Google Ads คืออะไร - Google Ads มีกี่ประเภท

หากคุณคือหนึ่งในธุรกิจที่มุ่งทำ Digital Marketing คุณคงจะได้ใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยในการส่งเสริมการขายและการตลาดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การทำ SEO เพื่อทำคอนเทนต์สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย การทำ SEM หรือ Google Ads และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งทุกเครื่องมือล้วนมีข้อดี-ข้อเสีย รวมไปถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันไป 

และในบทความนี้ เราจะมาแนะนำอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่เหมาะสำหรับสาย Bidding ที่ต้องการลงเงินกับโฆษณาเพื่อให้ผลลัพธ์ทางการตลาดอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือ “การใช้ Google Ads” มาดูกันดีกว่าว่า Google Ads หรือ Google Adwords คืออะไร  โฆษณา Google มีกี่แบบ รวมถึงเทคนิคในการเพิ่มฐานลูกค้าให้กับคุณบทความนี้มีคำตอบมาให้แล้ว ตามไปดูพร้อมกันเลย! หรือต้องการเรียนรู้แบบจัดเต็ม เนื้อหาอัดแน่นได้ที่ “คอร์สสอน Google Ads



Google Ads คืออะไร 

Google Ads คือ การยิงโฆษณารูปแบบหนึ่งที่อยู่ภายใต้หลักการที่เรียกว่า Pay-Per-Click (PPC) ซึ่งคุณ (ผู้ลงโฆษณา) จะต้องจ่ายเงินต่อคลิกหรือต่อการมองเห็น (CPM) ให้กับแพลตฟอร์ม เราจึงสามารถสรุปได้ว่า Google Ads หรืออีกชื่อคือ Google Adwords คือ กลยุทธ์การตลาดที่สามารถควบคุมผลลัพธ์ที่แน่นอนได้จากการจ่ายเงินซื้อโฆษณาให้แสดงขึ้นบนพื้นที่โฆษณาของ Google โดยพื้นที่แสดงโฆษณาก็จะมีมากมายหลายแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น

  • Google Search และเว็บไซต์การค้นหาอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นการยิงโฆษณาบน Google (Search Engine Result Page – SERP) โดยอาจจะปรากฏขึ้นในหลายตำแหน่ง เช่น เหนือหรือใต้ผลการค้นหา หรืออาจจะปรากฏด้านข้างก็ได้ รวมถึงยังปรากฏบน Google Play, แท็บ Shopping, Google Maps รวมถึงแอปพลิเคชัน Maps ได้ด้วย
  • พาร์ทเนอร์ในเครือข่ายการค้นหาของ Google ซึ่งจะเป็นการยิงแอดโฆษณาบนเว็บไซต์ในเครือข่ายการค้นหาที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google ที่มีเนื้อหาคล้ายเว็บไซต์ของคุณ หรือตามหมวดหมู่ตามที่คุณกำหนดไว้
  • บางผลิตภัณฑ์ของ Google เช่น Gmail, Blogger, YouTube
  • แอปพลิเคชันต่าง ๆ 

และอย่างที่คุณทราบว่า Ads คือการโฆษณาแบบจ่ายเงิน ดังนั้น  Google Ads คือ การยิงโฆษณาที่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการเห็นโฆษณาได้ โดยข้อมูลที่สามารถตั้งค่าได้อย่างเช่น 

  • กำหนด Demographic ทั่วไป เช่น เพศ – เพศชาย / หญิง / ไม่ระบุ, ช่วงอายุ – 18-24 ปี, 25-34 ปี, 35-44 ปี, 45-54 ปี, 55-64 ปี หรือมากกว่า 65 ปี
  • กำหนดที่อยู่ได้ เช่น เฉพาะประเทศไทย เฉพาะจังหวัด หรือ พื้นที่ที่กำหนด
  • กำหนดเป้าหมายแคมเปญตามภาษาที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าใช้เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • กำหนดกลุ่มเป้าหมายตามความสนใจ หรือคอนเทนต์ที่กลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ มักจะนิยมเสพได้

>> อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับการยิงแอดโฆษณาเพื่อศึกษาว่า Ads คืออะไรเพิ่มเติมได้ที่: ยิงแอดคืออะไร (การยิงแอดโฆษณา)


Google Ads ทำงานอย่างไร 

Google Ads ทำงานภายใต้รูปแบบการยิงโฆษณา PPC ย่อมาจาก Pay Per Click นั่นคือ การทำโฆษณากับ Search Engine โดยผู้ยิงโฆษณาสามารถกำหนด Keyword  หรือ คำค้นหาที่ผู้คนใช้ในการ Search หาบน Google และสามารถเสนอราคา Bidding ใน Keyword ที่ต้องการได้ อีกทั้งยังสามารถกำหนดงบประมาณรายวันสูงสุดสำหรับโฆษณาได้ด้วย

>> อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับ Search Engine เพิ่มเติม: Search Engine คืออะไร

สำหรับใครที่ต้องการทราบว่า ต้องจ่าย Google Ads ราคาเท่าไหร่ การจ่ายเงิน Bidding โฆษณานั้นมีกี่รูปแบบเราขอสรุปเอาไว้ให้ 3 รูปแบบ ดังนี้ 

Cost-per-click (CPC)

CPC หรือ Cost per Click (ต้นทุนต่อคลิก) คือ จำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละครั้งที่มีการคลิกโฆษณาของคุณ ซึ่งสำหรับการทำ Google Ads การกำหนดค่าใช้จ่ายเป็น CPC ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง 

Cost-per-mille (CPM)

Cost-per-mille (CPM) คือ ต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง (Mille แปลว่า 1,000) หมายถึง คุณจะต้องกำหนดราคาในการโฆษณาโดยจ่ายเงินจำนวนหนึ่งสำหรับการแสดงผลครบ 1000 ครั้ง ซึ่งรวมทั้งโฆษณาที่มีคนคลิกชม และโฆษณาที่ไม่มีจำนวนการคลิกชมเลย

Cost-per-engagement (CPE)

Cost-per-engagement (CPE) คือ การกำหนดราคาสำหรับการลงโฆษณา  Google Ads ทั้งหมดต่อจำนวนครั้งที่คนเข้ามา Engage กับโฆษณา เช่น การดูวิดีโอ, การลงทะเบียน เป็นต้น

โดยสรุปแล้ว ความพิเศษของ Google Ads คือ คุณสามารถวางแผนการจ่ายเงินค่าโฆษณาได้หลายรูปแบบ ซึ่งทำให้ทุก ๆ ธุรกิจสามารถวางแผนการตลาดออนไลน์ได้ง่ายขึ้น


ทำไมคุณควรใช้ Google Ads ในธุรกิจ

Google Ads คือ ฟีเจอร์การยิงโฆษณาที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในหลาย ๆ ด้าน ยกตัวอย่างเช่น 

  • เห็นผลลัพธ์ได้ในทันที

สำหรับใครที่ต้องการ Lead หรือข้อมูลของลูกค้าเป้าหมายที่แสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการแบบรวดเร็ว แถมยังสามารถติดตามผลได้จากการใช้ Google Tag Manager ได้ แนะนำให้ใช้ Google Ads เพราะจะทำให้รู้ว่าโฆษณานั้นได้ผลอย่างไร และยังสามารถปรับแต่งโฆษณาได้เพื่อทำให้ผลลัพธ์จากการจ่ายโฆษณาที่ดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เพิ่มการรับรู้ให้กับแบรนด์ (Brand Awareness)

เนื่องจาก Google Ads มีประเภท Ads ที่ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Google Search Ads คือ โฆษณาที่ใช้ Keyword หรือ คำค้นหา เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย, Google Display Ads หรือที่เรียกว่า Google Display Network (GDN) เป็นต้น ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมากผ่านทั้งเว็บไซต์ YouTube หรือแม้กระทั่งบนแอปพลิเคชันต่าง ๆ

  • ช่วยหากลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด 

Google Ads คือ ฟีเจอร์ที่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายจากตำแหน่ง ที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเห็นโฆษณา หรือระบุ Demographic ของกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมได้อย่างตรงจุด ทำให้ยิงโฆษณาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น อีกทั้ง ธุรกิจยังสามารถทำการ Remarketing ได้ในภายหลังจากกลุ่มเป้าหมายที่เคยเห็น เคยคลิก หรือมีปฏิสัมพันธ์กับแอดของคุณ เพื่อเพิ่มโอกาสการซื้อได้มากขึ้นด้วย

  • สามารถติดตามผลลัพธ์ และจัดทำรายงานเพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดได้ง่าย ๆ

คุณสามารถเช็กผลลัพธ์จากการยิงโฆษณา Google Ads ได้แบบ Real-time ผ่านหน้า Dashboard ของ Google Ad Manager ซึ่ง Google Ad Manager คือ เครื่องมือการตั้งค่าโฆษณา ชำระเงิน และสามารถเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Google ได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถจัดทำรายงานผลการทำโฆษณาได้ง่าย ๆ เพียงใช้ Google Data Studio ดึงข้อมูลจาก Google Ads โดยตรง และลงมือสร้างตารางหรือแผนภูมิสรุปข้อมูล


แคมเปญของ Google Ads สามารถทำอะไรได้บ้าง

เนื่องจาก Google Ads คือ เครื่องมือที่ทุกธุรกิจสามารถใช้งานได้ Google Ads จึงจำเป็นต้องมีวัตถุประสงค์การทำโฆษณาที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ดังนี้

  • Sales: แคมเปญ Google Ads ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์เพิ่มยอดขายออนไลน์ในช่องทางแอปพลิเคชันในโทรศัพท์หรือ Online Shop
  • Leads: แคมเปญ Google Ads ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าหรือหาว่าที่ลูกค้าที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์กับ Ads ของคุณ
  • Website Traffic: แคมเปญ Google Ads ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์เพิ่มยอดเข้าชมเว็บไซต์
  • Product & Brand Consideration: แคมเปญที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ให้ผู้คนเห็นสินค้าและแบรนด์มากขึ้น เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อ
  • Brand Awareness & Reach: แคมเปญที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์เพิ่มการมองเห็นและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
  • App Promotion: แคมเปญ Google Ads ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์เพิ่มยอดการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน โดยการให้ผู้คนเห็นโฆษณาแอปฯ มากขึ้น
  • *Create Campaign Without A Goal’s Guidance: เป็นการสร้างแคมเปญ Google Ads ด้วยการกำหนดเองทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้แคมเปญโฆษณาที่เหมาะสมกับธุรกิจมากที่สุด

Google Ads มีโฆษณารูปแบบใดบ้าง

1. Google Search Campaign

รูปแบบ Google Ads - Google Search Campaign

 

Google Search Ads คือ การโฆษณาด้วย Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายจะใช้ในการค้นหา โดยจะปรากฏผลลัพธ์ของการโฆษณาในรูปแบบของข้อความในหน้า SERP ดูแล้วจะคล้ายกับการทำ SEO แต่จะเห็นผลเร็วกว่า เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในทันที 

สำหรับใครที่ไม่รู้ว่า Search Ads คือ โฆษณาที่อยู่ตรงไหนให้สังเกตว่า ผลลัพธ์การค้นหาที่อยู่บนหน้า Google จะมีสัญลักษณ์ “Ad” อยู่บริเวณด้านหน้า URL ของเว็บไซต์ หากเห็นสัญลักษณ์นี้ให้รู้ว่า นี่คือผลลัพธ์ของการโฆษณาผ่าน Google Search Ads นั่นเอง

2. Google Display Campaign

รูปแบบ Google Ads - Google Display Campaign

 

Google Display Campaign หรือ Google Display Network (GDN) คือ การลงโฆษณาโดยอัปโหลดรูปภาพเพื่อใช้เป็นภาพโฆษณาแล้วนำไปแสดงผลในเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google ในรูปแบบของแบนเนอร์ โดยรูปภาพจะมีขนาดหลากหลายรูปแบบ สามารถใส่ข้อความ ภาพ หรือ CTA คือ Call to Action เพิ่มเติม เพื่อเชิญชวนให้คนคลิกแบนเนอร์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณได้

3. Google Shopping Campaign

รูปแบบ Google Ads - Google Shopping Campaign

 

Google Shopping Ads คือ การทำโฆษณาสำหรับธุรกิจร้านค้าหรือ E-Commerce ออนไลน์ที่ต้องการซื้อ Ads ให้กับหน้าสินค้าที่ร้านค้าขายอยู่บนเว็บไซต์ให้ขึ้นมาแสดงผลลัพธ์ให้กับคนที่ค้นหาหรือมีความสนใจในสินค้า โดยจะปรากฏในรูปแบบของ Shopping Cards ที่อยู่เหนือ Google Search Campaign อีกที ซึ่งปัจจุบัน Google Shopping คือ รูปแบบโฆษณาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ใช้งานเริ่มหันกลับมาซื้อของผ่านเว็บไซต์กันมากขึ้น

4. Video Campaign (YouTube) 

รูปแบบ Google Ads - Google Video Campaign

 

Video Campaign (YouTube) คือ การซื้อโฆษณาวิดีโอบน YouTube โดยจะปรากฏขึ้นได้ในหลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น 

  • TrueView Ads หรือ Skippable Video Ads (โฆษณาที่กดข้ามได้)
  • Non-Skippable Video Ads (โฆษณาวิดีโอที่กดข้ามไม่ได้) 
  • Bumper Ads (โฆษณาที่แสดงเพียง 6 วินาทีและไม่สามารถกดข้ามได้) 
  • Display ads หรือ Banners โดยจะปรากฏในหน้าต่าง ๆ ของ Youtube ยกเว้นหน้า Homepage

5. App Campaign

รูปแบบ Google Ads - Google App Campaign

 

App Campaign คือ รูปแบบการทำโฆษณาเพื่อใช้ในการโปรโมตแอปพลิเคชันใน iOS หรือ Android บน Google Search, YouTube, Google Play และอื่น ๆ ได้

6. Google Discovery Ads

รูปแบบ Google Ads - Google Discovery Ads

 

ที่มา: https://support.google.com/google-ads/answer/9904013?hl=en-AU

Google Discovery Ads คือ การโฆษณาอีกรูปแบบหนึ่งของ Google โดยลักษณะโฆษณาจะเป็นรูปแบบ Native ที่จะดูแล้วเนียนไปกับเนื้อหาของคอนเทนต์เลย ซึ่งจะปรากฏในแอปฯ Google หรือที่เรียกว่า Google Discover Feed, YouTube Home Feed, Social Tab และ Promotion Tab ใน Gmail

7. Google Performance Max

รูปแบบ Google Ads - Performance Max

 

ที่มา: https://blog.google/products/ads-commerce/performance-max/

Google Performance Max คือรูปแบบโฆษณาเวอร์ชันล่าสุดของ Google Ads ที่ทำให้โฆษณาของคุณได้ผลลัพธ์ระดับสูงสุด เพราะสามารถสร้างโฆษณาทุก ๆ รูปแบบบน Google ไม่ว่าจะเป็น Search Ads, Video, GDN, และอื่น ๆ ได้ในแคมเปญเดียว

 


ข้อดี ข้อเสีย ของ Google Ads มีอะไรบ้าง 

แม้ Adwords คือเครื่องมือยอดนิยมสำหรับคนที่ทำการตลาดออนไลน์ แต่ก่อนที่จะเลือกใช้งานเครื่องมือนี้จำเป็นที่จะต้องรู้ข้อดีและข้อเสียของ Google Ads อย่างชัดเจนเสียก่อน โดยเราสรุปมาให้แล้ว ดังนี้

ข้อดีของ Google Ads

  • Google Ads คือ ฟีเจอร์โฆษณาที่ใช้เวลาในการทำไม่นาน และยังเห็นผลลัพธ์ได้ในทันที
  • คุณสามารถตั้งค่า Google Ads ได้อย่างละเอียด ตั้งแต่งบประมาณ ราคาของโฆษณา กลุ่มเป้าหมาย รูปแบบการโฆษณา ไปจนถึงพื้นที่โฆษณาที่ต้องการให้ Ads ขึ้นไปแสดงได้
  • Google Ads สามารถเห็นผลลัพธ์ได้แน่นอน เช่น มีคนคลิกโฆษณาช่วงไหนมากที่สุด มีคนเข้าชมเว็บไซต์กี่คน เป็นต้น
  • Google Ads สามารถลงโฆษณาได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น Google Shopping Ads คือ การโฆษณาสินค้าบนหน้า Google ในรูปแบบของ Shopping Card  Search Ads คือ โฆษณาที่ขึ้นเป็นลิงก์ที่อยู่บนหน้าแรกของการค้นหาใน Google ฯลฯ แถมยังปรากฏขึ้นในหลายแพลตฟอร์ม จึงช่วยในการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ (Brand Awareness) ได้เป็นอย่างดี
  • Google Ads คือ เครื่องมือที่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณาได้ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายเงินเท่าใด ต่อเดือน ต่อวัน และต่อโฆษณา
  • สามารถดูและจัดการบัญชี Google Ads ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายจากที่เดียว

ข้อเสียของ Google Ads

  • การแข่งขันสูง ทำให้ราคาของการโฆษณาไม่แน่นอน (ขึ้นอยู่กับกระแสการแข่งขัน)
  • ไม่ได้การันตียอดขาย แต่ถ้ามีคนคลิกเข้าชมเว็บไซต์ก็ต้องเสียค่าบริการให้กับ Google Ads  ตามจำนวนการคลิกของผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์ถึงแม้ว่าคนกลุ่มนั้นอาจจะไม่สั่งซื้อหรือใช้บริการของคุณหรือไม่ก็ตาม
  • ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการประมูล เว็บไซต์จึงจะติดอันดับ
  • สำหรับ Google Search Ads อันดับของเว็บไซต์จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องเติมเงินเพื่อ Bidding ราคาโฆษณาอยู่ตลอดเวลา

เริ่มต้นโฆษณาโดยใช้ Google Ads 

ตั้งเป้าหมายในการทำแคมเปญ

เริ่มต้นใช้งาน Google Ads  ให้เข้าไปเลยที่ https://ads.google.com/home/ หลังจากนั้นให้คลิกที่ปุ่ม “Start Now” เพื่อเริ่มสร้างแคมเปญ

สร้างโฆษณา Google Ads - Start Now

 

หลังจากลงทะเบียนแล้วจะเป็นขั้นตอนการเริ่มต้นสร้างแคมเปญ Google Ads  โดยจะมีวัตถุประสงค์ของการทำ Google Ads  ให้เลือก 3 รูปแบบ คือ เพิ่มยอดการโทร, เพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์หรือลงทะเบียน และเพิ่มยอดการมาหน้าร้านค้า (ในที่นี้จะขอเลือกเป็นการเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์หรือลงทะเบียน) หลังจากนั้นให้คลิก Next

สร้างโฆษณา Google Ads - Set Ads Goal

 

ตั้งชื่อธุรกิจและเลือก Keywords

สร้างโฆษณา Google Ads - ตั้งชื่อธุรกิจ

 

กรอกชื่อธุรกิจของคุณลงในช่อง Business Name ต่อมาจะเป็นขั้นตอนของการตั้งชื่อธุรกิจและเพิ่ม URL ของเว็บไซต์

สร้างโฆษณา Google Ads - เพิ่ม URL

 

ในหน้าถัดไป คุณสามารถเลือกธีม Keyword ที่ตรงกับโฆษณาและแบรนด์ของคุณได้

สร้างโฆษณา Google Ads - เพิ่ม Keyword

 

หลังจากเลือก Keyword ที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้วให้กด Next เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไป

ตั้งค่า Target Audience

Google Ads คือ ฟีเจอร์ที่อนุญาตให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายโฆษณาด้วยตัวคุณเองได้ อาทิ เลือกจากประเทศ เขต รหัสไปรษณีย์ ฯลฯ ได้ หลังจากที่คุณเลือกทำเลได้แล้วให้กด Next ต่อ

สร้างโฆษณา Google Ads - เลือก Target Audience

 

เริ่มสร้าง Google Ads

ส่วนนี้จะเป็นการสร้างโฆษณา Google Ads โดยในที่นี้จะเป็นตัวอย่างของการทำ Search Ads ที่จะโฆษณาข้อความหรือ Text Ads ขึ้นไปหน้า Google โดยวิธีเขียน Text Ads ให้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายและมีคุณภาพต้องมีลักษณะ ดังนี้

สร้างโฆษณา Google Ads - สร้าง Ads

 

  • เขียนให้ชัดเจน: เขียนข้อความให้สั้น กระชับ ได้ใจความพร้อมแทรก Keywords เข้าไปใน Text Ads อย่างน้อย 1 Keywords เพื่อดึงดูดให้คนคลิกเพิ่มขึ้น
  • เขียนให้ตรงประเด็น: ประกอบด้วยการเขียน Headline Display URL และ Description โดย Display URL จะใส่ที่อยู่หรือโดเมนเนมของเว็บไซต์ ส่วน Description จะเขียนจุดเด่นหรือโปรโมชันของผลิตภัณฑ์แบบตรง ๆ โดยจะกำหนดตัวอักษรประมาณ 80 ตัวอักษร
  • ได้มาตรฐาน: เขียนให้ถูกหลักไวยากรณ์ ชัดเจน เข้าใจง่าย ใจความครบถ้วน มีประโยชน์และเกี่ยวข้องกับ Keyword

ตั้งค่าการเรียกเก็บเงิน

ป้อนข้อมูลการเรียกเก็บเงินให้ครบถ้วน หลังจากนั้นกด Sumbit

สร้างโฆษณา Google Ads - ตั้งค่าการจ่ายเงิน

 

หมายเหตุ: วิธีนี้เป็นการใช้  Google Ads  ในระบบ Smart Campaign คือ ระบบการตั้งค่าโฆษณาสำหรับผู้เริ่มใช้ที่อยากจะลองทำโฆษณาเอง นอกจากนี้ ยังมีวิธีการตั้งค่า Ads แบบมืออาชีพอยู่เช่นกัน โดยสามารถเลือกทั้งรูปแบบการยิงแอด ไปจนถึงสถานที่ปรากฏ Ads ได้เลยทีเดียว


Tips การทำ Google Ad Campaign 

  • ปรับปรุง Landing Page: การทำ Landing Page ที่ดีควรมีคำกระตุ้นการตัดสินใจที่ชัดเจนและเชิญชวนให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่คุณทำการยิง Google Ads เช่น มีการเชิญชวนให้กรอกฟอร์มลงทะเบียน มีการเขียนเชิญชวนให้ทำการกดสั่งซื้อ มีช่องทางสำหรับติดต่อฝ่ายขาย เป็นต้น ไม่เช่นนั้นการทำโฆษณาก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจาก Landing Page ไม่ช่วยทำให้เกิดการตัดสินใจ
  • เขียน Headline อย่างมีกลยุทธ์: อย่างที่ทราบกันดีว่า Headline คือส่วนสำคัญสำหรับการทำ Google Ads เพราะนี่คือสิ่งแรกที่กลุ่มเป้าหมายจะมองเห็นและใช้เป็นสิ่งตัดสินใจด้วยว่าจะคลิกเข้ามาทำความรู้จักกับแบรนด์ของคุณเพิ่มเติมดีหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องแน่ใจว่าคุณเขียน Headline ได้ดี เช่น เขียนสั้น ๆ ให้ได้ใจความ เลือกใช้คำกระตุ้น Call-To-Action ใส่สิทธิประโยชน์ โปรโมชัน หรือเงื่อนไขพิเศษลงไป เป็นต้น 
  • กระจาย Keyword ลงใน Text Ads ด้วย: หากคุณเข้าใช้งาน Google Ads Manager ในโหมดผู้เชี่ยวชาญ เมื่อถึงตอนเขียน Headline และ Description สำหรับ Google Search Ads ระบบจะมี Score การให้คะแนนอยู่บริเวณมุมบนของหน้าด้วย เพื่อให้คุณสามารถประเมินได้ว่า Text Ads ของคุณมีคุณภาพแค่ไหน มีการกระจาย Keyword ลงไปใน Headline และ Description หรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อระยะเวลาการแสดงผลโฆษณาของคุณด้วย
  • หลีกเลี่ยงการประมูลราคาสูงเกินไปตั้งแต่ตอนเริ่มโฆษณา: การ Bidding ราคาสูง ๆ เพื่อให้โฆษณา Google Ads แสดงผลได้เร็ว ๆ อาจได้ผลดีในครั้งแรก แต่เมื่อต้องใส่เงินเพื่อ Bidding อีกครั้ง ก็มีแต่จะทำให้คุณต้องลงทุนเพิ่มมากกว่าเดิม ดังนั้น เราแนะนำให้ค่อย ๆ เติมเงินลงไปในระบบเพื่อ Bidding อย่างพอประมาณ 

ตัวอย่างเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับ Google Ads

หลายคนอาจจะรู้จักเครื่องมือฟรีจาก Google กันมาบ้างแล้ว เช่น Google Analytics คือ เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์เว็บไซต์, Google Search Console คือ เครื่องมือตรวจสอบคุณภาพและข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์ หรือ Google Trend ที่รวบรม Keyword ที่ติดเทรนด์โลกเอาไว้ เป็นต้น เนื่องจากบทความนี้เป็นเรื่องของ Google Ads เราจึงจะขอแนะนำเครื่องมือหลักที่ใช้ร่วมกับการยิง Ads นั่นคือ Google Keyword Planner ที่จะผูกมากับบัญชีของ Google Ads ให้อยู่แล้ว มาดูกันว่า Google Keyword Planner คืออะไร ใช้ทำอะไรบ้าง

Google Keyword Planner

สร้างโฆษณา Google Ads - Google Keyword Planner

 

Google Keyword Planner คือ เครื่องมือที่ใช้ในการค้นหา Keyword ว่าในแต่ละเดือน มีผู้ค้นหาจำนวนมากน้อยเท่าไหร่, มีคู่แข่งมาก-น้อยแค่ไหน หรือมีราคา Bid หรือราคาประมูลเฉลี่ยเท่าไหร่ ซึ่งสามารถนำมาใช้ทำได้ทั้งคอนเทนต์ SEO หรือนำมาใช้ในการยิง Google Ads ก็ได้ โดยจะมีการบอกจำนวนคลิก, Impressions มีจำนวนเท่าไหร่, มีราคาของ Keyword โดยเฉลี่ย, CTR คือ Click Through Rate, CPC คือ Cost per Click เท่าไหร่ได้ด้วย

>> เข้าไปทดลองใช้งาน Google Keyword Planner ได้ที่นี่


Google Ads แตกต่างจากการทำ SEO อย่างไร

หลายคนอาจจะสับสนว่า Google Ads แตกต่างกับการทำ SEO อย่างไร ควรเลือกทำแบบไหนดี ลองดูความแตกต่างของ 2 กลยุทธ์นี้ได้จากตารางด้านล่างนี้เลย 

Google Ads

SEO

เป็นการใช้เงินซื้อโฆษณาจึงจะติดอันดับบนหน้า Google

เน้นการใช้แรง ใช้เวลา และใช้เทคนิคการทำ SEO และติดอันดับบนหน้า Google แบบ Organic โดยไม่เสียเงิน

เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที

ใช้เวลาในการทำอันดับ (ใช้เวลาเป็นเดือน)

Google Ads ส่งผลดีในการทำการตลาดระยะสั้น 

ส่งผลดีในการทำการตลาดระยะยาว 

หากหยุดการโฆษณายอดต่าง ๆ จะลดลง

ยอดต่าง ๆ ทำแล้วอยู่ยาว ๆ (หากติดอันดับ 1-10 ในหน้าแรก)

Google Ads ควบคุมผลลัพธ์เองได้

ควบคุมผลลัพธ์เองไม่ได้ (ไม่สามารถการันตีว่าจะติดอันดับในหน้าแรกหรือไม่)

เนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะ Google Ads ขึ้นอยู่กับการเลือก Keyword และการวางแผน Bidding งบโฆษณาเพื่อให้ติดอันดับใน Keyword นั้น ๆ

ต้องหมั่นอัปเดตเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์อยู่ตลอดเวลา เพื่อแข่งขันกับเว็บไซต์อื่น ๆ

ความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ก็มีผลอยู่บ้าง แต่การ Bidding งบโฆษณามีผลอย่างจำเพาะเจาะจงมากกว่า

จำเป็นต้องอัปเดต Sitemap ให้กับเว็บไซต์อยู่เป็นประจำ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับหลังจาก Google มีการจัดอันดับเนื้อหาใหม่


Google Ads ถือว่าคุ้มค่าต่อธุรกิจไหม?

ปัจจุบัน Google Ads คือ หนึ่งในฟีเจอร์สำหรับการทำโฆษณาออนไลน์ที่ถือได้ว่าคุ้มค่า และควรค่าแก่การลองทำ เนื่องจากหลาย ๆ ท่านมักจะคิดว่า ปัจจัยสำคัญในการทำ Google Ads คือ เว็บไซต์ หากไม่มีเว็บไซต์ก็ไม่สามารถเริ่มทำได้ และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการจ้างนักพัฒนา UX และ UI มาเขียนเว็บไซต์ให้ก่อน

แต่ความเป็นจริงแล้ว Google Ads อำนวยความสะดวกให้คุณได้มากกว่านั้น เพราะหากธุรกิจใดไม่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาได้ฟรีผ่าน Google Ads ได้ โดยต้องอาศัยตัวช่วยอย่าง Google Domains ช่วยค้นหาโดเมนที่ไม่ซ้ำใคร ก่อนสร้างเว็บไซต์ฟรีโดยใช้ Business Profile หรือ Google Site ทั้งนี้ ข้อจำกัดมีเพียงอย่างเดียว คือคุณต้องสร้าง Business Profile ขึ้นมาก่อน เพื่อให้ชื่อของธุรกิจคุณมีตัวตนบน Google Map และ Google Search นั่นเอง

>> ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Google Ads Help


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Google Ads

1. ค่าใช้จ่ายในการใช้ Google Ads ราคาเท่าไหร่?

การใช้งบประมาณไปกับ Google Ads และผลลัพธ์ที่ได้ จะแตกต่างไปตามประเภทของธุรกิจขึ้นอยู่กับการแข่งขันของ Keyword ที่ใช้หรือรูปแบบธุรกิจร่วมด้วย ซึ่งคุณสามารถทำการกำหนดวงเงินงบประมาณ เช่น ยิงโฆษณาแค่วันละ 150 บาท หรือจะใช้ไปเลยวันละ 3,000 บาทก็ได้ ทำให้ไม่มีทางใช้จ่ายเกินขีดจำกัดรายเดือนที่ตั้งไว้ และยังสามารถกำหนดเองว่าจะจ่ายค่า Cost Per Click สูงสุดเท่าไร และจะปรับการใช้งบประมาณอย่างไรบ้างหลังจากเห็นผลลัพธ์ทั้งหมดแล้ว  

2. Smart Campaign คืออะไร? 

Smart Campaign คือ การสร้างแคมเปญ Google Ads รูปแบบหนึ่ง โดยที่ Google จะเลือกกลุ่มเป้าหมายให้เราโดยอัตโนมัติ และยังกำหนดเวลา รวมถึงสร้างรายได้ให้คุ้มค่าอย่างมากที่สุด จึงเป็นการยิง Google Ads ที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นทำโฆษณาและธุรกิจขนาดเล็ก 

3. ธุรกิจประเภทไหน ควรใช้ Google Ads ในการเพิ่มยอดขาย? 

จริง ๆ แล้ว Google Ads เหมาะกับธุรกิจแทบจะทุกประเภทที่อยู่บนโลกออนไลน์ แต่ถ้าถามว่าธุรกิจไหนที่ควรใช้ Google Ads ในการเพิ่มยอดขายที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนก็คงเป็นธุรกิจ E-Commerce ต่าง ๆ ที่สามารถซื้อของออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ได้ เมื่อทำการยิง Ads ไปแล้วก็จะช่วยสร้าง Conversion ให้เกิดกับธุรกิจได้เลย หากคุณทำการกำหนดงบประมาณและกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

4. Google Adsense คืออะไร ต่างจาก Google Adsense อย่างไร?

Google Adsense คือ บริการจาก Google ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีเว็บไซต์สามารถหารายได้จาก Google ได้ จากการติดตั้งพื้นที่โฆษณา เช่น การอนุญาตให้ติดแบนเนอร์โฆษณาบนเว็บไซต์ ฯลฯ โดยเจ้าของเว็บไซต์จะได้รับเงินเมื่อผู้เข้าชมคลิกที่แบนเนอร์โฆษณาตามนโยบายจ่ายเมื่อคลิก (Cost-per-Click) ซึ่งจะใช้งานร่วมกับ Google Ad Manager คือ เครื่องมือช่วยทำการตลาดออนไลน์ผ่านการโฆษณาผ่าน Google

ส่วน Google Ads คือ เครื่องมือสำหรับการซื้อโฆษณาให้ไปปรากฏบนพื้นที่ต่าง ๆ ของ Google ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือเว็บไซต์ที่ทำการลงทะเบียน Google Adsense เอาไว้ด้วย

5. ค่าใช้จ่าย Google Ads ถูกกว่า Facebook Ads ไหม?  

ไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัด ขึ้นอยู่กับการวางแผนค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณาของคุณ รวมถึงรูปแบบโฆษณาที่คุณเลือกใช้ด้วย


คุณก็สามารถเพิ่มลูกค้าได้ด้วย Google Ads 

คอร์สเรียน Google Ads - Digital Tips

 

โดยสรุปแล้ว Google Ads คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับยิงโฆษณา บนเครือข่ายของ Google ที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ทันที แถมยังสามารถกำหนดงบประมาณ ระยะเวลา ไปจนถึงกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เห็นโฆษณาได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ดี การทำ Google Ads อาจไม่ตอบโจทย์สำหรับทุก ๆ ธุรกิจเสมอไป เพราะหากคุณไม่ได้เรียนรู้วิธีการยิงโฆษณาที่เหมาะสมกับแบรนด์ก็อาจทำให้สูญเสียเงินไปโดยไม่ได้ลูกค้ากลับมาเลยก็เป็นได้ คุณจึงควรทำความเข้าใจ Algorithm ของเครื่องมือ รวมถึงวิธีการใช้งานที่ถูกต้องเสียก่อน เพื่อป้องกันการใช้งบประมาณที่เกินกว่าความจำเป็น 

และเพื่อให้คุณ “เข้าถึง” และ “เข้าใจ” ระบบการทำงานของ Google Ads มากขึ้น Digital Tips ขอแนะนำ “คอร์สสอน Google Ads 101 ปูพื้นฐานการทำการตลาดผ่าน Google Ads” โดยอาจารย์พรเทพ เขตต์รัมย์ Founder of Google Analytics Thailand คอร์สเดียวที่จะพาคุณไปล้วงลึกถึงแก่นของการยิงโฆษณากับแพลตฟอร์ม Google พร้อมสอดแทรกเคล็ดลับการยิง Google Ads ให้ติดหน้าแรกแบบที่คุณไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน อย่ารอช้า รีบสมัครก่อนเต็ม!


อ้างอิง

Christina Perricone. (n.d).  Google Adwords ppc. [Online]. Available from: https://blog.hubspot.com/marketing/google-adwords-ppc

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ Google Ads. (n.d). [Online]. Available from: https://support.google.com/google-ads/topic/3119115?hl=th&ref_topic=10286612

Neil Patel.  (n.d). [Online]. How to Set up a Google Search Network Campaign (The Right Way). Available from: https://neilpatel.com/blog/how-to-set-up-a-google-search-network-campaign-the-right-way/

Tony Tran. (2020). [Online]. A Beginner’s Guide to Using Google Ads (Previously Google Adwords). Available from: https://blog.hootsuite.com/google-ads/

 

10 body languages for presentation
Marketing Psychology
ลิสต์ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน สำหรับพนักงานมือโปร 

Topic Summary คนทำงานเตรียมแชร์ไว้ 10 ภาษากายเพื่อการพรีเซนต์งาน เพิ่มสกิลการเป็นมือโปร และทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวคุณ! ในบรรดาความรู้เรื่อง Body Language ทั้งหมด ภาษากายที่ใช้ในการพรีเซนต์งาน…

body languages
Marketing Psychology
เช็กก่อนใคร! ตำแหน่งของ Body Language ตัวช่วยอ่านพฤติกรรมคนจากภาษากาย

Topic Summary อยากรู้ไหม? เวลาอ่านใจคนจากภาษากาย ตำแหน่งของ Body Language ส่วนใดบ้างที่คุณต้องดู และแต่ละตำแหน่งมีความสำคัญอย่างไร ใคร ๆ ก็อยากเชี่ยวชาญการอ่านใจคนด้วยภาษากาย…

what is psychology of pricing
News
เข้าใจจิตวิทยาราคา พร้อมแจกกลยุทธ์การตั้งราคา ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อเร็วกว่าที่เคย

เพิ่งเปิดธุรกิจใหม่ ควรตั้งราคาอย่างไรดี Digital Tips แชร์เทคนิคการตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา พร้อมเคลียร์ชัดความหมายของจิตวิทยาราคา อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที! Content Summary  จิตวิทยาราคา คือ การกำหนดราคาสินค้าโดยอ้างอิงจากการรับรู้ทางจิตวิทยา…