สำหรับคำว่า SEM(Search Engine Marketing) หรือ SEO(Search Engine Optimization) นั้นหลายคนในวงการ Digital Marketing คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมานานหลายปีแล้ว เพียงแต่บางครั้งเรายังไม่เคยทำความเข้าใจแบบเต็มร้อยเสียที กับทั้ง 2 คำที่เขียนคล้ายกันขนาดนี้ มีความแตกต่างกันหรือไม่ ทั้งในแง่ของวิธีการกับผลลัพธ์ที่ได้ และแน่นอนบทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักว่า SEM คืออะไร พร้อมข้อมูลที่สำคัญอีกเพียบ
SEM คืออะไร
แน่นอนว่าหากเราพูดถึงกันในแง่ของกลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ SEM คือ หนึ่งในกลยุทธ์ที่ไม่ควรพลาดจะหยิบมาใช้ โดย SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing คือ การทำตลาดออนไลน์ผ่าน Search Engine ซึ่งอาศัยการค้นหาด้วย Keyword ต่างๆ เป็นสำคัญ
Search Engine ทำงานอย่างไร
ที่มา : https://www.broadbandsearch.net/blog/most-popular-internet-search-engine
พื้นฐานการทำงานของ Search Engine นั้นมาจากการที่ตัวระบบจะเริ่มไต่ไปตามลิงก์ต่าง ๆ บนโลกอินเทอร์เน็ต เพื่อเก็บข้อมูลและรวบรวมเอาไว้ใน Server เมื่อมีคนเข้ามาค้นหา ก็จะแสดงผลผ่าน Algorithm หรือตัวช่วยจัดอันดับความเกี่ยวข้องตาม Keyword การค้นหาอีกทีหนึ่ง ซึ่งกลยุทธ์ SEM คือหนึ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ Search Engine เช่นกัน ส่วน Search Engine ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันก็มีดังนี้
- Google ได้รับความนิยมอันดับ 1 ของโลก ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 93.12%
- Bing เครื่องมือการค้นหาประจำระบบ Microsoft ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 2.77%
- YANDEX เครื่องมือการค้นหาของประเทศรัสเซีย ปัจจุบันตีตื้นขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 1.15%
- Yahoo ผู้ให้บริการ Search Engine จากอเมริกา มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 1.11%
- DuckDuckGo เครื่องมือการค้นหาแนวใหม่ ที่มีจุดเด่นคือการไม่ Tracking ข้อมูลใด ๆ ของผู้ใช้งาน ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 0.51%
- Baidu – Search Engine จากประเทศจีน มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 6 อยู่ที่ 0.49%
>> ข้อมูลจาก statcounter (อัปเดต 2023)
รูปแบบการทำ SEM
อันที่จริงแล้วความหมายของ SEM หรือ Search Engine Marketing หมายถึง กลยุทธ์การตลาดที่ทำผ่าน Search Engine ทุก ๆ รูปแบบ จึงทำให้ครอบคลุมทั้งการเสียเงินซื้อโฆษณา และการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อหวังผลลัพธ์แบบ Organic ด้วย SEM จึงแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ PPC และ SEO
1. PPC (Pay Per Click)
ที่มา : https://webuiltyourwebsite.com/our-services/ppc-pay-per-click/
รูปแบบที่ 1 PPC หรือ Pay Per CLick หมายถึง การทำ SEM แบบชำระเงิน ผ่านการซื้อพื้นที่โฆษณาบน SERPs (Search Engine Result Page) ซึ่งสำหรับ Google SEM เอง จะแบ่งการซื้อโฆษณา PPC ออกเป็นหลาย ๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการประมูล (Bidding) Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของตนเอง เพื่อให้คนที่เสิร์ชข้อมูลด้วยคำ ๆ นี้ มองเห็นโฆษณาของแบรนด์ตนเองเป็นอันดับแรก หรือการซื้อพื้นที่แบนเนอร์โฆษณาบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์ของ Google อย่างไรก็ดี PPC ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยให้เว็บไซต์ของเรามียอด Engagement ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หากมีการทำ Keyword Research และวางแผนมาเป็นอย่างดี
>> ปัจจุบัน ผู้คนในแวดวงการตลาดนิยมใช้คำว่า SEM แทนกลยุทธ์แบบ PPC เราจึงมักจะได้ยินคำถามว่า SEM กับ SEO ต่างกันอย่างไร
2. SEO (Search Engine Optimization)
ที่มา: https://www.blastanalytics.com/seo-process
รูปแบบที่ 2 การทำ SEO เป็นกลยุทธ์การตลาดบนแพลตฟอร์มการค้นหาออนไลน์ ผ่านผลการค้นหาแบบทั่วไป โดยเน้นความออร์แกนิกเป็นหลัก ซึ่งการทำ SEO จะเน้นทำ Keyword Research จากนั้นวางแผนลงบทความเพื่อสนับสนุนให้ Algorithm ของ Search Engine แสดงผลลัพธ์เว็บของเราเป็นอันดับต้น ๆ จากความเกี่ยวข้องนั่นเอง ส่วนคำถามที่ว่า SEO SEM ต่างกันอย่างไร…โปรดติดตามข้อมูลฉบับเต็มในหัวข้อถัดไป
SEM แตกต่างจาก SEO อย่างไร
จากที่สัญญากันไว้ในหัวข้อที่แล้วว่าเราจะมาชี้แจงแถลงไขถึงความแตกต่างระหว่าง SEM กับ SEO ว่ามีส่วนไหนบ้างที่ทำให้เราสามารถแยกทั้งสองออกจากกันได้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
- SEM: ดังที่เราได้กล่าวไปในหัวข้อข้างต้นว่า SEM ในที่นี้ หมายถึง PPC ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายจากการซื้อพื้นที่โฆษณา, ระยะเวลาขึ้นอยู่กับการกำหนดแคมเปญ, แสดงผลด้านบนสุด, บริหารจัดการผ่านเครื่องมือหลักของ Search Engine ได้ง่าย และมีความน่าเชื่อถืออย่างมาก เพราะได้ผ่านการอนุมัติจาก Search Engine เช่นกัน
- SEO: ไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องจากเป็นการอัปเดตบทความลงเว็บไซต์ เพื่อตอบสนองกลยุทธ์เพียงอย่างเดียว, มีผลตลอด ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเนื้อหาและรูปแบบที่ส่งผลดีต่อ Algorithm ของ Search Engine, การแสดงผลจะขึ้นอยู่กับ Algorithm, บริหารจัดการได้โดยใช้เครื่องมือภายนอก เพื่อวิเคราะห์และติดตามผลลัพธ์ รวมถึงการบริหารจัดการด้วย
Tips: หากเว็บไซต์ไหนที่สนใจศึกษาเรื่องการทำ Google SEM เพื่อหารายได้เพิ่มเติมบน Search Engine อ่านต่อได้ที่ Google Ads คืออะไร อธิบายครบวงจรโฆษณา Google
SEM สำคัญต่อนักการตลาดอย่างไร
แน่นอนว่า SEM Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดที่ได้รับนิยมเป็นอย่างมาก เหล่าบุคลากรนักการตลาดจึงจำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับ SEM อยู่เสมอ อย่างไรก็ดี เราสามารถสรุปความสำคัญของ SEM ที่มีต่อนักการตลาดได้ดังนี้
- การใช้ Search Engine Marketing ช่วยสนับสนุนการเข้าถึงแวดวง Digital Marketing ที่สามารถดึงดูดผู้คนได้จำนวนมาก
- การทำ SEM โดยเฉพาะ Google SEM คือกลยุทธ์ที่มีอัตรา Conversion ค่อนข้างสูง สร้างโอกาสปิดการขายที่ดีขึ้น
- ความรวดเร็วในเรื่องของผลลัพธ์ ผ่านการโฆษณาแบบชำระเงิน
- นักการตลาดจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย หากเลือกแคมเปญแบบ PPC (Paid Per Click)
- เพิ่มการจัดอันดับทั้งแบบทั่วไป พร้อม ๆ กับการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
สามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกผ่านเครื่องมือตัวเด็ดอย่าง Google Analytics ซึ่งจะช่วยคุณจัดการเรื่อง Data Analytics ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พื้นฐานของการทำ SEM
พื้นฐานของการทำ Search Engine Marketing หรือ SEM นั้นต้องเริ่มต้นจากการทำ Keyword Research ก่อน จากนั้นจึงทำขั้นตอนถัดไป ด้วยการสร้างแคมเปญผ่านเครื่องมือออนไลน์ โดยแต่ละขั้นตอนจะมีรายละเอียดตามหัวข้อต่อจากนี้
การทำ SEM Keyword Research
ที่มา: https://www.semrush.com/blog/how-to-use-semrush-keyword-research/
ก่อนอื่นเราต้องเริ่มทำ SEM Keyword Research เพื่อดูว่า Keyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา มีแนวโน้มการค้นหามากน้อยแค่ไหน โดยใช้งานเครื่องมือออนไลน์ต่าง ๆ ได้ตามต้องการ บางเครื่องมือเมื่อเราระบุคำที่ต้องการใช้งานลงไป จะมีข้อมูลที่น่าสนใจปรากฏขึ้นมา เช่น Search Volume, CPC (Cost per Click) และ Competition ซึ่งเราสามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ได้ มาวางแผนการใช้ Keyword ให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดต่อไป
Tips: ลองใช้วิธีง่าย ๆ อย่าง SWOT เพื่อหาจุดแข็งที่โดดเด่นของธุรกิจ แล้วใช้กำหนดเป็น Keyword
Google Ads Account Structure
ที่มา: https://www.wordstream.com/blog/ws/2017/05/02/adwords-account-structure-guide
ถัดมาเป็นเรื่องของ Google Ads Account Structure ซึ่งสำคัญอย่างมากต่อ SEM เนื่องจากเครื่องมือตัวนี้จะช่วยเราบริหารจัดการภาพรวมแคมเปญได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดย Google Ads Account Structure ที่สมบูรณ์ ควรมีครบทั้ง 5 องค์ประกอบดังนี้
- แคมเปญโฆษณา: ร่มใหญ่ของการทำโฆษณา ซึ่งอาจถูกกำหนดด้วยชื่อแบรนด์ ชื่อผลิตภัณฑ์ หรือวัตถุประสงค์ในการโฆษณาในครั้งนั้น ๆ ทั้งหมด
- กลุ่มโฆษณา: ในหนึ่งแคมเปญ สามารถแยกย่อยออกมาได้เป็นหลายกลุ่มโฆษณา (Ad Group) เพื่อทดลองว่าการตั้งค่าโฆษณาแบบไหนได้ผลดีที่สุด
- Keyword: การทำ SEM จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง Keyword มาเป็นอันดับ 1 เนื่องจากจำเป็นต้องพึ่งพาการค้นหาผ่าน Search Engine
- ข้อความที่ใช้โฆษณา: ข้อความที่ผู้คนจะมองเห็นเป็นอันดับแรกเมื่อค้นหาข้อมูลด้วย Keyword ที่กำหนดไว้ ควรดึงดูดสายตา ตรงใจ และมี Keyword หลักประกอบอยู่ด้วย
- Landing Page: จุดเด่นของกลยุทธ์ SEM คือ คุณจะต้องมีหน้าเว็บไซต์เป็นของตัวเอง และกำหนดหน้าใดหน้าหนึ่งเป็น Landing Page เพื่อเพิ่ม Website Traffic และ Conversion
การประมูลโฆษณา SEM (Ad Auction)
Ad Auction ทำงานอย่างไร
การทำงานของ Ad Auction หรือกระบวนการประมูลโฆษณาจะเกิดขึ้นทุกครั้ง เมื่อมีคนป้อนข้อความค้นหาลง Google ในการเข้าร่วมประมูลเพื่อแสดงโฆษณา โดยผู้ลงโฆษณาจะต้องระบุ Keyword ที่ต้องการประมูล เราวิเคราะห์ SEM Keyword ได้ตัวไหนมาให้ใส่ลงไป และระบุจำนวนเงินที่สามารถจ่ายแบบ PPC เพื่อให้โฆษณาแสดงผลตาม Keyword หาก SEM Keyword ที่เราเสนอไปได้รับการพิจารณาว่าอยู่ในข้อความการค้นหาของผู้ใช้งาน ก็จะถูกนำเข้าสู่การประมูลเพื่อแสดงโฆษณา
ทำอย่างไรให้ Ad ของเราอยู่บนสุดของการค้นหา
Ad Auction ของ Search Engine Marketing จะคำนึงถึงปัจจัยหลายรายการ เพื่อพิจารณาตำแหน่งโฆษณาบน SERP แถมบาง Keyword ที่เลือกมาใช้ในกลยุทธ์ SEM อาจไม่ได้มีเจตนาเชิงพาณิชย์ที่มากพอ ทำให้ไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ได้ตามคาดหวัง โดยทาง Google ได้ประเมินว่า 2 ปัจจัยที่จะทำให้ Ad Auction ได้ผลดีที่สุด มาจากเรื่องราคาและคุณภาพของโฆษณา
- การเสนอราคาสูงสุดต่อ PPC
- คะแนนคุณภาพที่ประเมินจากเมตริกของ Google
หลังจากที่ Google ได้รู้ข้อมูลทั้ง 2 จากโปรแกรม Ad Auction ตามแผนการทำ SEM ของเราแล้ว จะถูกนำไปตำนวณต่อด้วยสูตร CPC BID x Quality Score = Ad Rank
Tips: SERP หมายถึง Search Engine Result Page หรือก็คือ หน้าผลลัพธ์ของการค้นหานั่นเอง
เริ่มต้นการทำ SEM อย่างไรดี
จุดเริ่มต้นของการทำ SEM นั้นไม่ได้ยากเกินไปกว่าการวางแผนอื่น ๆ ในด้านการตลาดเลย หากคุณกำลังสนใจจะเพิ่มยอดขายด้วยการตลาดกลยุทธ์นี้ นี่คือ 5 ขั้นตอนแบบทำตามได้ง่าย ๆ ที่เรารวบรวมมาให้คุณ!
H3 : 1. ตั้งเป้าหมายการทำ SEM
ทั้ง SEO SEM คือ กลยุทธ์การตลาดที่จะต้องมีเป้าหมายชัดเจน โดยเฉพาะการทำ SEM ซึ่งคุณจะต้องบริหารจัดการงบโฆษณาด้วย เราจึงแนะนำให้คุณกำหนดเป้าหมายให้ละเอียดที่สุดว่าแต่ละแคมเปญโฆษณาทำขึ้นเพื่ออะไร เช่น สร้างการรับรู้แบรนด์, การประชาสัมพันธ์โปรโมชั่น, การขายสินค้าหรือบริการ ฯลฯ และเมื่อตั้งเป้าเอาไว้ชัดเจนแล้ว เราก็จะสามารถกำหนด Keyword ได้ง่ายขึ้นด้วย
H3 : 2. ศึกษาตลาดในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือใกล้เคียง
การศึกษาคู่แข่งที่คิดว่ามี Keyword หรืออยู่ในธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน เพื่อดูว่าผลลัพธ์ของแคมเปญ SEM แต่ละธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง คือสิ่งที่สำคัญมากสำหรับ Search Engine Marketing เพราะหากเราติดตามดูรายละเอียดในสิ่งที่คู่แข่งทำลงไป เราจะสามารถนำผลลัพธ์ที่ได้กลับมาวิเคราะห์ เพื่อวางแผนในแบบฉบับของเรา ให้ดียิ่งขึ้น
H3 : 3. กำหนดงบประมาณในการประมูลโฆษณา SEM (Ad Auction)
ขั้นตอนนี้ทำเพื่อไม่ให้กลยุทธ์ SEM ของเรากินงบการตลาดจนบานปลายมากเกินไป ด้วยกระบวนการทำงานของ Ad Auction จะทำให้เราติดตามดูได้ว่าตอนนี้งบประมาณที่ใช้จ่ายแบบ PPC ไปเท่าไหร่แล้ว หากถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก็จะสามารถหยุดแคมเปญได้ทันก่อนผลาญงบมากกว่าเดิม
H3 : 4. เตรียมเว็บไซต์ให้พร้อมต่อการทำ SEM
การเตรียมเว็บไซต์ให้พร้อมสำหรับทำ SEM ควรทำให้หน้าเว็บไซต์ใช้งานง่าย ให้ข้อมูลครบถ้วน รวมถึงเสถียรภาพในด้านต่าง ๆ ต้องอยู่เกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐาน เพราะ Google จะนำคุณภาพโดยรวมของเว็บไซต์หรือ Landing Page ไปคำนวณ Quality Score ถ้าเรามีคะแนนที่ต่ำ อาจต้องเผชิญกับค่าโฆษณาที่แพงขึ้น เนื่องจากต้องแบกส่วนต่างของคะแนนที่ต่ำนั่นเอง
H3 : 5. เริ่มการทำ SEM: Keyword Research , Keyword Auction
เราต้องเริ่มต้นการทำ SEM ไปทีละขั้นตอน เช่น เริ่มจากการทำ Keyword Research เพื่อเก็บข้อมูลว่า Keyword ไหนได้รับความนิยมมาก หรือมีคู่แข่งมากน้อยเพียงใด เมื่อวิเคราะห์จนเสร็จได้ Keyword ที่ต้องการใช้งานมาแล้ว ไปต่อกันที่ Keyword Auction การประมูลคำค้นหา
ส่วนของ Keyword Auction ในกลยุทธ์ SEM แนะนำว่าให้ดูควบคู่ไปกับ Quality Score เพราะมีส่วนช่วยให้ค่าโฆษณาของเราถูกลงได้ ดังนั้นต้องมีการประเมินเรื่องงบประมาณมาก่อนแล้ว ว่าเราสามารถวางราคาไว้ได้เท่าไหร่ หากเทียบกับคะแนนที่หน้าเว็บเรามี
กลยุทธ์การทำ SEM
SEM คือ การวางแผนการตลาดเชิงกลยุทธ์ ความสำเร็จของการทำ SEM จึงขึ้นอยู่กับว่า คุณวางกลยุทธ์ไว้เฉียบขาดและสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากแค่ไหน อย่างไรก็ดี หากคุณอยากประสบความสำเร็จในการทำ Search Engine Marketing ลองทำตาม 4 กลยุทธ์ดังนี้
1. เลือก Keyword โดยคำนึงถึง Search Intent
อย่างที่คุณทราบดีว่า SEM (หรือที่ถูกต้องก็คือ PPC) จำเป็นจะต้องมีการลงทุนงบประมาณเพื่อประมูล (Bidding) Keyword ดังนั้น การตัดสินใจว่าจะจ่ายเงินซื้อ Keyword ไหนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และเพื่อการเลือก Keyword ที่ถูกต้อง แม่นยำ เราแนะนำให้คุณดูเรื่อง Search Intent หรือ ทิศทางเนื้อหาของ Keyword คำนั้น ๆ ด้วย
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังสนใจคำ 2 คำ ได้แก่ “รองเท้าหนัง” และ “การดูแลรองเท้าหนัง” แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกประมูล Keyword ไหนเพื่อทำ SEM ดี ให้คุณลองเสิร์ชคำเหล่านี้ลงบน Google ก่อน แล้วดูว่า “ผู้คนที่ค้นหาข้อมูลด้วยคำ ๆ นี้ เขากำลังมองหาอะไร?”
ซึ่งคุณจะพบว่า เมื่อเสิร์ชคำว่า “รองเท้าหนัง” ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นเว็บไซต์ E-commerce และหน้าสั่งซื้อรองเท้าหนังเป็นส่วนใหญ่ นั่นหมายความว่า Intent ของคนที่เสิร์ชคำนี้ คือ “การหาซื้อรองเท้าหนัง” ในขณะเดียวกัน หากคุณเสิร์ชคำว่า “การดูแลรองเท้าหนัง” ระบบจะแสดงผลลัพธ์เป็นหน้า Blog ให้ความรู้ ซึ่งหมายความว่า Intent ของคำ ๆ นี้ก็คือ “การหาวิธีดูแลรองเท้าหนังของตัวเอง มากกว่าที่จะหาซื้อ” นั่นเอง
2. ดู Search Volume และการแข่งขันของ Keyword แต่ละคำด้วย
SEM คือ การตลาดที่จะต้องอาศัยปริมาณการค้นหา Keyword เป็นสำคัญ ดังนั้น การจะวางกลยุทธ์ SEM ให้ได้ผล คุณจึงจำเป็นต้องทำ Keyword Research ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วยรายชื่อ Keyword ที่คุณสนใจ ปริมาณการค้นหา (Search Volume) และการแข่งขัน (Competition) ของ Keyword แต่ละคำ ทั้งนี้ การเก็บข้อมูล Search Volume และ Competition จะทำให้คุณทราบว่า Keyword ใดมีคนค้นหามาก เพราะยิ่งเป็นคำที่มีคนค้นหามาก ราคาในการประมูลก็จะยิ่งแพง เช่นเดียวกัน หาก Keyword ใดเป็นคำกว้าง ๆ มีอัตราการแข่งขันสูง คุณก็จำเป็นจะต้องทุ่มเงินในการประมูลสูงขึ้น
3. พิจารณาราคาของ Keyword แต่ละคำ
สำหรับท่านที่ทำ Google SEM คุณสามารถใช้เครื่องมือฟรีอย่าง Google Keyword Planner เพื่อสำรวจว่า Keyword ที่คุณสนใจ มีราคาเฉลี่ยเท่าไหร่ เพื่อวางแผนค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณา SEM ให้คุ้มค่าที่สุด
4. วางโครงสร้างของการทำ SEM ให้ดี
เมื่อคุณตัดสินใจซื้อโฆษณาบน Search Engine เช่นการทำ Google Ads ระบบจะให้คุณตั้งค่าโครงสร้างของโฆษณา ตั้งแต่ระดับแคมเปญ กลุ่มโฆษณา ไปจนถึงตัวงานโฆษณาแต่ละชิ้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการงบประมาณ การเพิ่ม CTR (Click Through Rate) และการทดลองตั้งค่าโฆษณาในรูปแบบต่าง ๆ จนกว่าจะพบรูปแบบที่เหมาะสม คุณจึงควรให้ความสำคัญกับขั้นตอนนี้ พอ ๆ กับการทำ Keyword Research
ข้อควรรู้ก่อนทำ SEM อัปเดตปี 2023
หลังจากที่คุณตัดสินใจแล้วว่าจะเริ่มต้นทำ Search Engine Marketing อย่างจริงจัง สิ่งที่ควรศึกษาและหมั่นอัปเดตเป็นประจำ ก็คือทิศทางของการตลาดที่เปลี่ยนไปในแต่ละปี และสำหรับปี 2023 นี้ เราก็มีข้อควรรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับกลยุทธ์ SEM มาฝากทุกท่าน ลองศึกษากันให้ดีก่อนเริ่มทำ SEM จริง ๆ
- คุณภาพของกลยุทธ์ SEM จะขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือ , คะแนน , ราคาต่อคลิก และการแทรก Keyword ลงในเว็บอย่างเหมาะสม
- อันดับของเว็บไซต์ที่ใช้กลยุทธ์ SEM ควรปรากฏในหน้า 1-3 เท่านั้น เพราะหากเกินกว่านี้ มีโอกาสสูงมากที่ผู้ใช้งานจะไม่สนใจแล้ว
- SEM กับ SEO ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ดังนั้น การทำควบคู่กันไปถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
- ทำ Keyword Research ให้ละเอียด พร้อมกับวางแผนอย่างรอบคอบในการเลือกใช้ Keyword ต่าง ๆ
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคตลอดเวลา เพื่อนำมาปรับใช้กับคอนเทนต์บนเว็บไซต์ ให้สามารถตอบโจทย์และมีคนคลิกเข้ามาชมเป็นจำนวนมาก
- อย่าลืมเพิ่มเติม CTA ในส่วนที่สำคัญ เพื่อกระตุ้นให้เกิด Action จากลูกค้าที่เข้ามาชมเว็บไซต์
- อัปเดตเทรนด์การตลาดใหม่ ๆ อยู่เสมอ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับ Google SEM ด้วย เพื่อที่เราจะได้เตรียมแผนรับมืออย่างทันท่วงที
- หยิบกลยุทธ์ในด้าน Content Marketing มาปรับใช้งานกับเนื้อหาบนเว็บไซต์ เพื่อดึงดูดลูกค้าได้อย่างมีชั้นเชิง พร้อมกับวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องกันอย่างลงตัว
- อัปเดตเนื้อหา พร้อมติดตามผลลัพธ์การทำ SEM อยู่เสมอ เพื่อเก็บข้อมูลมาพัฒนาต่อไป
เครื่องมือที่ใช้ในการทำ SEM
1. Google Trend
ที่มา: https://www.semrush.com/blog/google-trends/
Google Trend คือ บริการฟรีจาก Google ที่จะรวบรวม Keyword ซึ่งได้รับความนิยมติดอันดับโลก โดยคุณสามารถฟิลเตอร์ชื่อประเทศ เพื่อดูเทรนด์การค้นหาทีละประเทศ หรือจะสำรวจภาพรวมความนิยมของโลกก็ได้ อย่างไรก็ดี Google Trend เป็นเพียงเครื่องมือขั้นต้นในการทำ Search Engine Marketing เท่านั้น เพราะสามารถให้คุณได้เพียงไอเดียในการเลือก Keyword แบบคร่าว ๆ ไม่สามารถดูข้อมูลเชิงลึกได้มากกว่านั้น
2. Google Keyword Planner
ที่มา: https://support.google.com/google-ads/answer/9420810?hl=en
Google Keyword Planner เองก็เป็นหนึ่งในบริการฟรีเช่นเดียวกัน โดยเป็นฟีเจอร์พิเศษอยู่ใน Google Ads Manager ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการค้นหา Keyword และสืบค้นว่า Keyword ที่คุณกำลังสนใจมีปริมาณการค้นหา (Search Volume) มากน้อยเพียงใด มีปริมาณการแข่งขันสูงหรือไม่ และราคาเฉลี่ยของแต่ละคำเป็นอย่างไร ด้วยเหตุนี้ Google Keyword Planner จึงถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานของ SEM ที่ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือฉมังก็ต้องใช้งานให้เป็น
3. Google Tag Manager
ที่มา: https://github.com/vtex-apps/google-tag-manager
ก่อนการเริ่มทำการตลาดแบบ Google SEM ทุกเว็บไซต์จำเป็นต้องเข้าใช้งาน Google Tag Manager เพื่อติดตั้งระบบ Tracking ลงบนเว็บไซต์ ให้สามารถดึงข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และระบบการซื้อโฆษณาผ่าน Search Engine ได้ และแน่นอนว่า ทุกคนสามารถใช้งาน Google Tag Manager ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
4. SEMrush
ที่มา: https://www.semrush.com/kb/162-monthly-numbers
SEMrush คือ เครื่องมือเสริมพิเศษที่ได้รับความนิยมสูงมากในหมู่คนทำ SEO กับ SEM เนื่องจากเครื่องมือนี้ถูกคิดค้นมาให้เป็นตัวช่วยแบบ One Stop Service สามารถทำได้ทั้งสำรวจข้อมูล Keyword ดูภาพรวมของเว็บไซต์คู่แข่ง ช่วยปรับปรุงและพัฒนาการเขียนคอนเทนต์ และยังแนะนำการเซ็ตแคมเปญโฆษณา SEM อีกด้วย ข้อจำกัดเดียวของ SEMrush คือ ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเสียค่าบริการ หากต้องการจะใช้งานให้ได้สมบูรณ์ทุกฟีเจอร์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SEM
Paid Search กับ SEO กลยุทธ์ไหนดีกว่ากัน
SEO SEM Marketing คือ กระบวนการที่มีข้อจำกัดแตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงไม่สามารถตอบได้ว่าระหว่าง SEO กับ SEM วิธีไหนที่ดีกว่า เพราะขึ้นอยู่กับกระบวนการทำงานที่เราวางแผนไว้ และการคำนวณถึงปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ แต่ทางที่ดีที่สุดที่ตอบได้ทันทีเลยก็คือ ควรทำงานร่วมกันระหว่าง SEM ที่เป็น Paid Search และ SEO ที่เป็นแบบออร์แกนิก
ทำไมจึงควรทำ SEO พร้อมๆกับการทำ SEM
เพราะการทำ SEM แบบชำระเงินจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราปรากฏขึ้นบน SERP บนจุดสูงสุดอยู่ตลอด ส่วน SEO ก็จะช่วยสนับสนุนให้เว็บไซต์, เนื้อหา และโปรไฟล์อยู่ในอันดับการค้นหาทั่วไปที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามแนวทางการพัฒนา
ความสำคัญของ Google Search Console ต่อเว็บไซต์
Google Search Console จะช่วยให้คุณตรวจสอบและดูแลให้เว็บไซต์ปรากฏในผลการค้นหาของ Google ผ่านการ Report ทางด้านคุณภาพ พร้อมแจงรายละเอียดความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถปรับแก้ไขได้อย่างตรงจุด
Search Engine ที่นิยมใช้มากที่สุด คืออะไร
Search Engine ที่นิยมใช้มากที่สุดในตอนนี้ ก็คือ Google แพลตฟอร์มการค้นหาออนไลน์ ที่มี Market Share เฉลี่ยทั่วโลกสูงถึง 93.12%
ธุรกิจประเภทไหนที่ควรใช้ Search Engine Marketing
คำถามข้อนี้อาจกว้างไปสักนิดสำหรับ SEM แต่หากเราโฟกัสแค่คำถามที่ว่า “ธุรกิจไหนมีแนวโน้มว่าลูกค้าจะใช้งาน Search Engine” คำตอบก็คือธุรกิจทุก ๆ ประเภทนั่นเอง เนื่องจากลูกค้าทุกคนมีค้นหาสิ่งที่ต้องการอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงพลาดไม่ได้ที่จะใช้งานกลยุทธ์ SEM เพื่อทำให้เว็บไซต์ของเราไปปรากฏต่อสายตาลูกค้าในอันดับแรก ๆ ของผลลัพธ์การค้นหาบน Search Engine
ข้อสรุปของการทำ SEM
โดยสรุปแล้ว ทุกธุรกิจก็ควรวางแผนเกี่ยวกับ SEM เอาไว้ เพื่อต้อนรับผู้คนที่สนใจใน Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ มีโอกาสค้นเจอเว็บไซต์ของคุณ แล้วเข้ามาเป็นลูกค้าต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ คุณยังสามารถนำกลยุทธ์ Search Engine Marketing ต่าง ๆ ที่เราแนะนำ ไปปรับใช้งานให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในแต่ละแคมเปญได้ตลอดไปอีกด้วย
อย่างไรก็ดี หากคุณรู้สึกว่าการศึกษาด้วยตนเองยังไม่พอ และอยากได้ผู้เชี่ยวชาญที่คุ้นเคยกับการทำ SEM จริง ๆ มาอธิบายให้ฟัง Digital Tips ขอแนะนำ “คอร์สสอน Google Ads 101 ปูพื้นฐานการทำการตลาดผ่าน Google Ads” โดยอ.บอย พรเทพ เขตร์รัมย์ Founder of Google Analytics Thailand โปรแกรมการเรียนรู้ฉบับสมบูรณ์ที่คุ้มค่า และไม่สามารถหาที่ไหนได้อีก! อัดแน่น จัดเต็ม ตั้งแต่พื้นฐานการทำ SEO และ SEM การใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ ไปจนถึงการฝึก Optimize ผลลัพธ์การทำ SEM ด้วยตนเอง อย่ารอช้า รีบสมัครเลย!
Source
Nick Barney, search engine marketing (SEM)
https://www.techtarget.com/searchcontentmanagement/definition/Search-engine-marketing-SEM
WordStream, Search Engine Marketing (SEM): What It Is & How to Do It Right
https://www.wordstream.com/search-engine-marketing
Sam Yadegar, SEO & Paid Search: Why They Work Better Together, September 6 , 2022
https://hawksem.com/blog/how-paid-search-and-seo-work-together/