & Chatbots: MarTech ที่ช่วยในการดูแลลูกค้าในช่องทางของการ LIVE และการแช็ต เช่น LiveChat

4. Commerce & Sales

Commerce & Sales

Commerce & Sales เป็น MarTech ที่ใช้ในการทำงานด้านการค้าขายและการทำ E-commerce เช่น

  • Retail, Proximity & IOT: เป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้ร่วมกับ Mobile App เพื่อเชื่อมต่อกับ Location Service หรือเชื่อมต่อกับ IoT Hardware ต่าง ๆ เช่น Crowdin
  • Affiliate Marketing & Management: เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการทำการตลาดออนไลน์ที่ได้รับค่า Commission ให้กับของบุคคลหรือบริษัทอื่น ๆ เช่น Evoleads
  • Sales Automation Enablement & Intelligence: เทคโนโลยีที่ช่วยการจัดการ Workflow และ Funnel ต่าง ๆ และยังช่วยสนับสนุนไปจนถึงการขายด้วย เช่น Outreach
  • eCommerce Marketing: เป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ช่วยดูแลการขายสินค้าและการบริการบน eCommerce Platform เช่น Cabinetm
  • Channel Partner & Local Marketing: เครื่องมือที่ช่วยบริหารและจัดการช่องทางของพาร์ทเนอร์และการทำการตลาดแบบพื้นที่ เช่น Partnerstack

5. Data

Analytic Software

Data เป็น MarTech ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยมีการนำเสนอออกมาเป็นชุดข้อมูลที่เห็นเป็นภาพรวมมากขึ้น เช่น 

  • Marketing Analytics Performance & Attribution: เครื่องมือที่ช่วยในการวัด Performance ของธุรกิจ คู่แข่ง และการติดตามการทำการตลาดจากช่องทางต่าง ๆ เช่น Google Search Console
  • Audience/Marketing Data & Data Enhancement: ตัวช่วยวิเคราะห์ข้อมูลคู่แข่ง กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ และการทำข้อมูลเพื่อการนำเสนอในเชิงธุรกิจ เช่น SimilarWeb
  • Ipaas Cloud/Data Integration & Tag Management: ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการ Integration ระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เช่น Google Tag Manager
  • Business/Customer Intelligence & Data Science: เทคโนโลยีด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยวัดประสิทธิภาพเชิงปริมาณทางการทำธุรกิจและการตลาด เช่น Clearbit
  • DMP: เครื่องมือที่ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลและบริหารข้อมูลทั้ง 1st Party, 2nd Party และ 3rd Party Data เข้าด้วยกัน เช่น Amazon RedShift
  • Dashboards & Data Visualization: เครื่องมือที่ช่วยในการนำเสนอข้อมูล เช่น Tableau Software
  • Governance Compliance and Privacy: เครื่องมือที่ช่วยจัดการข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลปลอดภัย เช่น OneTrust
  • Mobile & Web Analytics: เครื่องมือช่วยวิเคราะห์การใช้งานบนมือถือและเว็บไซต์ เพื่อผลลัพธ์ด้านการตลาด เช่น Google Analytics
  • Customer Data Platform: โปรแกรมในการเก็บข้อมูลของลูกค้า เพื่อใช้รวบรวมข้อมูลลูกค้าและจัดกลุ่มข้อมูลเข้าด้วยกันเป็นโปรไฟล์ลูกค้าที่ใช้งานง่าย เช่น mParticle

6. Management 

Management MarTech

Management  เป็น MarTech ที่ใช้ยกระดับหรือขยายประสิทธิภาพในด้านการทำงานให้มากขึ้น เช่น 

  • Agile & Lean Management: เครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานในรูปแบบ Agile และ Lean ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น Process Street
  • Collaboration: เทคโนโลยีที่ทำให้การทำงานระหว่างทีมงานสามารถพูดคุยและเชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น เช่น Slack
  • Talent Management: เทคโนโลยีที่ช่วยเฟ้นหาบุคคลที่มีความสามารถพิเศษ มีผลการปฏิบัติงานสูงในปัจจุบันและมีศักยภาพในการทำงานสูง เช่น Workday
  • Budgeting & Finance: MarTech ที่ช่วยบริหารและจัดการงบประมาณและการเงิน เช่น Plannuh
  • Project & Workflow: เครื่องมือที่ช่วยในการจัดการงานทั้งตามงาน สร้าง Task ไปจนถึงดูภาพรวมของงาน เช่น Asana
  • Product Management: เครื่องมือที่ใช้เพื่อวางกลยุทธ์สำหรับผลิตภัณฑ์ขององค์กร เช่น Jira
  • Vendor Analysis & Management: ตัวช่วยบริหารและวิเคราะห์บุคคลหรือองค์กรที่ขายสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภค เช่น G2 Crowd

MarTech Stack คืออะไร 

เราทราบกันไปแล้วว่า MarTech เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เกิดกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยในการทำตลาด การขาย การบริหารจัดการ รวมถึงช่วยทำให้เข้าใจผู้บริโภคจนสามารถวางกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ Marketing Funnel ได้อย่างตรงจุด และเพื่อให้ธุรกิจสามารถเลือกใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่หลากหลายมาสร้างโครงสร้างข้อมูลด้านการตลาด จึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักคำนี้เพิ่มขึ้น นั่นคือ “MarTech Stack” 

MarTech Stack หรือ Marketing Technology Stack คือ การนำเครื่องมือเทคโนโลยีการตลาดมาประยุกต์ใช้งานร่วมกัน โดยสามารถผสมผสานศาสตร์ด้านต่าง ๆ ทั้งการเขียนโปรแกรม, Frameworks, Libraries, Patterns ฯลฯ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยให้ธุรกิจพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น โดย MarTech Stack มีหัวใจสำคัญอยู่ที่การจัดเก็บและจัดระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Digital Asset Management (DAM) เนื่องจากเป็นซอฟต์แวร์ที่รวมเนื้อหาและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น ไฟล์เอกสาร ไฟล์ วิดีโอ รูปภาพ ฯลฯ เอาไว้ เพื่อความสะดวกในการเรียกใช้งานของคนในทีม

หลังจากทำความเข้าใจเรื่อง MarTech Stack ในเบื้องต้นแล้วมาดูกันต่อดีกว่าว่า จะเลือกใช้ MarTech Stack ได้อย่างไรบ้าง ?

  1. Marketing Metrics: การเลือกประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เป็น MarTech ร่วมกันเพื่อการค้นหา Metrics ด้านการตลาด จะต้องดูจากวัตถุประสงค์ของธุรกิจด้วยว่าต้องการหาผลลัพธ์ของอะไร เช่น Business Model, Type of Brand, Sales Cycle Length ฯลฯ 
  2. Unique Value Proposition: ในอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาเครื่องมือใหม่ ๆ ทุกวัน การเห็น MarTech Stack ใหม่ ๆ อาจทำให้รู้สึกว่า จำเป็นที่จะต้องยกเครื่องเทคโนโลยีที่มีเพื่ออัปเดตสิ่งใหม่ ซึ่งจริง ๆ แล้วอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ธุรกิจควรที่จะรู้ได้ว่า ซอฟต์แวร์และบริการที่มีอยู่ยังใช้การได้หรือไม่ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ นั้นมีสิ่งที่ธุรกิจของคุณยังขาดอยู่หรือเปล่า ถ้าหากเป็นการอัปเดตเล็ก ๆ น้อย ๆ การลงทุนไปกับการทำ HUB เทคโนโลยีใหม่อาจจะไม่คุ้มค่าก็เป็นได้
  3. Capabilities: ธุรกิจควรตรวจสอบเครื่องมือที่มีอยู่ว่าจะใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพได้อย่างไร แทนที่จะออกตามหา MarTech ใหม่ ๆ ที่คิดว่าตอบโจทย์มากกว่า
  4. Customer Journey: หาเครื่องมือที่ตอบโจทย์ในด้านการสร้าง Customer Journey ที่ดีให้กับลูกค้า ตั้งแต่การแบ่ง Segment การกำหนดเป้าหมาย และการค้นพบเส้นทางที่ผู้บริโภคใช้ ไปจนถึงการติดตามและการมีส่วนร่วมกับพฤติกรรมของลูกค้า

ข้อแตกต่างระหว่าง MarTech กับ AdTech

คำว่า MarTech (Marketing Technology) และ AdTech ย่อมาจาก Advertising Technology (เทคโนโลยีทางการโฆษณา) มีความแตกต่างกันตรงที่ MarTech เป็นซอฟต์แวร์ (Software) ที่ใช้เพื่อสร้างดำเนินการ และจัดการแคมเปญตลอดจนการดำเนินงานทางการตลาดอื่น ๆ ยกตัวอย่าง MarTech เช่น ระบบ Customer Relationship Management (CRM), Social Media Management Tools, Email Marketing Solutions ฯลฯ

ส่วน AdTech ใช้เพื่อสร้างผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้ซื้อผ่านข้อเสนอที่โฆษณาเท่านั้น ยกตัวอย่างระบบซื้อโฆษณาออนไลน์แบบ AdTech เช่น Demand Side Platforms (DSPs), Supply Side Platforms (SSPs)

MarTech Tools มีอะไรบ้าง 

1. Google Analytics

MarTech - Google Analytics

GA (Google Analytics) เป็นเครื่องมือที่ทำได้สารพัดอย่างจาก Google ที่ทุกคนที่มีเว็บไซต์และแอปพลิเคชันจะต้องติดตั้งเอาไว้ เพราะสามารถใช้ดูข้อมูลและ Insight ได้หลากหลาย เช่น หน้าเพจไหนคนสนใจเยอะ ดูได้จาก Page View และ Metrics อื่น ๆ, ดูจำนวน User ว่ามายังเว็บไซต์หรือแอปฯ จากช่องทางไหน, ติดตามพฤติกรรมของ User ได้, เจาะลึกลงรายละเอียดกับกลุ่มเป้าหมาย (Audience) ได้, ตั้ง Goal เพื่อบอกเป้าหมายทางการตลาดได้ เป็นต้น

2. Parabola.io

parabola.io คือ เครื่องมือจัดการ Data แบบ Drag and Drop มีการสร้างไลบรารีไว้พร้อมใช้มากมาย และปรับแต่งเองได้ โดยความสามารถหลัก ๆ ของ parabola.io จะมีการ Clean & Process Data, ช่วยสร้าง CRM Workflows ได้, สร้าง Ecommerce Tasks ต่าง ๆ ให้อัตโนมัติ เช่น Email Confirmation, ทำการส่ง Metrics ต่าง ๆ เพื่อทำรีพอร์ตได้, ทำการดึง Facebook Insight ได้ และบริหาร Advertising เช่น ดึง Keyword จาก Adwords ที่ดีออกมาเก็บหรือวิเคราะห์ต่อได้ เป็นต้น

3. Power BI 

Power BI คือ เครื่องมือสร้างแผนภาพข้อมูลที่ใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ด้วยภาพ สามารถนำเสนอข้อมูล ในรูปแบบของ Data Visualization, Report ไปจนถึง Dashboard ได้ อีกทั้งยังทำงานได้กับ Data Source ที่หลากหลาย และสามารถทำงานกับข้อมูลได้สูงสุดถึง 2 พันล้านแถว นอกจากนี้ Power BI ยังมีฟังก์ชันที่ครบครัน เริ่มต้นใช้งานง่าย สามารถลากมาจัดวางได้เลย

4. Google Optimize

Google Optimize คือ เครื่องมือทำ A/B Testing หน้าเพจต่าง ๆ ของเว็บไซต์จาก Google เข้าไปใช้งานได้ฟรี โดยผู้ใช้จะสามารถกำหนดได้ว่า จะทดสอบอะไร เช่น สีของปุ่ม, จะทดสอบกับใคร, เป็นระยะเวลาเท่าไหร่ ซึ่งช่วยให้การทำเว็บไซต์สวยงามและน่าใช้งานมากขึ้น

5. Facebook Business Suite

Facebook Business Suite

Facebook Business Suite คือ เครื่องมือที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถจัดการกับหน้าเพจของตัวเอง ทั้ง Facebook และ Instagram ในที่เดียวได้ โดยเจ้าของบัญชีจะสร้าง กำหนดเวลา และจัดการโพสต์ทั้งบน Facebook และ Instagram ได้ในที่เดียว, สามารถดูข้อความ ความคิดเห็น และกิจกรรมทั้งหมดได้ จึงช่วยทำให้เห็นข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแบบไม่ต้องไปใช้งานเครื่องมือแบบแยกแพลตฟอร์มอีกต่อไป

6. Leadfeeder.com

Leadfeeder.com คือ เว็บแอปพลิเคชันตรวจจับผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ไม่ระบุชื่อ เพื่อเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นลูกค้าเป้าหมาย โดยเครื่องมือนี้จะสามารถบอกได้ว่า ผู้เข้าชมนั้นมาจากหน่วยงานบริษัทหรือองค์กรอะไร ทำให้สามารถค้นหาอีเมลและบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาคนนั้นเจอได้ ทำให้สามารถส่งสิ่งที่พวกเขาสนใจไปยังคอนเทนต์ การทำแอดโฆษณา หรืออีเมลไปหาเขาได้โดยตรง ทำให้มีโอกาสปิดการขายได้มากขึ้นนั่นเอง

7. Post Affiliate Pro

Post Affiliate Pro คือ Affiliate Platform ที่ใช้ในการทำ Affiliate Marketing มีความสามารถจัดการ Campaign ขั้นสูงและสามารถจัดการวิธีการ Tracking ได้หลากหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ขายสินค้าทั่วโลกที่ต้องการทำระบบ Payout และระบบ Tracking ที่สามารถรองรับได้หลายประเทศ

8. Surveymonkey 

Surveymonkey คือ เว็บไซต์สร้างแบบสอบถามออนไลน์ฟรี เป็นตัวช่วยรวบรวมความคิดเห็นได้จากทุกช่องทาง เช่น เว็บลิงก์ อีเมล แช็ตบนมือถือ โซเชียลมีเดีย และอื่น ๆ และแปลงข้อมูลให้ใช้งานง่าย อีกทั้งมีฟีเจอร์ช่วยแก้ไขคำถามหรือเสนอคำถามใหม่ที่เหมาะกับคำตอบของคำถามก่อนหน้าได้ ทำให้การทำแบบสอบถามมีประสิทธิภาพมากขึ้น นักการตลาดก็จะได้ Insight ที่ดี และในฝั่งทีมดูแลลูกค้าก็จะสามารถทำ CRM ได้ง่ายมากขึ้นด้วย

9. Google Search Console 

Google Search Console คือ เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ใช้เพื่อตรวจสอบ ดูแล เว็บไซต์ รวมไปถึงการหาช่องโหว่ในเว็บไซต์ เพื่อทำการแก้ไขให้ Performance ของเว็บไซต์ดีขึ้น เนื่องจาก Google จะเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่าย มีการจัดทำดัชนีบ่อยขึ้น มีการแจ้งเตือนเมื่อ Google พบว่าเว็บไซต์มีปัญหาทำให้แก้ไขได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยัง​​ตรวจสอบข้อมูลของผู้เข้าเว็บไซต์ รวมถึง Keyword ต่าง ๆ ที่ติดอันดับ SEO ได้ด้วย

10. Sprout Social

MarTech - Sprout Social

Sprout Social คือ เครื่องมือวิเคราะห์ Social Media หลายแพลตฟอร์มได้พร้อม ๆ กัน หรือใช้ติดตามผู้มีอิทธิพลในแวดวงธุรกิจที่สนใจในโลกโซเชียลมีเดียได้ นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อสร้างแผนการโพสต์ ตั้งเวลา และโพสต์ข้อความต่าง ๆ โดยที่สามารถเลือก Target ได้ด้วย และสำหรับใครที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์โซเชียลมีเดีย Sprout Social ก็มีฟีเจอร์ที่ช่วยรวบรวมข้อมูล ทำให้วิเคราะห์ข้อมูลออกมาได้ง่ายขึ้นด้วย

สรุปหัวข้อ MarTech Tools 

จะเห็นว่า MarTech เป็นแพลตฟอร์ม ซอฟต์แวร์ โปรแกรม หรือเครื่องมือที่เข้ามาช่วยนักการตลาดให้ทำงานง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และด้วยประเภทของเครื่องมือ MarTech ที่มีอยู่มากมาย นักการตลาดก็ควรที่จะมีความรู้ในการเลือกใช้เครื่องมือเหล่านี้ เพื่อที่จะได้ลงทุนกับ MarTech Tools ที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์กับรูปแบบการทำงานได้มากที่สุดนั่นเอง

 

เอกสารอ้างอิง

[1] Michael Georgiou. (2021). Marketing Tech Trends: What Does 2021 Hold For CMOs?.  [Online].  retrieve from https://www.forbes.com/sites/forbescommunicationscouncil/2021/01/05/marketing-tech-trends-what-does-2021-hold-for-cmos/?sh=1112f34a7fd5

[2] Ada.   (2022).   Leverage marketing technology to drive revenue and customer growth in 2022. [Online].  retrieve from https://ada-asia.com/MarTech-asia-report-2022/

[3] Marketing Technology Landscape 2022: search 9,932 solutions on MarTechmap.com.   (2022).   [Online]. retrieve from https://chiefmartec.com/2022/05/marketing-technology-landscape-2022-search-9932-solutions-on-MarTechmap-com/

3 กรณีศึกษาสำหรับการทำแบรนด์เสื้อผ้า ที่นักธุรกิจหน้าใหม่ต้องรู้
Business | Marketing | SME Inspire
3 กรณีศึกษาสำหรับการทำแบรนด์เสื้อผ้า ที่นักธุรกิจหน้าใหม่ต้องรู้

ใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านแฟชั่น เช่น การทำแบรนด์เสื้อผ้า แบรนด์รองเท้า หรือแบรนด์เครื่องประดับ เพราะนอกจากจะสะท้อนตัวตนของเจ้าของธุรกิจได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังมี Vibe ที่สนุก…

Aggressive Marketing
Marketing | SME Inspire
Aggressive Marketing คืออะไร มีกี่ประเภท เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายใดบ้าง

แต่ละธุรกิจย่อมมีวิธีการหาลูกค้าที่แตกต่างกัน บ้างก็ใช้วิธียิงโฆษณาแบบ Lead Generation ติดโปสเตอร์ ทำคลิป หรือติดต่อผ่าน Connection ที่รู้จักกัน แต่สิ่งที่เจ้าของธุรกิจทุกคนควรรู้ไว้ คือเทคนิคการหาลูกค้าในสมัยนี้จะเน้น ‘เชิงรุก’…

Customer Insight
Marketing | Social Media Strategy
รู้จัก Customer Insight และแชร์เทคนิคการหา Insight ของลูกค้า สำหรับนักการตลาด

ในยุคที่การตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการเข้าใจลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งขึ้น การรู้จักและเข้าใจ Customer Insight จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ ในบทความนี้ Digital Tips จะพาคุณมาทำความรู้จักกับ Customer Insight…