Inbound Marketing คือ

Inbound marketing คือ กลยุทธ์การตลาดรูปแบบหนึ่ง ถูกคิดค้นโดย Hubspot บริษัทการตลาดชื่อดัง ซึ่งใช้เทคนิคนี้ในการทำการตลาดของตนเองจนประสบความสำเร็จ และก็มีอีกหลายบริษัทด้วยกันที่ใช้วิธีการทำ Digital Marketing ในรูปแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน 

ด้วยการเป็นเทคนิคการทำการตลาดที่น่าสนใจจากการเน้นการสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าเดินเข้ามาหาแบรนด์เอง ทำให้หลายคนสงสัยว่า Inbound Marketing คืออะไร ทำได้อย่างไร แตกต่างจากการทำ Outbound Marketing ขนาดไหน วันนี้ Digital Tips จะพามาทำความเข้าใจกับวิถีการทำการตลาดแบบยั่งยืนที่ไม่เน้นใช้เงิน แต่เน้นการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์อย่าง Inbound Marketing ไปพร้อม ๆ กัน

Inbound Marketing คืออะไร

สำหรับคนที่ทำธุรกิจคงจะได้เรียนรู้เทคนิคการวิเคราะห์และการลงมือทำการตลาดมากมาย รู้ว่า 7P/4P คืออะไร/SWOT คืออะไร และต้องทำแบบไหน แต่สำหรับการทำ Inbound Marketing อาจจะยังไม่ใช่ศาสตร์การทำการตลาดที่คุ้นเคยมากนัก ดังนั้น เรามาเริ่มต้นทำความรู้จักกับศาสตร์นี้กันตั้งแต่นิยามกันเลยดีกว่า

Inbound Marketing คือ การทำการตลาดแบบดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการเข้ามาหาแบรนด์เอง โดยที่ลูกค้าไม่รู้สึกถึงการยัดเยียดจากแบรนด์ เนื่องจากแบรนด์จะทำการส่งมอบคุณค่าที่เป็นประโยชน์ผ่านคอนเทนต์ การให้ความรู้ ให้ข้อมูล จนทำให้แบรนด์กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายนึกถึงเป็นอันดับแรกจากความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจนั่นเอง

Inbound Marketing แตกต่างจาก Outbound Marketing อย่างไร 

Outbound Marketing คือ การทำการตลาดแบบผลัก ซึ่งเป็นด้านตรงข้ามของการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing การทำ Outbound Marketing จะเน้นไปที่การสื่อสารหากลุ่มเป้าหมายแบบหว่านโดยไม่ได้เจาะจงหา Persona ที่ชัดเจน เช่น การยิงแอด Facebook แบบตั้งกลุ่มเป้าหมายกว้าง ๆ , การทำบิลบอร์ดโฆษณา, การส่ง SMS ส่งเสริมการขาย เป็นต้น ส่วนการทำ Inbound Marketing จะเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้เจาะกลุ่มการทำ Niche Marketing ได้ดี เพราะจะเน้นเจาะจงกลุ่มลูกค้า และส่งแต่สิ่งที่ลูกค้าต้องการไปให้ในเวลาที่ใช่เท่านั้น 

อ่านเพิ่มเติม: Niche Market คืออะไร

การตลาด Inbound Marketing รวมกับ Outbound Marketing เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ถึงแม้จะเป็นวิธีการทำการตลาดที่แตกต่างกัน แต่การทำ Inbound Outbound Marketing คือ รูปแบบการตลาดที่สามารถนำมาใช้ผสมผสานร่วมกันได้ เช่น หากคุณต้องการที่จะยิงแอดเพื่อโปรโมทเพจ Facebook แทนที่จะตั้งค่ายิงโฆษณาหว่านแบบ Outbound Marketing ก็ใช้ข้อมูลจากการทำ Inbound Marketing เพื่อนำรายชื่อของลูกค้าที่มีมาทำ Lookalike Audience เพื่อยิงแอดหาเฉพาะคนที่มีโอกาสซื้อสินค้าของคุณแทน เพียงเท่านี้ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและทำให้มีโอกาสได้ Conversion กลับมามากขึ้นด้วย 

อ่านวิธีการยิงแอดเพิ่มเติมได้เลยที่ ยิงแอดคืออะไร มีกี่รูปแบบ วิธียิงแอดให้ปัง อัปเดตปี 2022

เหตุผลที่ธุรกิจควรทำ Inbound Marketing 

  • ความนิยมในการใช้งาน Search Engine ยังสูงขึ้นเรื่อย ๆ

หลายคนอาจจะสงสัยว่า การ Search นับว่า เป็น Inbound Marketing หรือ Outbound Marketing ต้องบอกเลยว่า การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization นับเป็นการทำ Inbound Marketing รูปแบบหนึ่ง เพราะเป็นการดึงดูดให้คนเข้ามายังเว็บไซต์ของธุรกิจด้วยคำค้นหา (Keyword) ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา ซึ่งในปัจจุบันนี้เทรนด์การใช้งาน Search Engine มีเพิ่มสูงขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ อ้างอิงจากข้อมูลของ We Are Social ที่ทำรายงาน Digital Stat 2022 สรุป Insight & Bahaviour ภาพรวมบนโลกดิจิทัลหรือพฤติกรรมการออนไลน์ของผู้คน โดยระบุว่า เว็บไซต์ที่ได้ Traffic มากที่สุดในปี 2022 อันดับ 1 ก็ยังเป็น Google อยู่ แสดงว่า การทำ SEO ยังคงเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ส่งเสริมให้การทำ Inbound Marketing มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกในปีต่อ ๆ ไป

  • มีส่วนช่วยในการทำธุรกิจแบบ B2B

ธุรกิจแบบ B2B คือ การทำธุรกิจระหว่างบริษัทกับบริษัทด้วยกันเอง สินค้าหรือบริการที่ธุรกิจ B2B ขายนั้นมีราคาค่อนข้างสูง หรือขายในจำนวนมาก การตัดสินใจซื้อจึงยาวนานและใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ การทำการตลาดเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อแบบปกติจึงอาจใช้ไม่ได้กับกลุ่มลูกค้าแบบ B2B แต่การทำ Inbound Marketing จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจแบบ B2B ได้ง่าย 

เนื่องจากการทำการตลาดแบบ Inbound จะค่อย ๆ ฟูมฟัก Leads ที่มีให้รู้จักและกลายเป็นลูกค้าได้จากการส่งมอบประโยชน์ที่กลุ่มลูกค้าต้องการได้อย่างตรงจุด เช่น การทำ Email Marketing ไปยัง Leads อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสำรวจพบว่า 53% ของนักการตลาดระบุว่า การทำการตลาดผ่าน Email Marketing ด้วยเทคนิคแบบ Inbound เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการสร้างโอกาสในการขายในระยะเริ่มต้น 

  • ช่วยวางแผนทำคอนเทนต์และ Social Media Marketing

จากสถิติกว่า 80% ของผู้มีอำนาจตัดสินใจทางธุรกิจ ต้องการรับข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจากบทความที่เป็นซีรีส์มากกว่าการโดนยิงแอดโฆษณา ทำให้นักการตลาดกว่า 24% เลือกลงทุนที่จะทำคอนเทนต์ด้วยเทคนิค Inbound Marketing ในปีต่อ ๆ ไปด้วย แน่นอนว่า ส่งผลต่อแผนการทำคอนเทนต์และ Social Media Marketing ที่จะไม่ได้เน้นแค่การทำคอนเทนต์ไวรัลหรือตามกระแส แต่จะโฟกัสไปที่การแก้ปัญหาให้กับลูกค้าและส่งมอบประโยชน์ที่ลูกค้าต้องการในคอนเทนต์และช่องทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น ซึ่งจะช่วยนำพาธุรกิจไปหากลุ่มลูกค้าที่ใช้ได้ง่ายมากขึ้น

  • ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด

เพราะการ Content Marketing ด้วยเทคนิคการทำ Inbound Marketing สามารถช่วยให้ธุรกิจประหยัดได้มากขึ้นถึง 62% และสร้างโอกาสในการขายเพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับการทำการตลาดแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ ยังเสียค่าใช้จ่ายให้ได้มาซึ่งลูกค้าใหม่น้อยกว่าอีกด้วย

ศึกษาการทำ Content Marketing เพิ่มเติมได้ที่ “คอร์สออนไลน์ เรียน Content Marketing Mastery”

กลยุทธ์การตลาด Inbound Marketing ทำอะไรบ้าง

กลยุทธ์การตลาด Inbound Marketing

การทำ Inbound Marketing เป็นการทำการตลาดแบบดึงดูดด้วยการสานสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างยั่งยืน โดยส่งมอบแต่สิ่งที่มองแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการไปให้อย่างต่อเนื่องในเวลาที่เหมาะสม แต่การที่จะ “มอบ” สิ่งที่มีคุณค่าให้กับใครได้นั้นก็ต้องมีกลยุทธ์ในการทำสักเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นคอนเทนต์หรือสิทธิพิเศษที่เพียรพยายามส่งไปอาจจะไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการก็ได้ 

กลยุทธ์ของการทำ Inbound Marketing จึงแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ เพื่อให้นักการตลาดรู้ว่า ควรที่จะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างไร และในเวลาไหนบ้าง ดังนี้

Attracting Strategies

Attracting Strategies เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เปลี่ยนคนแปลกหน้า (Strangers) ให้เป็นคนรู้จัก (Prospects) ผ่านการสร้างคอนเทนต์ดี ๆ ที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ จนสุดท้ายก็เข้ามาทำความรู้จัก ติดตาม หรืออาจจะกลายมาเป็นผู้ติดต่อกับคุณในอนาคต เช่น การทำ SEO คอนเทนต์ที่มีประโยชน์ลงเว็บไซต์และทำให้ติดอันดับบนหน้าแรกของ Search Engine หรือการทำโพสต์ที่มีประโยชน์ลงช่องทาง Social Media เช่น Facebook, LINE, Instagram, Twitter, Linkedin ฯลฯ เพื่อทำให้ลูกค้าเห็นว่าธุรกิจของคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญและชอบที่จะบอกเล่าสิ่งที่มีประโยชน์ในด้านนั้น ๆ อย่างสม่ำเสมอ 

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดมากขึ้น เช่น คุณทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอาง คุณก็จะต้องทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับเครื่องสำอาง ทั้งการเลือกซื้อ วิธีการใช้ ไปจนถึงแนะนำสินค้าของคุณลงไปในเว็บไซต์และช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อที่จะทำให้ผู้ที่สนใจค้นหาและมองเห็นคุณจากช่องทางต่าง ๆ ได้ จนเกิดการรับรู้ (Awareness) ถึงสิ่งที่ธุรกิจของคุณทำอยู่ และถ้าหากกลุ่มเป้าหมายชื่นชอบคอนเทนต์นั้น ๆ ก็จะกลายมาเป็นผู้ติดตามของคุณในที่สุด เป็นต้น

Engaging Strategies

Engaging Strategies เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เปลี่ยนจากคนรู้จัก (Prospects) ให้เป็นลูกค้า (Customers) โดยการสร้างช่องทางให้กลุ่มเป้าหมายทิ้งข้อมูลที่สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ เช่น การทำ Form, Call-to-Action, Chatbot (Web & Social) หรือ Landing Page เพื่อที่ธุรกิจจะได้ดูแลฟูมฟักกลุ่มลูกค้าที่ยินยอมที่จะให้ข้อมูลสำหรับติดต่อ (Leads) แล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นลูกค้าตัวจริง โดยขั้นตอนนี้จะเรียกกันว่า “การ Nurturing” ซึ่งใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากจะต้องใช้  MarTech เช่น ระบบ Marketing Automation ในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล หรือส่งข้อมูลให้กับว่าที่ลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ เช่น ส่งคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ ส่งข้อมูลสินค้าที่ผู้บริโภคคนนั้นสนใจ หรือจะให้ฝ่ายขายติดต่อไปเพื่อปิดการขายก็ได้ ฯลฯ และรอเวลาที่กลุ่ม Leads เหล่านั้นจะพร้อมเปลี่ยนมาเป็นลูกค้า (Customers) ตามที่หวังในอนาคตDelighting Strategies

Delighting Strategies เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เปลี่ยนจากลูกค้า (Customers) ให้เป็นคนบอกต่อ (Promoter) โดยการใช้การทำ CRM คือ Customer Relationship Management หรือ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับกลุ่มลูกค้า เช่น การมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าในวันพิเศษ การส่งมอบคอนเทนต์แบบ Exclusive ให้เฉพาะลูกค้าบางกลุ่ม ฯลฯ ไปจนถึงการช่วยจัดการปัญหาที่ลูกค้าพบเจออย่างรวดเร็วเมื่อลูกค้าทำการติดต่อมา นอกจากนี้ ก็ควรที่จะรู้จักใช้ MarTech ในการเข้ามาช่วยจัดการเก็บข้อมูลปัญหาต่าง ๆ ที่มักพบเจอได้บ่อย ๆ เอาไว้สำหรับทำ Knowledge Base (หรือ Help Center) ไปจนถึงใช้ในการดูแลลูกค้าอย่างเป็นระบบมากขึ้น

หากธุรกิจไหนสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างว่องไว แก้ปัญหาได้ตรงจุด รวมถึงมีกลยุทธ์ในการสานสัมพันธ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษอยู่ตลอด ลูกค้า (Customers) ที่มีอยู่ก็จะกลายเป็นคนบอกต่อ (Promoter) ที่ช่วยโปรโมตธุรกิจให้กับคุณแบบฟรี ๆ อย่างแน่นอน

ตัวอย่าง Inbound Marketing

ตัวอย่าง Inbound Marketing

หากพูดถึงธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการทำ Inbound Marketing ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นบริษัทต้นตำรับผู้คิดค้นกลยุทธ์การตลาดแบบ Inbound ขึ้นมานั่นคือ HubSpot ที่ก่อตั้งโดย Brian Halligan และ Dharmesh Shah ซึ่งเติบโตจาก 0 เป็น 100 ล้านเหรียญ + พร้อมเข้าสู่ตลาด IPO ในปี 2014 และมียอดการเข้าชมเว็บไซต์สูงถึง 42.5 ล้าน Vsitors ต่อเดือนจากการทำ Inbound Marketing (อ้างอิงข้อมูลจาก similarweb) มาดูกันดีกว่าว่า HubSpot ทำได้อย่างไร

Inbound Marketing เน้นที่ Owned Media

อย่างที่ทราบกันแล้วว่า Inbound Marketing คือ การทำการตลาดแบบดึงดูด ช่องทางการทำการตลาดของ HubSpot จึงเน้นที่ Owned Media ของตนเอง นั่นคือ การทำเว็บไซต์และการทำ SEO ทำให้มีจำนวนการ Search จากคำค้นหาเข้ามายังเว็บไซต์สูง แน่นอนว่า เมื่อคนหาเว็บไซต์เจอในทุก Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจย่อมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ได้ดี ทำให้มียอดเข้าชมเว็บไซต์โดยตรง (Direct) รวมถึงมีการอ้างอิงถึงเว็บไซต์ (Refferrals) สูงเพิ่มขึ้นด้วย

Blog, Ebooks, คอร์สเรียนต่าง ๆ

สำหรับความน่าเชื่อถือของ HubSpot นั้นจะมาจากการถ่ายทอดองค์ความรู้ต่าง ๆ ออกมาเป็น Resources หลากหลายรูปแบบ เช่น Blog, Ebooks, คอร์สเรียนต่าง ๆ ฯลฯ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบปัญหาสำหรับคนที่สงสัย หรืออยากได้คำตอบอะไรบางอย่าง พร้อมทั้งทำอันดับคอนเทนต์บน Search Engine ให้ค้นหาเจอได้ง่ายด้วย

นอกจากนี้ HubSpot ยังให้ความสำคัญกับการทำ Email Marketing ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคการทำ Inbound Marketing ที่ใช้ได้ผลเป็นอย่างมาก ด้วยการ Nuturing คนผ่านทางอีเมลด้วยเนื้อหาที่เหมาะสม ทำให้อัตราการเข้าเว็บไซต์จากช่องทางอีเมลสูงตามมาด้วย

รูปตัวอย่างอีเมลที่ HubSpot

ตัวอย่างอีเมลที่ HubSpot มักทำการส่งให้กับผู้ติดตามเพื่อค่อย ๆ ฟูมฟักและสานสัมพันธ์จนกว่าพวกเขาจะกลายเป็นลูกค้าในที่สุด

hubspot

โดยอีเมลของกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้จะได้มาจากการกรอกฟอร์มของเจ้าของข้อมูลเอง เช่น กรอกเพื่อดาวน์โหลด Ebook, กรอกเพื่อใช้เครื่องมือฟรีของ HubSpot ฯลฯ หลังจากนั้น HubSpot ก็จะทำการติดต่อกับเจ้าของอีเมลด้วยการทำ Email Marketing เพื่อส่งมอบคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่สนใจ (หากคุณดาวน์โหลด Ebook ก็อาจจะได้อีเมลแจ้งเตือนเกี่ยวกับ Ebook ในเนื้อหาที่คุณสนใจในเล่มต่อไป) ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าแบรนด์นี้น่าเชื่อถือ และพร้อมที่จะกลับมาเป็นลูกค้าได้ทุกเมื่อ หากสิ่งที่ HubSpot นำเสนอตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการพอดี

ข้อดี-ข้อเสียของ Inbound Marketing 

Inbound Marketing ไม่ได้มีแต่ข้อดี ยังมีข้อจำกัดบางประการที่คนทำธุรกิจจะต้องศึกษาเอาไว้ด้วย ซึ่งเรารวบรวมทั้งข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้มาให้แล้ว ดังนี้

ข้อดีของ Inbound Marketing 

  • ดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาหาแบรนด์เอง

ไม่จำเป็นต้องวิ่งไล่ตามลูกค้า เพราะการทำ Inbound Marketing เป็นการทำการตลาดโดยมีลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง (Customer Centric) จึงเน้นทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับคุณค่ามากกว่าราคาที่จ่ายด้วยความคุ้มค่าที่วิเคราะห์มาแล้วว่า เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เช่น คุณต้องการทำตลาดกับธุรกิจ B2B สิ่งที่ส่งมอบให้อาจจะเป็นการให้คำปรึกษา คำแนะนำ หรือแม้กระทั่งการให้ทดลองใช้ฟรี เป็นต้น หรือถ้าคุณต้องการเจาะตลาดธุรกิจแบบ B2C อาจจะส่งมอบเป็นคอนเทนต์การสร้างแรงบันดาลใจที่ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าเห็นถึงคุณค่าและประโยชน์ของสินค้าหรือบริการของคุณที่เขาจะได้รับแทน เป็นต้น เมื่อลูกค้าได้ในสิ่งที่ต้องการ แน่นอนว่า ลูกค้าก็จะเข้ามาหาแบรนด์เองจากความรู้สึกประทับใจและเชื่อถือในแบรนด์มากขึ้นเองโดยปริยาย

  • ช่วยสร้าง Branding ที่แข็งแรงให้กับแบรนด์

เพราะการทำ Inbound Marketing สามารถสร้างเครดิตให้แบรนด์ได้ด้วยการทำคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ตอบสนองความต้องการในแต่ละขั้นของผู้บริโภค ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่าง ๆ หรือทำให้เกิดการคลายความสงสัยได้ ภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคมองแบรนด์จึงเป็นไปในรูปแบบที่ดีและจดจำแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

  • ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

แม้จะใช้เวลาในการทำ Inbound Marketing ค่อนข้างนาน แต่ผลลัพธ์นับว่าคุ้มค่า เพราะการสร้างความไว้วางใจจากการติดต่ออย่างต่อเนื่อง จะช่วยสร้างความผูกพันกันอย่างยาวนานระหว่างธุรกิจและลูกค้า ทำให้เกิดการซื้อซ้ำหรือการบอกต่อถึงคุณสมบัติและความประทับใจที่มีต่อแบรนด์ได้มากขึ้น หากแบรนด์ไหนสามารถทำการตลาดแบบ Inbound ได้ดี ก็แทบไม่จำเป็นจะต้องลงเงินเพื่อโปรโมตแบรนด์เพิ่มเติมเลย เพราะลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์ของคุณจะเป็นคนทำหน้าที่เหล่านั้นให้เอง

ข้อเสียของ Inbound Marketing 

  • ต้องลงทุนสร้างสินทรัพย์ (Asset) ของตนเอง

สินทรัพย์ หรือ Asset ในที่นี้หมายถึง ช่องทางที่เป็น Owned Media ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ Social Media หรือธุรกิจไหนที่ทำธุรกิจในรูปแบบ Omni Channel ก็ต้องวางระบบมาให้พร้อมสำหรับการทำ Inbound Marketing ทั้งการวางแผนการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า (Customer Experience) ในเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ วางระบบการจัดเก็บข้อมูลที่สามารถดึงมาใช้งานในการทำการตลาดได้แบบอัตโนมัติด้วย CRM Tools ต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ต้องมีโปรแกรมเมอร์ที่คอยป้องกันพวกแฮกเกอร์หรือมิจฉาชีพที่จะเข้ามาขโมยข้อมูล ทั้งหมดนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องคำนึงถึงก่อนที่จะเริ่มทำ Inbound Marketing ทั้งสิ้น

อ่านเพิ่มเติม: Omni Channel คืออะไร

  • ต้องลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ

การทำ Inbound Marketing ต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการเปลี่ยนให้คนแปลกหน้ากลายเป็นลูกค้า ดังนั้น ทุกการกระทำจึงต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น การลงคอนเทนต์ก็ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทุกคนจดจำ ไว้วางใจ เชื่อถือ อีกทั้งยังเป็นผลดีต่อ SEO ด้วย หรือถ้าจะทำ Email Marketing ก็ต้องทำการวาง Workflow มาอย่างดีเพื่อที่จะส่งข้อมูล ข้อเสนอพิเศษไปให้กลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้าในสักวันหนึ่ง 

ดังนั้น การทำ Inbound Marketing จึงไม่เหมาะกับธุรกิจที่หวังผลแบบรวดเร็วโดยการทำแค่ไม่กี่เดือนแล้วเลิกทำ หรือธุรกิจที่ไม่มีเวลาและต้องการเร่งแต่ยอดขายก็อาจจะไม่เหมาะเช่นกัน

  • ใช้เวลาในการทำนานกว่าจะเห็นผล

เนื่องจากการทำ Inbound Marketing เป็นการทำการตลาดแบบระยะยาว (Long-Term) จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ดังนั้น จึงอาจจะไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเห็นผลลัพธ์การทำการตลาดในทันที และต้องใช้ความอดทนในการสั่งสม Asset ต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ การเก็บ SEO Keyword ไปเรื่อย ๆ ทำการคัดกรอง Lead ที่ใช่และฟูมฟักจนกว่าจะกลายเป็นลูกค้า ฯลฯ ซึ่งก็ใช้เวลาเป็นหลักเดือนหรือหลักปีกว่าจะเห็นผล

คำถามที่พบบ่อย 

ตำแหน่งใดในองค์กรที่ควรรู้กลยุทธ์ Inbound Marketing 

Inbound Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ต้องทำในระยะยาว (Long-Term) เนื่องจากมีกลยุทธ์การทำที่ใช้ระยะเวลาและต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ดังนั้น การทำ Inbound Marketing จึงมีความเกี่ยวข้องกับพนักงานในหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น…

  • นักการตลาด (Marketer) เนื่องจากต้องเป็นผู้วางกลยุทธ์และเลือกวิธีการที่เหมาะสมในการทำ Inbound Marketing สำหรับธุรกิจ
  • คนทำคอนเทนต์ (Content Creator) เนื่องจากเป็นผู้ทำคอนเทนต์ให้ตรงกับ Customer Journey คือ เส้นทางของผู้บริโภคที่จะเข้ามาเจอแบรนด์ทั้งช่วงการรับรู้ (Awareness) ตัดสินใจ (Decision) และตกลงใจที่จะซื้อ (Conversion)
  • ฝ่ายขาย (Sales) เนื่องจากจะต้องเป็นผู้ที่ดูแลและสื่อสารด้านการขายกับลูกค้าโดยตรง จึงต้องเข้าใจหลักการทำ Inbound Marketing ที่ช่วยเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยไม่ยัดเยียดให้ลูกค้ารู้สึกลำบากใจ
  • คนดูแลลูกค้า (Customer Service) เนื่องจากเป็นคนที่ต้องสร้างความสัมพันธ์และดูแลลูกค้า ตำแหน่งนี้จึงต้องเข้าใจหลักการทำ Inbound Marketing เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าได้ตามที่บริษัทต้องการ

ทำไมธุรกิจขนาดเล็กควรใช้กลยุทธ์ Inbound Marketing

ทำไมธุรกิจขนาดเล็กควรใช้กลยุทธ์ Inbound Marketing

เนื่องจาก Inbound Marketing เป็นการทำการตลาดแบบดึงดูด เน้นการสร้างความน่าเชื่อถือ ความพึงพอใจ จนนำไปสู่การซื้อสินค้าและบริโภคของผู้บริโภคในระยะยาวโดยที่ไม่เน้นการลงทุนด้วยเงินเป็นหลัก 

Inbound Marketing จึงเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กเติบโตได้ดีจากการสร้าง Digital Asset ซึ่งเป็น Owend Media ของตนเอง เช่น เว็บไซต์ ฯลฯ ไว้สำหรับส่งมอบคอนเทนต์ที่มีคุณภาพให้กับกลุ่มเป้าหมาย ช่วยในการเก็บ Leads ที่จะนำมาฟูมฟักดูแลต่อ ไปจนถึงใช้ในการทำ Data Analytic เพื่อหาอินไซต์สำหรับทำการตลาดในกลุ่มลูกค้าที่เหมาะกับขนาดธุรกิจ ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กประหยัดเงินในการโปรโมตแบรนด์แบบหว่าน โดยที่ไม่รู้ว่า จะมีอัตรา Conversion กลับมาเท่าไหร่ไปได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม: Data Analytic คืออะไร

สรุป

การสื่อสารให้ข้อมูลกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจและเป็นประโยชน์ คือ หัวใจของการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing โดยที่แบรนด์ไม่จำเป็นที่จะต้องกว้านหากลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่แล้วมานั่งคัดกรองให้เสียเงินและเวลาไปแบบเปล่าประโยชน์ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องดูด้วยว่าธุรกิจของคุณนั้นมีระยะเวลาในการทำการตลาดแบบระยะยาวหรือไม่ รวมถึงยินดีที่จะลงทุนใน Asset ต่าง ๆ มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะช่วยทำให้การทำ Inbound Marketing ประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนมากที่สุด

 

เอกสารอ้างอิง

Khalid Saleh.  (2022).  How Effective is Inbound Marketing – Statistics and Trends [Infographic].  [Online]. retrieve from: https://www.invespcro.com/blog/how-effective-is-inbound-marketing/#:~:text=Globally%2C%2041%25%20of%20marketers%20confirm,ROI%20for%20their%20inbound%20marketing.&text=Inbound%20practices%20produce%2054%25%20more,6%25%20to%2012%25%20total

Hilal Yıldırım.  (2022).  54 Inbound Marketing Statistics and Trends 2022.  [Online]. retrieve from: https://userguiding.com/blog/inbound-marketing-statistics-trends/

Abdul Aziz.  (2018).  4 Real Life Inbound Marketing Case Studies [With Actual Data & Examples].  [Online]. retrieve from: https://blog.arcsncurves.com/blog/inbound-marketing-case-studies-examples-dubai

TikTok Influencer
TikTok
แจกเทคนิคเพิ่มยอดวิว TikTok ฉบับว่าที่อินฟลูมือใหม่

ในยุคที่ Influencer Marketing กำลังเฟื่องฟู ผู้ชมในทุก ๆ แพลตฟอร์มก็อยากผันตัวไปเป็น Influencer กันมากขึ้น โดยเฉพาะแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok ที่นับว่าก็จะยิ่งมี…

5 เคล็ดลับ วางกลยุทธ์การตลาด Inbound ใหม่ เพิ่มยอดขายติดจรวด
News
5 เคล็ดลับ วางกลยุทธ์การตลาด Inbound ใหม่ เพิ่มยอดขายติดจรวด

คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า Inbound Marketing คือการตลาดที่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากปัจจุบันตลาดใหญ่ขึ้น การแข่งขันสูงขึ้น และผู้บริโภคเองก็มีตัวเลือกมากขึ้น หากคุณเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตจากการใช้กลยุทธ์นี้ และกำลังกลวิธีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายด้วยการตลาด Inbound…

อัปเดตเวลาโพสต์ Instagram 2024 ที่ดีที่สุด และวิธีเพิ่มเอนเกจ
Digital Tips & Tricks | Instagram
อัปเดตเวลาโพสต์ Instagram 2024 ที่ดีที่สุด และวิธีเพิ่มเอนเกจ

สำหรับธุรกิจที่เน้นทำ Instagram Marketing อย่างธุรกิจเสื้อผ้า ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ภาพสวย ๆ หรือวิดีโอ Vibe ดี ๆ…