marketing funnel

Marketing Funnel คือ หนึ่งในกระบวนการที่นักการตลาดจำเป็นต้องทำความเข้าใจเส้นทางพฤติกรรมของลูกค้าและในการวางแผนทำการตลาดที่ช่วยให้แบรนด์บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ เพื่อให้รู้ถึง Customer Insights ที่ครอบคลุมตั้งแต่ การดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย การสร้างยอดขาย การเก็บ Leads ไปจนถึงการสร้าง Conversion 

แต่สำหรับนักการตลาดออนไลน์หรือเจ้าของธุรกิจออนไลน์มือใหม่อาจเกิดคำถามว่า แล้วเราจะต้องทำอย่างไร เพื่อพาให้กลุ่มเป้าหมายที่เราอยากได้เขาเป็นลูกค้านั้นเดินทางผ่านแต่ละ Funnel จนมาจบที่การปิดการขายได้ให้มากที่สุด 

ในบทความนี้เราเลยขอมาอธิบายว่าจริง ๆ แล้ว Marketing Funnel คืออะไร ทำไมถึงเป็นกลยุทธ์การตลาดพื้นฐานสำหรับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน พร้อมตัวอย่างให้สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ ไปติดตามกันเลย

Marketing Funnel คืออะไร 

Marketing Funnel คือ กระบวนการที่เป็นกรวยของขั้นตอนวางแผนทำการตลาดที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ตั้งแต่การดึงดูดกลุ่มเป้าหมายตลอดจนสร้างยอดขาย เก็บ Leads หรือ Action อื่น ๆ ที่คุณต้องการให้เกิด Conversion โดย Marketing Funnel แต่ละขั้นตอนจะหน้าที่ในการช่วยดึงดูด โน้มน้าว และทำให้กลุ่มเป้าหมายของคุณเดินทางไปตาม Journey สิ่งที่คุณต้องการได้อย่างเป็นระบบแบบแผน

Marketing Funnel คืออะไร

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : Lead คืออะไร

โดย Marketing Funnel นั้นจะแบ่งออกเป็นขั้นตอนทั้งหมด 6 ขั้นตอนได้แก่ Awareness, Interest , Consideration, Intent, Evaluation และ Purchase/Conversion ที่เราจะอธิบายให้คุณได้เข้าใจการทำงานในหัวข้อถัดไป

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : Customer Journey คืออะไร?

แต่ละขั้นของ Marketing Funnel มีอะไรบ้าง 

อย่างที่เราได้อธิบายไปว่า Marketing Funnel นั้นมีการทำงานอยู่ทั้งหมด 6 ขั้นตอนซึ่งเป็นเหมือนเส้นทาง Journey เปลี่ยนจากคนแปลกหน้าให้กลายเป็นลูกค้า ซึ่งหลักการทำงานของ Marketing Funnel ก็ไม่มีอะไรที่ซับซ้อนเพียงทำให้กลุ่มเป้าหมายเดินเข้ามาในแต่ละ Stage ตั้งแต่การสร้างการรับรู้หรือ Awareness ไปจนถึงการที่พวกเขาเปลี่ยนเป็นลูกค้าและสร้าง Conversion ให้ธุรกิจของคุณในที่สุด

เราลองมาดูกันว่า 6 ขั้นตอนของ Marketing Funnel จะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

 1. Awareness 

ขั้นแรกของการเข้าหาลูกค้าคือการสร้างการรับรู้ให้พวกเขาได้รู้จักธุรกิจของคุณ ซึ่งเทคนิคในการสร้าง Awareness ในยุคปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแต่การทำโฆษณา ยิงแอด Facebook อย่างเดียวต่อไปเพราะคุณต้องทำให้พวกเขายอมเปิดใจในการทำความรู้จักแบรนด์ของคุณให้ได้ ไม่ว่าคุณจะยิงแอดเข้าไปหาโดยตรง หรือนำเสนอคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์และต้องช่วยแก้ปัญหาหรือตอบคำถามในสิ่งที่พวกเขาคาใจอยู่ให้ได้

2. Interest 

หลังจากที่เขาได้รับรู้ถึงแบรนด์ของคุณผ่านการยิงแอดหรือทำคอนเทนต์ไปแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือทำให้พวกเขาเกิดความสนใจและเริ่มอยากติดตามหรือทำความรู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้นกว่าเดิม หากกลุ่มเป้าหมายรู้สึกสนใจแบรนด์ของคุณแล้วจากที่เคยเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการอย่างกว้าง ๆ พวกเขาจะเริ่มเจาะจงรายละเอียดมากขึ้นดังนั้นเทคนิคของ Stage นี้ก็คือการพาแบรนด์ของคุณไปอยู่ในที่ที่ผู้คนมักจะค้นหา เช่น การทำ SEO ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณไปติดอันดับต้น ๆ ของหน้าการค้นหาบน Google ใน Keyword ที่ธุรกิจของคุณต้องการนั่นเอง

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : กลยุทธ์การตลาด คืออะไร ?

 3. Consideration  

หลังจากที่กลุ่มเป้าหมายรู้จักว่าแบรนด์ของคุณคือใคร ทำอะไร และช่วยแก้ปัญหาพวกเขาได้อย่างไรขั้นตอนต่อมาก็คือคุณต้องพยายามโน้มน้าวให้พวกเขาตัดสินใจซื้อและกลายมาเป็นลูกค้าตัวจริงของคุณทันทีซึ่งความยากของขั้นตอนนี้อยู่ตรงที่ในตลาดนั้นมีแบรนด์อีกมากมายที่ทำธุรกิจเดียวกันกับคุณ และแก้ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายได้เหมือนกับคุณด้วย กลุ่มเป้าหมายจะเกิดพฤติกรรมที่ต้องคิด ทบทวน เปรียบเทียบซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนจะตัดสินใจซื้อจริง ๆ ซึ่ง Key หลักของขั้นตอนนี้ก็คือการทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าหันมาเลือกแบรนด์ของคุณด้วยการสร้างจุดเด่นที่ไม่เหมือนกับคู่แข่ง เช่น การอธิบายถึงข้อดีของสินค้าคุณอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาผ่านการทำ Content Marketing หรือการทำ Inbound Marketing ฯลฯ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Inbound Marketing ได้ที่ Inbound Marketing คือ

 4. Intent 

Intent เป็นเรื่องของการสร้างประสบการณ์ในการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของกลุ่มเป้าหมาย ลองคิดเล่น ๆ ว่าหากคุณคือธุรกิจ E-Commerce ที่ขายสินค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ แต่เว็บไซต์ของคุณกลับใช้งานยาก ดีไซน์ไม่สวย ไม่แสดงหน้าราคาที่ชัดเจน รองรับการชำระเงินได้ไม่กี่วิธี ลูกค้าที่กดเข้ามาพวกเขาจะเกิดความรู้สึกอย่างไร? 

แน่นอนว่าพวกเขาก็คงต้องปิดเว็บไซต์ของคุณออกไปเลย หรือถ้าแย่ไปกว่านั้นพวกเขาอาจจะไปเลือกซื้อสินค้ากับธุรกิจคู่แข่งของคุณอีกต่างหาก ดังนั้นขั้นตอนการทำงานของ Intent คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดเมื่อลูกค้าเข้ามาใช้งาน อาจลองปรับเว็บไซต์ให้มีดีไซน์สวยงาม เพิ่มตัวเลือกการชำระเงิน แสดงหน้าราคาและรูปภาพของสินค้าให้ชัดเจน ก็จะทำให้กลุ่มเป้าหมายไม่หล่นหายไปใน Stage นี้และพร้อมที่จะเดินไปสู่การเปลี่ยนเป็นลูกค้าต่อไป

 5. Evaluation

Evaluation หรือก็คือ การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจที่จะเลือกซื้อของจากแบรนด์ของคุณ จริง ๆ ขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน ให้คุณมุ่งเน้นไปที่การทำให้ลูกค้าเห็นภาพให้ได้มากที่สุดว่า เมื่อกลุ่มเป้าหมายใช้งานสินค้าของคุณแล้วพวกเขาจะได้รับอะไรกลับไป อาจจะลองทำเป็น Demonstruction Video หรือวิดีโอสาธิตการใช้งาน หรือคอนเทนต์ที่เป็นการรับรองการใช้งานจากลูกค้าเก่าก็ได้ เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายที่รู้จักแบรนด์ของคุณแล้วแต่กำลังลังเล ไม่มั่นใจในสินค้าให้พวกเขาตัดสินใจว่าในการซื้อสินค้าครั้งนี้ พวกเขาจะเลือกแบรนด์ของคุณแน่นอน

 6. Purchase/Conversion 

Purchase/Conversion คือ ขั้นตอนสุดท้ายของ Marketing Funnel ที่แบรนด์ต่างต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเดินทางมาถึงมากที่สุด ก็คือการสร้าง Conversion หรือปิดดีลเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นลูกค้า นั่นเอง แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ (เพราะลูกค้าเดินทางมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว) แต่จริง ๆ ต้องอาศัยเทคนิคมากมายในการทำให้ลูกค้ายอมควักเงินออกจากกระเป๋าของตัวเองมาให้คุณ โดยอาจหากลยุทธ์ต่าง ๆ มาช่วยให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเช่น การทำโปรโมชัน กลยุทธ์การตั้งราคา การแจกของแถม ไปจนถึงการทำ CRM (Customer Relationship Management) บริการหลังการขายที่ดี ฯลฯ ก็จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายยอมรับในสินค้าของแบรนด์คุณและเปลี่ยนเป็น ‘ลูกค้า’ ที่คุณต้องการมากที่สุด

Marketing Funnel สำคัญต่อการทำการตลาดอย่างไร

การทำ Marketing Funnel ที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่เริ่มต้นสร้างธุรกิจนั้น สามารถช่วยให้การทำการตลาดของคุณประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว โดยเราจะขอยกตัวอย่างความสำคัญของ Marketing Funnel ที่สำคัญต่อธุรกิจของคุณดังนี้

  1. ช่วยให้คุณเลือกกลยุทธ์การตลาดได้อย่างถูกต้อง – เพราะ Marketing Funnel จะช่วยให้คุณเห็นถึงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละ Stage ได้อย่างชัดเจน และทำให้คุณสามารถออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดในแต่ละขั้นตอนได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพจริง
  2. ช่วยในการสร้าง Promotion ให้สินค้า – คุณจะได้รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณต้องการอะไรจากธุรกิจ ทำให้คุณสามารถออกแบบ Promotion ที่ล่อตาล่อใจและตอบโจทย์สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการได้มากกว่า ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการสำรวจความชอบของกลุ่มเป้าหมาย
  3. ช่วยเพิ่มยอดขาย – แน่นอนว่าการทำ Marketing Funnel เป็นการออกแบบกลยุทธ์ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายเดินตาม Journey ที่คุณวางไว้ ซึ่งมีโอกาสทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้มากกว่าการใช้ Marketing Framework ตัวอื่น ๆ 
  4. ปิดดีลได้ง่ายขึ้น – จะทำให้คุณได้รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณมีความต้องการหรือพฤติกรรมแบบไหน และออกแบบขั้นตอนในการปิดดีล สร้าง Conversion ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนั้น ๆ ได้อย่างถูกต้อง
  5. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด – การเข้าใจใน Customer Journey ผ่านการทำ Marketing Funnel นั้นจะช่วยให้คุณดำเนินการทางการตลาดได้โดยอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาได้มากและช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาไปกับคนที่ไม่ใช่
  6. คาดการณ์ยอดขายในอนาคตได้ – ช่วยให้คุณเข้าใจผลลัพธ์ของการทำการตลาดของธุรกิจคุณได้ดีขึ้น เมื่อทราบ Conversion โอกาสในการขายในแต่ละขั้นตอน คุณสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีลูกค้าเป้าหมายกี่รายที่จะกลายเป็นลูกค้าที่ยอมจ่ายเงินในโปรเจกต์ต่อ ๆ ไป
  7. รักษาฐานลูกค้าเก่า – การทำ CRM หรือการบริการหลังการขายในขั้นตอน Purchase/Conversion ช่วยให้คุณรักษาการมีส่วนร่วมของลูกค้าและทำให้พวกเขากลับมาหาธุรกิจของคุณอีกครั้ง ซึ่งการรักษาลูกค้านั้นถูกกว่าการหาลูกค้าใหม่ถึงห้าเท่า

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : CRM คืออะไร

ขั้นตอนการทำ Marketing Funnel

เราลองมาดูขั้นตอนจริงในการทำ Marketing Funnel กันบ้างว่าจะมีขั้นตอนในการทำงานอย่างไร โดยเราจะแยกเป็น 2 ลักษณะธุรกิจได้แก่ ธุรกิจ B2C และ ธุรกิจ B2B ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจจะมีขั้นตอนในการทำงานที่เหมือนกันแต่จะแตกต่างกันแค่รายละเอียดในแต่ละขั้นตอน ซึ่งจะมีด้วยกัน 6 ขั้นตอนดังนี้

  1. รู้จักลูกค้าของคุณ – ทำการดึงข้อมูลจากฐาน Data หรือฐานรายชื่อลูกค้าเดิมของธุรกิจแล้วนำมาวิเคราะห์ว่ากลุ่มธุรกิจที่คุณต้องการให้เป็นลูกค้าของคุณนั้นคือใคร หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นการแยก Persona ออกมาก่อนเพื่อศึกษา Customer Journey ในขั้นตอนต่อไป
  2. เรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า – ศึกษาความต้องการของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งต้องศึกษาให้ลึกไปจนถึงเรื่องของขนาดธุรกิจ กำลังซื้อ รวมถึงใครเป็นผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ
  3. แบ่งแยกการทำงานในแต่ละ Stages – เมื่อรู้จักลูกค้าแล้วก็ลองร่าง Marketing Funnel ออกมาโดยเราแนะนำว่าให้สร้าง Marketing Funnel ตามจำนวน Persona ที่คุณได้แยกไว้
  4. เลือกกลยุทธ์การตลาดที่ได้ผลดีที่สุด – วิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ในการใช้งานกลยุทธ์การตลาดในแต่ละ Stages ของ Marketing Funnel ว่าเมื่อกลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมแบบนี้ เราควรใช้กลยุทธ์การตลาดหรือ Action อะไรในการให้กลุ่มเป้าหมายเดินตามเข้ามายัง Funnel 
  5. ใช้ระบบ CRM ในการทำงาน – เลือกใช้เครื่องมือด้าน CRM เพื่อการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ให้แบรนด์ได้มี Engage กับกลุ่มเป้าหมายตลอดระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ใน Funnel 
  6. ติดตามและวัดผลการทำงานเป็นประจำ – ใช้เครื่องมือในการวัดผลเช่น Google Tag Manager, Google Analytics หรือ Social Listening Tools เพื่อคอยติดตามและวัดผลการทำงานของคุณเป็นประจำ เพราะจะทำให้คุณรู้ได้ว่ามีกลุ่มเป้าหมายหล่นหายไปใน Stages ไหนมากที่สุดและจะได้ปรับปรุงการทำการตลาดใน Stages นั้น ๆ 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : Persona คืออะไร ?

เทคนิคการทำ Marketing Funnel ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

ในส่วนของเทคนิคการทำ Marketing Funnel ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เราแนะนำว่านอกจากเรื่องของการวางกลยุทธ์แล้วการเลือกใช้ ‘เครื่องมือช่วยในการทำการตลาด’ ก็เป็นอีกทางเลือกที่เราอยากแนะนำ โดยเราจะขอมาอธิบาย 2 เทคนิคที่จะเข้ามาช่วยในการทำ Marketing Funnel ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้แก่ การทำ Retargeting และการใช้งานเทคโนโลยี Chatbot 

การทำ Retargeting

การทำ Retargeting คือการเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาก่อนแต่ไม่ได้ Convert มาเป็นลูกค้าตัวจริง ตัวอย่างเช่นมีคนกดเข้าหน้าเว็บไซต์คุณจากการค้นหาบน Google แต่เข้ามาได้แป๊บเดียวก็กลับปิดหน้าเว็บไปไม่ได้มีการกรอกข้อมูลตามที่คุณต้องการ

Marketing Funnel กับการทำ Retargeting

แต่หากคุณติดตั้ง Facebook Pixel ในหน้าเว็บไซต์นั้นคุณก็จะเก็บรายชื่อพวกเขาสำหรับทำ Retargeting ได้คุณก็อาจจะใช้การยิงแอด Facebook แล้วเลือกให้ทำการยิงไปหาคนที่มีการติด Facebook Pixel ตัวนั้นไว้โฆษณาของสินค้าคุณก็จะไปปรากฏอยู่ในหน้า Feed ของคนที่เคยกดเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ

ซึ่งวิธีการทำ Retargeting จะช่วยทำให้คุณได้หลอกหลอนกลุ่มเป้าหมายที่อาจจะไม่ได้สนใจแบรนด์ของคุณแล้ว (หรือเรียกได้ว่าหลุดออกจาก Funnel ไปแล้ว) ให้หันกลับมาสนใจในแบรนด์ของคุณอีกครั้งผ่านการทำโฆษณานั่นเอง

การใช้งานเทคโนโลยี Chatbot 

เทคโนโลยี Chatbot คือเครื่องมือที่เข้ามาช่วยในการทำ Marketing Automation ให้คุณกำหนดและสร้างชุดคำสั่งอย่างเรื่องการถามตอบคำถามที่มักถูกถามบ่อยไว้ได้ นอกจากจะช่วยรักษาความสัมพันธ์ลูกค้าไว้ได้แล้ว ยังช่วยประหยัดงบประมาณในการจ้างคนมาช่วยในการตอบคำถามได้อีกด้วย

Marketing Funnel กับการใช้ chatbot

ซึ่งการใช้ Chatbot มีความสำคัญอย่างมากตรงที่เมื่อกลุ่มเป้าหมายเดินทางมาถึง Stage ของ Evaluation หรือ Decision แล้วและกลุ่มเป้าหมายจะตัดสินใจซื้อและกำลังจะกด Call-to-Action แล้ว แต่ว่าดันเกิดปัญหาขัดข้องขึ้นมาแล้วไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือแก้ไขทันทีก็อาจ Convert มาเป็นลูกค้าไม่ได้ เมื่อกลุ่มเป้าหมายไม่ได้รับการตอบกลับเมื่อแช็ตถามข้อสงสัยกับแบรนด์ และถ้าเป็นแบบนั้นก็มีโอกาสสูงด้วยที่พวกเขาจะเกิดความรู้สึกด้านลบต่อแบรนด์ของคุณและหันไปซื้อสินค้ากับธุรกิจคู่แข่งของคุณแทน

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : Martech คืออะไร ?

ตัวอย่างการทำ Marketing Funnel

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นเราขอยกตัวอย่างการทำ Marketing Funnel ของ Netflix แพลตฟอร์ม Content Streaming อันดับ 1 ของโลกที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 223 ล้านคนทั่วโลก (ข้อมูลปี 2022) มาให้คุณดูกันว่าพวกเขามีวิธีการทำ Marketing Funnel อย่างไรให้ลูกค้าหลงรักในแบรนด์ของพวกเขาได้ขนาดนี้ แอบกระซิบว่ากลยุทธ์ของ Netflix นั้นไม่ต้องลงทุนลงแรงมากแต่กลับได้ผลลัพธ์อย่างมหาศาล

ตัวอย่าง Marketing Funnel ของ Netflix

โดย Netflix เลือกใช้ Keyword ที่สั้นแต่ทรงพลังอย่างคำว่า Watch anywhere. Cancel anytime มาใส่ไว้ในหน้าแรกของเว็บไซต์ ซึ่ง Keyword นั้นมีความหมายในภาษาไทยว่า ดูได้ทุกที่ ยกเลิกได้ทุกเวลา ซึ่งเป็นเหมือนการพูดถึงฟีเจอร์เด่นของตัวเอง (Watch anywhere) อย่างการ Streaming ที่ทำให้คุณสามารถรับชม Content มากมายบนแพลตฟอร์มได้จากทุกที่ทั่วโลก และตบท้ายด้วยคำว่า Cancel anytime ที่เป็นเหมือนการคุ้มครองความเสี่ยงให้ลูกค้าในกรณีที่ใช้งานแล้วไม่ถูกใจก็สามารถ ‘ยกเลิกการใช้งานได้ทุกเวลา’ ซึ่งเป็นเหมือนการทำให้ลูกค้าที่อยู่ใน Stage ของ Decision หรือ Evaluation ได้มั่นใจในการใช้บริการของ Netflix มากขึ้นผ่านการพรีเซนต์จุดเด่นของแพลตฟอร์มและการให้บริการที่ไม่เคยมีแพลตฟอร์ม Content Streaming เจ้าไหนทำมาก่อนในขณะนั้น

ตัวอย่างการำ Marketing Funnel

จากนั้นเมื่อกดเข้ามาในเว็บไซต์หน้า Pricing Page หรือหน้าเช็กราคาเพื่อซื้อแพ็กเกจ Netflix มองขาดแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายเมื่อกดเข้ามายังหน้านี้ จะต้องมีคำถามเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่พวกเขากำลังสงสัยก่อนการชำระเงินแน่นอน Netflix เลยออกแบบเว็บไซต์ในหน้า Pricing Page ให้มีส่วนของ FAQ หรือคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบให้คนที่กดเข้ามาได้อ่านให้หายสงสัยและมั่นใจที่จะชำระเงินเพื่อใช้บริการของ Netflix ต่อไป 

เรียกได้ว่ากลยุทธ์นี้เป็นสิ่งสำคัญในการทำ Marketing Funnel ของขั้นตอนที่กลุ่มเป้าหมายกำลังจะตัดสินใจ ซึ่ง Netflix แก้ปัญหาได้ถูกจุดมาก ๆ คือการทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นถึงข้อดีของแพลตฟอร์มและทำให้พวกเขามั่นใจที่จะเลือกกดชำระเงินเป็นลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์ที่กล่าวไปก็เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่พา Netflix ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Marketing Funnel

ความแตกต่าง Marketing Funnel ระหว่างธุรกิจ B2B กับ B2C 

ความแตกต่าง Marketing Funnel ระหว่างธุรกิจ B2B กับ B2C นั้นมีความแตกต่างกันอยู่ในหลายส่วนของ Marketing Funnel ทั้งพฤติกรรมของลูกค้าไปจนถึงกระบวนการที่จะพากลุ่มเป้าหมายให้ไปสู่ Conversion โดยสำหรับธุรกิจ B2C นั้นลูกค้าจะตัดสินใจซื้อได้ง่าย ดังนั้นโมเดลธุรกิจกับผู้บริโภคจึงมีวงจรการซื้อสั้น จำกัดแค่ชั่วโมงหรือวัน และส่วนใหญ่ลูกค้าของธุรกิจ B2C พวกเขามักจะซื้ออย่างหุนหันพลันแล่น จึงต้องเน้นไปที่การสร้างคอนเทนต์ การยิงแอดเยอะ ๆ ให้กลุ่มเป้าหมายได้เห็นแบรนด์ และค่อยทำการขายจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ของคุณ ถ้าทำทั้งหมดออกมาได้ดีก็สามารถเกิด Conversion ได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาเยอะ

แต่สำหรับธุรกิจ B2B แน่นอนว่าในการตัดสินใจนั้นจะมีผู้มีอำนาจตัดสินใจจำนวนมาก อาจเป็นทั้งแผนกหรือทั้งบริษัท ดังนั้นระยะเวลากว่าที่จะได้มาซึ่ง Conversion มักใช้เวลานานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน เพราะต้องผ่านกระบวนการตัดสินใจขึ้นอยู่กับการคิดอย่างมีเหตุมีผลจากคนหลายคนในบริษัท (แถมสินค้าของธุรกิจ B2B จะมีราคาที่สูงกว่า B2C หลายเท่าตัว) ดังนั้นคุณต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจาก B2C เช่นการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายหรือการทำ CRM ที่มีประสิทธิภาพ เป็นต้น

สรุปเนื้อหาการทำ Marketing Funnel 

Marketing Funnel คือตัวช่วยที่จะทำให้ธุรกิจของคุณตามหาแผนการตลาดที่ดีที่สุด ที่ช่วยพาคุณไปถึงเป้าหมายได้ เพราะการที่คุณออกแบบ Marketing Funnel อย่างเป็นขั้นตอนและถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายกลายเป็นลูกค้าที่พร้อมควักเงินมาให้ธุรกิจของคุณได้ทันที 

และถ้าคุณออกแบบ Marketing Funnel ออกมาได้อย่างดีก็จะช่วยให้ธุรกิจเห็นช่องทางในการพัฒนา สามารถสเกลการเติบโตให้ธุรกิจของคุณได้ เพราะรู้ความชอบและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายรวมถึงรู้วิธีการดึงลูกค้าและปิดการขายได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง

 

อ้างอิงข้อมูล

SendPulse, What is a Marketing Funnel: Guide, September, 02, 2022 https://sendpulse.com/support/glossary/marketing-funnel#What_is_the_difference_between_B2B_and_B2C_marketing 
Matt Ackerson , 17 Best Sales Funnel Examples in 2022 to Convert More Customers, https://www.autogrow.co/best-sales-funnel-examples/ 
Skyword Staff, How the Marketing Funnel Works From Top to Bottom,  October 02, 2020 https://www.skyword.com/contentstandard/how-the-marketing-funnel-works-from-top-to-bottom/ 

คัมภีร์สร้างความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ ฉบับนักธุรกิจใหม่
Business
คัมภีร์สร้างความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ ฉบับนักธุรกิจใหม่

การสร้างความน่าเชื่อถือสำคัญอย่างยิ่งกับธุรกิจออนไลน์ โดยเฉพาะกับธุรกิจที่เพิ่งเปิดใหม่ เนื่องจากปัจจุบันมีคนทำการตลาดออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก และลูกค้าเองไม่สามารถตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของผู้ขายได้ หากไม่ทำให้เชื่อใจ พวกเขาก็จะไปซื้อสินค้ากับธุรกิจคู่แข่ง หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจเปิดใหม่ ที่กำลังหาแนวทางการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ศึกษาได้จากคอนเทนต์นี้   Content Summary…

4 สิ่งที่คุณต้องรู้ ก่อนทำคอนเทนต์ดูดวง เอาใจสายมู
Marketing | News
4 สิ่งที่คุณต้องรู้ ก่อนทำคอนเทนต์ดูดวง เอาใจสายมู

กระแสบน Social Media เกี่ยวกับการดูดวง หมอดู และสายมู แสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์ดูดวง ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคชาวไทยได้มากขนาดไหน จึงไม่แปลกที่หลาย ๆ แบรนด์จะมักจะทำ Seasonal…

คอนเทนต์แบบไหนที่คุณควรทำบนเพจธุรกิจแฟชั่น
Marketing | News
แชร์ 4 รูปแบบคอนเทนต์ ที่คนทำธุรกิจแฟชั่นต้องรู้

สำหรับคนทำธุรกิจแฟชั่น ไม่มีอะไรจะยากไปกว่าการนำเสนอคอนเทนต์ตามเทรนด์ฮิตที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงการต่อสู้กับสงครามราคา ที่มีผู้เข้าแข่งขันเพิ่มขึ้นมากมายจนนับไม่ถ้วน หากคุณเองก็เป็นเจ้าของธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับแฟชั่น ลองมาดูกันว่า ควรทำคอนเทนต์แบบไหน จึงจะซื้อใจผู้บริโภคได้   Content…